บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 17 สิบสามไม้

เหลียงอินขมวดคิ้วที่ดูงดงาม คล้ายกับว่า ตนเองคือคนที่ถูกทำร้าย “หวางโผ เจ้าคิดว่า ข้าดูใจดำเกินไปหรือไม่ ที่ข้ารับมือเช่นนี้กับพี่ซีน วันข้างหน้าก็คงต้องตกนรกเป็นแน่”

หวางโผส่ายหน้า เดินเข้าไป จับที่มือของ นางแน่น ดูเหมือนจะให้พลังของตนถ่ายทอด ไปให้กับนาง

“พระสนม วันข้างหน้าที่ถึงทางเข้าด้านหน้าตำหนักของยมราช ท่านเพียงผลักหน้าที่ ทั้งหมดให้กับบ่าวชราเช่นข้าเถอะเจ้าค่ะ แม้ต้องตกนรก บ่าวชราผู้นี้ก็จะอยู่ข้างกาย สนับสนุนท่าน ท่านเพียงสงบใจไว้”

เหลียงอินได้ยินดังนั้น ร่างกายก็ค่อยๆ สั่น เทาขึ้น สะอึกสะอื้นเข้ากอดหวางโผตามมา ทันที ซาบซึ้งจนไม่สามารถเป็นตัวของตนเองได้

“หวางโผ บนโลกนี้นอกจากท่านแม่แล้ว ท่านคือคนที่ดีต่อข้าที่สุด”

หวางโผย้อนถึงความทรงจำที่ผ่านมา แล้ว ถอนใจ “ก่อนที่ฮูหยินกำลังจะจากไปได้ฝากฝัง ท่านไว้กับบ่าว บ่าวก็รับปากว่าจะปกป้องดูแล ท่านอย่างดี ถึงแม้ว่าต้องใช้ชีวิตของบ่าว ก็ไม่ คิดเสียดายเจ้าคะ”

ภายในแสงไฟใต้ความมืดสลัว ปากของเหลียงอินค่อยๆ ขาวซีดขึ้น สายตามีความเยือก เย็นแวบขึ้นมาเหมือนกำลังจะตาย

ด้านมุมหนึ่งของประตูข้างทางทิศตะวัน ออกเฉียงเหนือในตำหนักอ๋องเซง

ที่นี่คือประตูด้านหลังที่คนมองข้ามมาก ที่สุดในตำหนักอ๋องเซง ปกติส่งผัก รับน้ำล้าง ผักและน้ำล้างถ้วยชาม จัดการศพคนตายล้วน ใช้ประตูนี้ ดังนั้นจึงไม่มีคนเฝ้าที่ประตู

เมื่อเหลียงซีนไปถึงที่นี่นั้น ฉินฮั่วและชิวยั่วก็อยู่ที่นี่รอคอยนางแล้ว

“พระสนม ออกนอกตำหนักไปโดยพละ การมีโทษหนักนะเจ้าคะ เกิดถูกจับได้ขึ้นมา ได้รับการลงโทษอย่างหนักแน่เลยเจ้าคะ ดัง นั้นภายในครึ่งชั่วยามจะต้องกลับมา มิฉะนั้น อาจจะถูกพบเจอได้ง่ายนะเจ้าคะ” ฉินฮั่วเอ่ยเตือน

“ข้ารู้แล้ว พวกเจ้ารีบกลับไปก่อน เมื่อถึง เวลาที่ถูกคนจับได้แล้ว ก็พูดว่าข้าแอบออกไป ด้วยตนเอง ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า จำได้ใช่หรือไม่” เหลียงซีนมองพวกนางอย่างจริงจัง

สาวใช้สองคนนี้ติดตามอยู่ข้างกายของ นาง ได้รับความทุกข์มามากมายแล้ว นางก็ ใจแข็งไม่พอที่จะให้พวกนางรับโทษเช่นเดียว กับตนอีกแล้ว

หากนางสามรถกลับมาอย่างปลอดภัย

นั้นก็จะดีอย่างยิ่ง หากถูกจับได้ ก็คงไม่ดึงพวก นางเข้ามาเกี่ยวข้อง

ฉินฮั่วและชิวยั่วมองตามไป กำลังจะเอ่ย ปฏิเสธ เหลียงซีนก็รีบวิ่งออกไปแล้ว

ตามในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม ในกลางคืนที่เงียบสงบ ก็มาถึงป่าช้าที่มืดมิด จนได้ ที่นี่เมื่อขอบฟ้าสับเปลี่ยนหมุนเวียนจน เห็นพระจันทร์โค้ง ก็จะแสดงให้เห็นถึงความ วิเวกวังเวงและความหนาวเย็นที่ดูเงียบเหงา

แม้ว่าในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดนั้นจะเห็นศพ มากมาย แต่เหลียงซีนก็ยังเป็นครั้งแรกที่มา สถานที่ที่เป็นป่าช้าเช่นนี้ ที่นี่เหม็นคาวไม่มี อะไรเทียบได้ อีกแค่นิดเดียวนางก็จะอดกลั้น ไม่ไหวจนจะอ้วกออกมาแล้ว

ในเวลานี้ ห่างไกลออกไปก็มีเสียงร้องไห้ ของหญิงสาวดังขึ้นมาให้ได้ยิน เหมือนไม่ใกล้ ไม่ไกล ร้องจนกระทั่งทำให้คนหวั่นกลัว

ในใจของเหลียงซีนเต้นแรง ร้องตะโกนออกไปทันที “ผู้ใดร้องไห้?"

หลังจากที่นางเอ่ยถามเสร็จลง เสียง ร้องไห้ก็หยุดลง จากนั้นครู่หนึ่งก็มีเสียงฝีเท้า วิ่งออกไป เหลียงซีนจึงไล่ตามแสงไฟที่ริบหรี่ ไป แต่ว่ากลับไล่ตามไม่ทันคนผู้นั้น

แปลกอย่างยิ่ง มีเหตุผลอันใดที่บอกว่ามา ป่าช้าแล้วจะมีเสียงร้องไห้ออกมาจากหลุมศพ

เหลียงซีนก้มลงมอง หน้าดินที่ยังไม่มีการ จัดการกระดาษเงินกระดาษทองและเทียนไข ให้เรียบร้อยบางส่วน ด้านข้างก็มีร่องรอยที่ดำ ขลับจากการเผา ตามประสบการณ์ของนาง นี่คือที่เผาศพแน่นอน

ด้านข้างที่เผาศพ ยังพบบางอย่าง ข้างบน นั้นยังมีถุงผ้าเล็กๆ ที่ครึ่งหนึ่งยังสะอาดไม่ถูก ไฟไหม้ มองดูแล้วเหมือนจะเป็นของเครื่องประ ดับชิ้นหนึ่งที่เหลียงอินแขวนไว้บนเสื้อผ้า

หรือว่านี้จะเป็นบ่าวที่ถูกเผาไปแล้วผู้นั้น เมื่อครู่ที่เป็นเสียงร้องไห้ของหญิงสาวผู้นั้นก็ คือบ่าวผู้นี้

เหลียงซีนค้นพบความเกี่ยวข้องกันของ เรื่องราวบางส่วนแล้ว สัญชาตญานของนาง บอกว่าความจริงใกล้ที่เปิดเผยออกมาแล้ว

หลังหยิบถุงผ้าที่เหลือเพียงครึ่งเดียวนั้น ขึ้นมา นางก็เร่งรีบกลับไปที่ตำหนัก

คิดไม่ถึงว่า หลังจากกลับไปแล้ว พบว่า เมื่อครู่ที่หลบหนีออกไปประตูนั้นก็ถูกคนเฝ้าไว้ แล้ว ในใจของนางสั่นระริก นางออกไปยังไม่ ถึงครึ่งชั่วยาม ตนเองก็ถูกจับได้เสียแล้ว

“พระชายา ท่านอ๋องรอคอยท่านอยู่ที่ห้อง โถงใหญ่ เชิญไปกับบ่าวขอรับ” พ่อบ้านเอ่ยขึ้น อย่างเคร่งขรึม เหลียงซีนรู้แล้วว่าตนเองยากที่ จะหนีเคราะห์ร้ายนี้ไปได้

นางเดินตามพ่อบ้านมายังห้องโถงใหญ่ อย่างเชิดอกหน้าตั้ง ประจวบเหมาะกับที่นาง ยังมีเรื่องที่ต้องพูดคุยกับเฉินเฮ่าให้กระจ่างชัดเจน

เมื่อนางมาถึงยังห้องโถงใหญ่นั้น เพียง ก้าวเท้าเข้าไป ก็เห็นฉนฮัวและชิวยั่วถูกโบยจน แทบจะเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย ได้ รับบาดเจ็บไปทั่วร่างกายจนต้องนอนอยู่บนพื้น

ในใจของนางรู้สึกหนักทันที สีหน้าเปลี่ยน ไปอย่างฉับพลันทันที นางออกไปได้ไม่นานไม่ ถึงครึ่งชั่วยาม เฉินเฮ่าก็โบยพวกนางจนถึง ขนาดนี้เลยหรือ

“เฉินเฮ่า นี่คือฝีมือท่านใช่หรือไม่” เหลียงซีนที่โมโหตะโกนขึ้น รีบวิ่งไปยังด้านหน้า ของเฉินเฮ่า แต่ว่าร่างของนางกลับถูกเขาจับยกขึ้น

จากนั้น เขาออกแรงที่ข้อมือเพียงนิดเดียว ร่างกายของเหลียงซีนก็ลอยขึ้นแล้วกระแทก เข้ากับประตู เหมือนกับกระดูกหักทั่วทั้ง ร่างกาย

เสียง “ฟู่” ที่ดังขึ้น นางจับที่หน้าอก แล้วกระอักเลือดออกมา

“พวกเจ้าเข้ามา ช่วยข้านำตัวสตรีผู้นี้ไป แขวนไว้ แล้วโบยอย่างหนักสิบสามไม้” เฉินเฮ่าใบหน้าบึ้งตึง กำชับสั่งบ่าวไพร่

ในเวลานี้ เขาเหมือนกับอสูรที่มาจากนรก ทั่วร่างกายล้วนเต็มไปด้าวกลิ่นอายของความ กระหายเลือด คล้ายกับต้องการที่จะกลืนกินเหลียงซีนเข้าไปทั้งตัว

เหลียงซีนยังไม่ทันที่จะได้ครุ่นคิดอะไร มือทั้งสองข้างก็ถูกจับมัดขึ้น แขวนบนต้นไม้ ต้นหนึ่งในตำหนัก บาดแผลบนร่างกายเปรียบไม่ได้กับความเจ็บปวดทางใจ

เขาเกิดบ้าอะไรขึ้นมากัน

“เฉินเฮ่า ท่านทำร้ายข้าได้ ก็ควรที่จะให้ เหตุผลด้วย"เหลียงซีนลมหายใจเฮือกสุดท้าย เอ่ยถาม ถึงแม้ว่าจะต้องการ นางก็อยากเข้าใจ

“เรื่องที่ตนเองเป็นคนทำ เจ้ายังจะต้องให้ ข้าพูดเหตุผลให้เจ้าฟังอีกหรือ ข้าบอกเจ้าครั้ง แล้วครั้งเล่า ว่าให้อยู่เพียงข้างนอกคอย ปรนนิบัติน้องอิน แต่เจ้ากลับวางยาในอาหารของนาง หากไม่ใช่หวางโผพบเข้า น้องอินก็คง...”

...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel