บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 16 ซักผ้า

เมื่อวานก่อนที่จะเข้าไปในคุกใต้ดิน ได้ให้ ทั้งสองคนไปที่บริเวณใกล้กับเรือนเล่ออินเพื่อ แอบฟัง ศพของบ่าวที่ข่มเหงเหลียงอินผู้นั้นถูก ฝังไว้ที่ไหน

แต่นางที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชที่ เลื่องชื่อลือนามในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เพียงมีศพ ก็จะสามารถหาร่องรอยบางอย่างได้

“พระชายาเอก บ่าวไร้ความสามารถ เมื่อไปถึงบ่าวผู้นั้นถูกเผาไปเรียบร้อยแล้วเจ้า คะ” ชิวยั่วส่ายหน้าเพื่อขอโทษ

คนในสมัยโบราณก็เข้าใจการเผาศพใช่ หรือไม่ ทำไมไม่หาที่ฝังศพในป่าช้า เช่นนี้ใน นั้นจะต้องมีเบาะแสเป็นแน่

“บอกสถานที่เผาศพแก่ข้า ข้าจะต้องไปดู ให้เห็นกับตา"เหลียงซีนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“อยู่ในป่าช้าที่ด้านนอกตำหนักเพคะ หลัง จากที่เผาเสร็จแล้วฝังไว้ที่ใดก็ไม่มีใครยุ่ง เพคะ” ฉินฮั่วเอ่ยขึ้น

“ดี ตอนเย็นวันนี้ข้าจะเจียดเวลาไปดูสัก หน่อย พวกเจ้าสองคนอยู่ที่ประตูหลังช่วยข้าดู ต้นทาง”

เหลียงซีนสั่งกำชับเสร็จสิ้น หลังจากนั้น พริบตาเดียวก็สวมใส่เครื่องแต่งกายของสาว ใช้มายังเรือนเล่ออิน เรือนที่เหลียงอินพำนักอยู่

ได้ยินมาว่า เรือนเล่ออินสามตัวอักษรนี้ เป็น เฉินเฮ่าใช้หมึกเขียนลงไปในวันที่เหลียงอิน เข้าตำหนักมา หมายความว่าเหลียงอินมาเข้า พักที่นี่ ดังนั้นจึงเรียกกันว่าเรือนเล่ออิน

น่าสะอิดสะเอียนจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเฉินเฮ่า คนที่เย็นชาอย่างยิ่งนั้น ก็มีด้านนี้เหมือนกัน

เมื่อเข้ามาที่เรือนเล่ออิน ก็เผชิญหน้ากับหวา งโผคนที่ถูกนางทำร้ายเมื่อเช้าวันนี้ในคุกใต้ดิน นางมองเหลียงซีนด้วยความโกรธที่รุนแรง หลังนั้นก็ยัดถังไม้ใส่ในมือของนาง

“วันนี้งานที่เจ้าต้องทำคือซักเสื้อผ้า ซัก เสื้อผ้าของทุกคนที่อยู่ในเรือนนี้ และต้องซักให้ สะอาด” ในที่สุดหวางโผก็มีโอกาสที่จะแก้แค้น

เหลียงซีนกวาดสายตามองนางคล้ายกับ ว่าอยู่ในฐานะที่เป็นต่อ “ข้ามาปรนนิบัติน้องอิน ไม่ใช่มาซักผ้า ยังมีข้ายังคงเป็นพระชายาเอก ที่ถูกต้องตามประเพณี เจ้าเป็นแค่บ่าวต่ำต้อย รับใช้กล้าพูดกับข้าเช่นนี้หรือ

หวางโผถูกนางทำให้แค้นใจใบหน้าจึงทั้ง ซีดทั้งแดง ตกตะลึงจนแม้คำพูดเดียวก็พูดไม่ออก

เวลานั้น เหลียงอินก็ค่อยๆ เดินออกมาจาก ประตูด้านใน ร่างกายนั้นดูอ่อนแอเหมือนกับสามารถถูกลมพัดไปได้ทุกเมื่อ ช่างเหมือน ดอกลิลลี่ที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางลมที่รุนแรง ในฤดูหนาว

“พี่ซีน แม้ว่าท่านอ๋องจะให้มาปรนนิบัติ ข้า แต่ไม่ได้อนุญาตให้ท่านมาอยู่ข้างกายข้า ดังนั้นจึงขอให้พี่ซีนอดทนการไม่ได้รับความ เป็นธรรมนี้ น้องก็สามารถช่วยขอความเมตตา ให้แก่พี่ซีนได้เพคะ” เหลียงอินไอขึ้นมา แล้ว ยิ้มอย่างรู้สึกผิดในใจ

“ไม่ต้องแล้ว ซักเสื้อผ้าก็ซักเสื้อผ้า เอา เสื้อผ้าออกมา"เหลียงซีนดึงชายแขนเสื้อขึ้น พูดว่าทำก็ต้องทำ

คำพูดนี้ของนางอยู่ในความต้องการของ หวางโผ ที่หวางโผนำมาที่ไหนได้คือเครื่อง แต่งกายของคนทั้งหมดในเรือนเล่ออิน รวมถึงเครื่องแต่งกายของบ่าวก็ล้วนทิ้งให้นาง

มองเห็นในถังไม้นั้นเต็มไปด้วยเสื้อผ้า เหลียงซีนก็ตะลึงอย่างถึงที่สุดแล้ว

“ซักไม่เสร็จไม่อนุญาตให้กินข้าว ซักไม่ สะอาดก็ไม่อนุญาตให้กินข้าว ข้าจะให้คนคอย เฝ้าดูเจ้าอยู่ที่นี่ ทางที่ดีอย่าแอบอู๋”

เหลียงซีนพยักหน้า ได้ ซักก็ซัก

นางไม่พูดไม่จาแม้แต่คำเดียว รับถังไม้ มาก็เริ่มลงมือซักผ้า

ด้วยเสื้อผ้าของคนในสมัยโบราณนั้นจะ ต้องยาว ซักแล้วจึงลำบากอย่างมาก นางใช้ เวลาซักอยู่นานเพิ่งได้แค่ไม่กี่ชิ้น แต่หวางโผก็ ยังไม่พอใจ ให้นางซักใหม่อยู่หลายรอบ จนถึงค่ำก็ไม่สามารถซักเสร็จ

สายตามองแล้วเห็นว่าถึงเวลานัดที่จะออก นอกตำหนักแล้ว เหลียงซีนใจร้อนดั่งไฟ เย็นวันนี้นางจะต้องออกจากตำหนักอย่างราบรื่น ถึงป่าช้าแล้วตรวจสอบให้กระจ่างชัดถึง สถานะของบ่าวผู้นั้น

ผ่านไปไม่นนาน เหลียงซีนเห็นว่าที่ซักผ้า ไม่มีคนแล้ว จึงคิดที่จะแอบย่องออกไป คิดไม่ ถึงว่าจะมีร่างอ้วนร่างหนึ่งออกมาขวางด้าน หน้านางไว้

“พระชายาเอกไม่ซักผ้าละเจ้าคะ จะออกไปที่ใด” หวางโผที่หน้าบึ้งเอ่ยถาม

เหลียงซีนสองมือทาบอก ถลึงตามองนาง อย่างเย็นชารุนแรง “พระชายาเอกเช่นข้าจะไป ที่ใดจะต้องรายงานเจ้าหรือ ไสหัวออกไป"

“ขอโทษเจ้าคะ พระชายารองขอเรียน เชิญ เชิญไปที่ตึกล่ออินเพคะ” หวางโผยื่นมือ ออกมา ชี้ไปยังทิศของเรือนเล่ออิน

ท้ายที่สุดแล้วเหลียงอินกำลังคิดจะทำ อะไรของนางกันแน่ ประเดี๋ยวพูดไม่สามารถ พบนางได้ ประเดี๋ยวเดียวก็เชิญให้นางไปเรือนเล่ออินโดยเฉพาะ ในนั้นจะมีอุบายอะไรหรือไม่

แต่ว่า ถึงแม้มีอุบาย นางเหลียงซีนก็ไม่ สนใจ ไปก็ไป ใครกลัวใครกันเล่า

ที่ทำให้นางคาดไม่ถึงคือ เมื่อเข้าไป ก็มอง เห็นว่าในห้องวางเต็มไปด้วยอาหารดีๆ ที่โอชาเลิศรส นางที่ทั้งวันไม่ได้มีอะไรตกถึงท้อง หิวจนแทบที่จะทนไม่ไหว แต่ว่ามองไปที่อาหารเลิศรสเหล่านั้น คิดออกเพียงสามคำ “งานเลี้ยงหงเหมิน”

“พี่ซีนมาถึงแล้ว รีบนั่งลงเถอะเจ้าค่ะน้องรอพี่ซีนมากินอาหารด้วยกันรอนานแล้วเพคะ พี่ซีนลองดูอาหารพวกนี้ถูกปากหรือไม่ หากไม่ ชอบข้าก็จะให้คนที่ห้องครัวทำมาใหม่เพคะ” เหลียงอินพูดอย่างรู้ใจ

เหลียงซีนใช้สายตาสำรวจไปที่ร่างกาย ของนาง คิดไปคิดมา จนสุดท้ายฮัมเสียงขึ้น อย่างเย็นชา “ชักชวนผู้อื่นอย่างไม่อาจปฏิเสธ ได้ คือซ่อนเจตนาที่ชั่วร้ายเอาไว้”

ใบหน้าของเหลียงอินยังรักษาอาการของ คนไม่มีความผิดเอาไว้ต่อไป “พี่ซีนกำลังพูด อะไรเจ้าคะ ประโยคเดียวน้องก็ฟังไม่เข้าใจ”

“ฟังไม่เข้าใจไม่เป็นไร ในใจของเจ้า เข้าใจก็ดีแล้ว อาหารเย็นยังไงเจ้าก็ค่อยๆ เพลินไปเถอะ กินแล้วเจ็บป่วยขึ้นมา ข้าไม่อาจชดใช้ได้” เหลียงซีนยิ้มอย่างเศร้าใจ

หลังจากพูดจบ นางก็ยกขาขึ้น ก้าวเร็ว แล้วออกจากเรือนเล่ออินไป

แม้ว่าเย็นวันนี้เหลียงอินจะใจดีคิดอยาก จะทำเช่นนี้ นางก็ไม่มีเวลาที่จะอยู่ที่นี่ได้แล้ว ที่สุดนางยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าที่จะต้องทำ

สายตามองรูปร่างที่เล็กบอบบางของนาง กลืนหายไปในความมืดของค่ำคืน รอยยิ้มที่ งดงามบนใบหน้าของเหลียงอินก็ยื้อต่อไว้ไม่ ไหว ประเดียวเดี๋ยวก็สูญหายเกือบหมดทุกอย่าง

หวางโผย่อมจะต้องรู้ว่าเหตุผลคืออะไร อย่างแน่นอน เป็นสินเดิมมานานหลายปีเช่นนี้ คนที่เข้าใจเหลียงอินมากที่สุด ไม่มีใคร นอกจากนางอีกแล้ว

“พระสนม เรื่องของพวกเราเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดนางก็เหยียบเข้ามาที่เรือนเล่ออินแล้ว กินไม่กินอาหารมื้อนี้ล้วนไม่เป็นไร จุดอ่อนที่ถูกจับได้นี้ยังไงก็ดิ้นไม่หลุด ท่านไม่ต้องท้อใจไปเจ้าคะ” หวางโผเอ่ยปลอบใจ

...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel