ตอนที่ 11 โง่เขลา
เหลียงอินที่ดูปลื้มอกปลื้มใจนั้น ก็เอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น “แต่ว่าวันนี้พี่ต้งมาที่นี่ ต้องเป็นเพราะพี่ซีนเรียกมาเพื่อจัดการกับข้าแน่นอนเจ้าคะ ท่านอ๋องข้ากลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ”
สายตาของเฉินเฮ่านั้นปรากฏความเย็นชา ออกมา แล้วเอ่ยปลอบใจขึ้น “ไม่ต้องกลัว พี่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครกล้าที่จะแตะต้องเจ้าแม้ปลายผม”
สตรีผู้นั้นช่างน่ารำคาญเสียจริงชอบพูดเหลือเกิรว่ารักชีวิตตัวเอง พริบตาเดียวก็ให้คนในครอบครัวตนเองมาจัดการกับน้องอิน หากว่า น้องอินเส้นผมร่วงแม้แต่เส้นเดียว เขาก็ไม่ปล่อย เหลียงซีนไปอย่างเด็ดขาด
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินเฮ่าก็รู้สึกว่าเหลียงซีนนั้นเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม เอ่ยปลอบใจเหลียงอินเพียงไม่กี่คำ ก็รีบออกมาที่เรือนเจียวหยางทันที
เขาอยากจะรู้ว่า สตรีผู้นี้และพี่ชายของนางนั้น จะสนทนาเรื่องอะไรกัน
ในเวลานั้นเหลียงต้ง กำลังมอบคัมภีร์ ศิลปะการต่อสู้ที่ล้ำค่าเล่มหนึ่งให้แก่เหลียงซีน นี่เป็นคัมภีร์ล้ำค่าที่สืบทอดกันมาตั่งแต่ บรรพบุรุษของเรือนเหลียง แต่เรือนเหลียงก็ อาศัยคัมภีร์เล่มนี้ในการเป็นครอบครัวขุนนาง นายพล เพื่อเป็นหยาดเหงื่อและแรงงานของ ประเทศหยวนนั้น
เหลียงซีนอยากจะแข็งแกร่งขึ้น ก็จะต้อง ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ เช่นนี้ถึงจะสามารถ ปกป้องตนเองได้ ดังนั้นคัมภีร์ศิลปะการต่อสู้ เล่มนี้ช่างมาถึงได้ถูกเวลา
“น้องซีน เจ้าไม่มีพื้นฐานด้านการต่อสู้ เลย ในสถานที่ไม่มีคนคอยแนะนำ ไม่สามารถฝึกฝนอย่างสะเปะสะปะ มิเช่นนั้นจะ ทำให้ธาตุไฟเข้าแทรกได้ง่าย” เหลียงต้งเอ่ยตักเตือนอย่างเคร่งครัด
“ข้ารับทราบเจ้าค่ะ” เหลียงซีนพยักหน้า รับ แล้วมองไปยังเขาอย่างจริงจรัง “ท่านพี่ เรื่องของข้าที่เกิดขึ้นในตำหนักนี้ ขอท่านอย่า ได้บอกกล่าวแก่ท่านพ่อท่านแม่นะเจ้าคะ ข้าไม่ อยากให้พวกท่านกังวลใจ”
เหลียงต้งเงียบขรึมไปเป็นเวลานาน ก่อน ที่จะเอ่ยขึ้น “ดี แต่เจ้าต้องรับปากข้าว่าจะดู และตนเองให้ดี หลังจากนั้นข้าจะเชิญท่าน หมอมาดูรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้า”
เมื่อพูดเรื่องรักษาอาการบาดเจ็บ เกรงว่า จะไม่ใช่เรื่องง่าย เฉินเฮ่าคงไม่อนุญาตให้มีท่านหมอมารักษาอาการบาดเจ็บของนางโดยเด็ดขาย หากให้เขารู้เรื่องละก็ อาจจะลงโทษ นางอย่างโหดเหี้ยมมากขึ้นก็เป็นได้
เมื่อเหลียงซีนกำลังจะปฏิเสธออกไป ด้าน นอกประตูก็มีเสียงที่ดุดันดังขึ้นมาทันที “ว่า อย่างไรหรือ ท่านผู้นำองครักษ์รังเกียจท่านหมอในตำหนักของข้าไม่ดีพอใช่หรือไม่ หรือว่า อยากที่จะก้าวกายเรื่องราวในตำหนักของข้า"
เฉินเฮ่าเดินเข้ามาพร้อมใบหน้าที่บูดบึ้ง เหลียงต้งรู้เรื่องร่างกายได้รับบาดเจ็บของเหลียง ซีนแล้ว หากว่าเขามาช้ากว่านี้อีกก้าวเดียว บางทีอาจจะนำตัวนางกลับไปยังเรือนเหลียง แล้วเป็นได้
ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ท่านอ๋องที่มีหน้าตาสง่า ผ่าเผยเช่นเขานั้นอาจจะถูกผู้คนมากมาย หัวเราะเยาะเอาได้ เรื่องนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้อย่างเด็ดขาด
เหลียงต้งเมื่อพบกับเฉินเฮ่า ก็ข่มความ โกรธที่มีภายในใจไว้ หากไม่ติดว่าเขาเป็นถึง ท่านอ๋อง ก็คงไม่ต้องหน้าชื่นอกตรมเช่นนี้
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยย่อมไม่กล้าที่จะยุ่ง เรื่องราวในตำหนักของท่านอย่างแน่นอน แต่ เรื่องของอาการป่วยของน้องสาว ข้าเพียงอยากฟังจากปากของท่านหมอจึงจะวางใจ และกลับไปชี้แจงกับท่านพ่อได้”
จริงอย่างที่คิดไว้ ที่เหลียงต้งมาในวันนี้ก็ เพื่อหนุนหลังเหลียงซีน จึงกล้าที่กล้าเถียงกับเขา
สายตาของเฉินเฮ่านั้นเย็นยะเยือก เขาคือ ลูกที่ได้รับความโปรดปราน เป็นลูกชายของ ฮ่องเต้ แล้วเหลียงต้งผู้นี้คือใครกัน
“ท่านผู้นำองครักษ์ ที่นี่คือตำหนักของข้า เหลียงซีนคือพระชายาเอกของข้า นางจะดี หรือร้ายยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะยุ่งเกี่ยวได้ ท่านไปได้แล้ว” เฉินเฮ่าชี้มือไปที่ประตู แล้ว เอ่ยขึ้น “จูยฟง ฉูยั่ว ส่งแขก
เหลียงต้งหอบหายใจสะท้อนถี่จนหน้าอก กระเพื่อมด้วยความโกรธ สองมือกำแน่น
ดูเฉินเฮ่าโหดเหี้ยมเช่นนี้แล้ว เห็นได้ว่า แต่ละวันที่เหลียงซีนอยู่ในตำหนักอ๋องไม่ได้ดีนัก น่าเสียดายที่เขาเป็นเพียงผู้นําองครักษ์ เรื่องนี้ยังต้องคิดให้รอบคอบเสียก่อน ไม่อาจ บุ่มบ่ามได้
“ท่านพี่ ท่านกลับไปเถอะ ช่วยฝากความ คิดถึงไปถึงท่านพ่อท่านแม่ด้วยนะเจ้าคะ” เหลียงซีนค่อยๆ ยิ้มออกมา
เหลียงต้งหันกลับมามองครั้งแล้วครั้งเล่า จึงออกจากตำหนักอ๋องนี้ไปอย่างอาลัยอาวรณ์
เมื่อรอให้เหลียงต้งจากไปแล้ว เฉินเฮ่าก็ ก้าวเท้าพุ่งปราดไปข้างหน้า บีบที่กรามของเหลียงซีนเอาไว้แน่น เจ็บจนนางขมวดคิ้วแน่น
“สตรีที่เหี้ยมโหดเช่นเจ้า คิดไม่ถึงว่าจะ กล้าขอความช่วยเหลือจากครอบครัว ยังไงก็จะต้องให้น้องอินตายไปให้ได้ เจ้าถึงจะมีความสุขใช่หรือไม่” เฉินเฮ่ามองนางอย่างเคียดแค้น
เหลียงซีนตบลงบนมือของเขา แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชัดเจน “น้องอินคือน้อง สาวของข้า ข้าจะอยากให้นางตายได้อย่างไร "
“เจ้ายังจะปากแข็งอยู่อีก” เฉินเฮ่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แล้วเพิ่มแรงบนมือขึ้น
แรงกายของเหลียงซีนนั้นไม่อาจสู้กับเฉิน เฮ่าได้ ขนาดใช้แรงกายทั้งหมดที่มี ก็ยังไม่ สามารถดิ้นหลุดออกมาได้
นางถูกบีบบังคับให้เงยหน้าขึ้น แววตาที่ เหี้ยมโหดในดวงตาที่ใสเหมือนกับแสงจันทร์คู่นั้นของนางเพ่งมองยังเฉินเฮ่า ในดวงตาที่ดำขลับนั้น เปิดเผยความโกรธแค้นและไอสังหารออกมา
เฉินเฮ่าแต่ไหนแต่ไรมานั้นไม่เคยมีผู้ใดใช้ สายตาเช่นนี้มอง และไม่มีใครกล้าที่จะมองเขา เช่นนี้
แต่ว่า สายตาเช่นนี้นั้น กลับทำให้เขารู้สึก คลายความหนักแน่นลงเล็กน้อย หรือแม้กระทั่งความเย็นชา
เขาค่อยๆ ปล่อยมือที่บีบเหลียงซีนออกที ละน้อย นางจึงคล้ายกับหุ่นฟาง ไร้เรี่ยวแรงล้ม ลงบนเตียงนอน
“พระชายาเอก” ชิวยั่ววิ่งปรือขึ้นไป ปกป้องเหลียงซีนอย่างแน่นหนา
หลังจากนั้นก็มองไปยังเฉินเฮ่าอย่างไม่ ลดละ “ขอท่านอ๋องโปรดตรวจสอบ พระชายาเอกไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบ่าวคนนั้นจริงๆ เจ้าค่ะ บ่าวขอเอาชีวิตบ่าวรับประกันเจ้าคะ”
เฉินเฮ่าหัวเราะอย่างดูถูกออกมา “เจ้าคิด ว่าเจ้าคือใคร ชีวิตของเจ้ามีค่าเท่ากับเงินสัก เท่าไหร่กัน”
เหลียงซีนใช้แรงยันร่างกายขึ้นมา ไม่มี เรี่ยวแรงอ่อนแอเช่นนี้คล้ายกับดอกมะลิที่ไม่มี ความมั่นคงใดๆ เลย
“เฉินฮ่าวท่านช่างโง่เขลาจริงๆ สมอง ของท่านถูกสุนัขกินไปแล้วเหรอ เพียงตรวจสอบสักนิด ก็จะทราบว่าบ่าวผู้นั้นคือคนของใคร ท่านจะต้องให้ข้าตายให้ได้ ข้าก็ไม่มีอะไร จะพูดแล้ว”
สตรีผู้นี้กล้ากว่าที่คิด พูดเช่นนี้กับตน และยังกล้าบอกว่าตนนั้นช่างโง่เขลา
เฉินฮ่าวนั้นโกรธจัดอย่างมาก “ความหมาย ของเจ้านั้นคือ ตัวน้องอินเองที่สมคบกันกับบ่าวผู้นั้น ตั้งใจที่จะถูกข่มเหง หลังจากนั้นก็โยนความผิดให้กับเจ้าอย่างนั้นหรือ”
...