ตอนที่ 19 หลักฐานแน่ชัด
ทั่วอกของเฉินเฮ่ามีแต่ความเจ็บปวด เมื่อครู่กำลังภายในของคนลึกลับผู้นั้นแข็งแกร่งมาก ไล่เลี่ยกับเขาอย่างเกินความคาดคิด และ ดูท่าทางของวิทยายุทธ์แล้ว คล้ายกับจะเป็น วิทยายุทธ์อย่างหนึ่งที่มาจากเขตชายแดน คือ ฝ่ามือฟ้านิรันดร์
ยากที่จะพูด คนเมื่อครู่นั้นมาจากเขต ชายแดน?
ไม่น่าจะใช่ เขาไม่มีศัตรูที่เขตชายแดน คนลึกลับผู้นั้นไม่มีทางเดินทางมาเป็นหมื่นลี้ เพื่อมาที่ตำหนักอ๋องเซง เพื่อที่จะสอดแหนม ชีวิตของเขา
สายตาที่รุนแรงของเขาก็กวดมองไปยังเหลียงซีนที่ถูกแขวนอยู่บนต้นไม้ มีลมหายใจ รวยริน ดวงตาคู่นั้นหรี่เล็กลง ที่สุดแล้วสตรีผู้นี้ กับคนลึกลับนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างไร
ความจริงทั้งหมดนี้ นับวันยิ่งน่าสนใจ
“พวกเจ้าสองคนนำตัวพระชายาส่งกลับไป ที่เรือนเจียวหยาง เฝ้าดูนาง อย่าให้นางตาย พรุ่งนี้ ข้าสอบสวนด้วยตนเอง” เฉินเฮ่าสั่งกำชับออก มา ฉินฮั่วและชิวยั่วตอบรับ คล้ายกับได้บุญคุณที่ยิ่งใหญ่
ถูกแขวนบนต้นไม้ค่อนคืน แถมยังตากฝน จนเปียก เหลียงซีนเมื่อถูกส่งกลับ ไข้ก็ขึ้นสูง ไม่หยุด ร่างกายไม่ได้สติ
ถ้าหากเย็นวันนี้ไข้ยังไม่ลดลงอีก จะต้องไข้ขึ้นจนโง่เป็นแน่
“ชิวยั่ว พระชายาไข้สูงไม่ลดลง จะทำยัง ไงดี” ฉินฮั่วเอ่ยถามอย่างร้อนใจ
ชิวยั่วก็ร้อนใจเหมือนกับมดบนหม้อที่ร้อน เช่นกัน แต่ว่าสมองที่วิงเวียนปกติก็คิดสิ่งใดไม่ ออกอยู่แล้ว สุดท้ายถึงได้แต่เอ่ยขึ้นว่า
“พวกเราเพิ่มความอบอุ่นให้พระสนมก่อน"
เลือกใช้การเพิ่มความอบอุ่นที่ธรรมดา ที่สุดคือการผ้าขนหนูเย็นเช็ดตัว ครั้งก่อนที่เหลียงต้งมาได้ให้ยาจินซวงกับเหลียงซีนจึงได้ รักษาการบาดเจ็บจากแส้ รอให้ถึงวันที่สอง ก็จะหายดีขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย
เมื่อเหลียงซีนลืมตาขึ้น ด้านหน้าขาวจน แสบตา นางคิดแม้กระทั่งว่าตนเองมาถึง สวรรค์แล้ว แต่ว่าข้างหูกลับได้ยินเสียงที่คุ้น เคยที่ทั้งดีใจและตกใจ “พระชายา ท่านฟื้นแล้ว ช่างดีจริงๆ เลยเพคะ”
นางค่อยๆ หัวหน้า สภาพด้านหน้าสายตา ค่อยๆ มีแสงสว่างใบหน้าที่ร่าเริงของชิวยั่วส่อง อยู่ที่ด้านหน้าของนาง เดิมทีแล้วนางยังคงอยู่ที่ ตำาหนักอ๋องเซง
“ชิวยั่ว เมื่อวานตอนเย็นข้าไม่ใช่ถูก ทำโทษอยู่ที่ลานใหญ่หรือ ทำไมถึงกลับมายังเรือนเจียวหยางแล้ว"เหลียงซีนยกแขนที่หนักหน่วงปิดที่ศีรษะ เอ่ยถามอย่างข้องใจ
ฉินฮั่วจึงเอ่บตอบอย่างช้าๆ ขึ้น “พระชายา เอก เมื่อวานตอนเย็นเกิดเรื่องขึ้นมากมาย คนลึกลับผู้นั้นที่สนทนากับท่านถูกท่านอ๋องจับได้ ทั้งสองคนยังต่อสู้กัน หลังฝ่ามือสุดท้าย ของทั้งสองคน คนลึกลับผู้นั้นก็หนีไปเจ้าค่ะ”
เดิมทีแล้ว เฉินเฮ่าไม่ได้โง่เช่นนั้นอย่างที่ นางจินตนาการ รู้ว่าตำหนักของตนเองทุกวัน ถูกคนสอดแหนม เพียงสบโอกาส ก็ใช้กำลัง ทั้งหมดเข้าไปจับกุม
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของเหลียงซีนก็อด ที่จะคิดไม่ดี คนลึกลับผู้นั้นถูกเฉินเฮ่าพบตัว แล้ว คนที่จะซวยคนต่อไปก็ต้องเป็นนาง
เฉินเฮ่าจะต้องคิดว่านางและคนลึกลับผู้นั้นมีความเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้น นางพิสูจน์อย่างไรก็ไม่มีทางพ้นผิดได้
คิ้วของเหลียงซีนถึงขมวดแน่น คิดหาทาง
ผ่านความยากลำบากนี้อย่างเงียบๆ ไม่คาดคิด ว่าเฉินเฮ่านั้นจะก้าวเข้ามาที่เรือนเจียวหยางแล้ว อย่างตรงต่อเวลา
เขาเดินมาเหมือนพายุ สองสามก้าวก็เข้า มาถึงด้านในห้อง ดวงตาคู่นั้นเหมือนเหยี่ยว ที่มีไอสังหาร คล้ายกับอยู่ในการสอบสวนนักโทษเพ่งมายังเหลียงซีน
“เหลียงซีน เจ้าอธิบายมาว่าเมื่อวานตอน เย็นคนลึกลับคนนั้น สุดท้ายแล้วคือมีเรื่อง อะไรกันแน่”
เมื่อได้ฟังถึงการซักถามหัวของเหลียงซีน ก็คาดไว้แล้วว่าเขาต้องถามเช่นนี้ “ท่านคิดว่า เกี่ยวข้องกันยังไง ก็คือเกี่ยวข้องกันอย่างนั้น ข้าพูดแล้วถึงอย่างไรท่านก็ไม่เชื่ออยู่ดี”
สตรีผู้นี้แท้จริงแล้วฉลาดมีคารมคมคาย ประโยคเดียวก็สามารถทำให้คนโกรธแทบจะ เป็นจะตาย
แต่สภาพนั้นของเมื่อวานตอนเย็น ความจริงคือเขาได้เห็นได้ยินกับตนเอง อยากให้เขา เชื่อนั้นก็คงยาก
สีหน้าของเฉินเฮ่าจึงเพิ่มความเย็นชา ขึ้น “เจ้าน่าจะรู้ สมคบกับคนนอกที่ชั่วช้า ต้องโทษ ตายสถานเดียว"
การกล่าวหาที่ร้ายแรงเช่นนี้เกิดขึ้นอย่าง ฉับพลับไม่ทันป้องกันก็วางใส่บนศีรษะของเหลียงซีนแล้ว นางเงยหน้าอย่างช้าๆ “ท่านมีหลัก ฐานอะไรที่เอ่ยว่าข้าสบคบกับคนนอกที่ชั่วช้า"
“เมื่อวานตอนเย็น เจ้าแอบหนีออกจากประตูข้างไป อย่าคิดว่าข้าไม่รู้"
เฉินเฮ่าฮัมเสียงเย็นขึ้น เขาไว้หน้าสตรีผู้นี้ กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่นางกลับทำให้เขาผิดหวัดนับ ครั้งไม่ถ้วน
เอ่ยถึงเรื่องราวนี้ขึ้น เหลียงซีนก็ล้วง เข้าไปในชายเสื้อของตนนำกระเป๋าเล็กๆที่ เหลือเพียงครึ่งเดียวจากการถูกเผาทำลายออกมาทันที สิ่งนี้คือหลักฐานที่เมื่อวานตอน เย็นนางหามาได้อย่างลำบากในป่าช้า
“เมื่อวานตอนเย็นข้าแอบออกจากตำหนัก เพื่อตามหาหลักฐานมายืนยันว่าเรื่องที่ ชายารองของท่านถูกข่มเหง แท้จริงแล้วไม่ใช่ฝีมือของ ข้า” เหลียงซีนเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น
เฉินเฮ่าขมวดคิ้วขึ้นแน่น มองกระเป๋าเล็กๆ ในมือของเหลียงซีนอย่างข้องใจ เหมือนไม่เชื่อ ว่ากระเป๋าใบเล็กนี้และเรื่องของน้องอินมีความ เกี่ยวข้องกัน
“เหลียงซีน ท้ายที่สุดแล้วเจ้าอยากจะ พูดอะไร” นานไปเขายิ่งไม่เข้าใจสตรีผู้นี้
“กระเป๋าเล็กนี้ข้าพบในป่าช้า บนร่างของ บ่าวผู้นั้น ผ้าบนกระเป๋าเล็กคือผ้าปักลายเมฆไหล ในตอนแรกฮองเฮาทรงมอบให้กับชายารองด้วยมือของตนเอง มีเพียงเรือนเล่ออิน เท่านั้นที่มี และในกระเป๋าเล็กนี้ ใส่ปิ่นปักผม ของชายารองเอาไว้”
หลังจากที่เหลียงซีนเอ่ยจบ ก็ทิ้งกระเป๋า ใบเล็กในมือให้กับเฉินเฮ่า ให้เขาได้เห็นมัน อย่างชัดเจน
“ท่านอ๋องเฝ้าเรือนเล่ออินให้เข้มงวดเช่นนั้น อย่าพูดว่าคนของข้าเข้าไปได้ แม้แต่ตัวข้า เองก็ยังสามารถเข้าไปไม่ได้ ไม่ต้องคิดว่าข้า แอบนำปิ่นปักผมของชายารองยัดใส่ เข้าไปในกระเป๋าใบเล็กนี้ ตั้งใจเพื่อใส่ร้ายนางอีกล่ะ”
เหลียงซีนยิ้มบางๆ อย่างงดงาม เปิดเผย ความจริง ดวงตาก็ยังมีความสดใสงดงาม ทำให้ผู้คนมองตาไม่กระพริบ
นางล้วนพูดอย่างกระจ่างชัดเจนทั้งหมด แล้ว เฉินเฮ่าควรจะเดาออกแล้วว่า เรื่องคราวนี้ คือเหลียงอินและบ่าวผู้นั้นเกิดความรู้สึกขึ้นต่อกัน เมื่อเกิดเพราะความรู้สึก ก็ไม่ใช่การใส่ความผู้อื่น
จากปิ่นปักผมอันนั้น ก็สามารถเห็นได้
มือของเฉินเฮ่ากุมปิ่นปักผมนั้นเอาไว้แน่น ไม่นานมานี้ เขาเพิ่งมอบให้กับน้องอิน ข้างบนสลักชื่อของนางเอาไว้
แม้ว่าความจริงจะวางอยู่ตรงหน้า แต่เขา ไม่เชื่อเช่นเคย น้องอินจะสามารถทำให้เขาผิดหวังด้วยการเรื่องราวเช่นนั้นออกมา
“กล้า เจ้าไปเชิญชายารองมายืนยัน ต่อหน้าข้าที่นี่”
พูดความจริงแล้ว เฉินเฮ่าไม่เชื่อตั้งแต่แรกว่าเหลียงอินจะเป็นคนเช่นนั้น
..