ตอนที่ 10 พี่ชาย
ช่วงแรกที่อำนาจการทหารของเฉินเฮ่าถูก เรียกคืนไปนั้น ได้ยินมาว่ารัชยาทผู้นี้เป็นคน กราบทูลต่อฮ่องเต้ ฉะนั้นตอนนี้ที่เขาโมโห อย่างรุนแรง ก็คงไม่ได้ทำให้รัชทายาทยังดีอยู่ เป็นแน่
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า เขาจะกล้าทะเลาะกับ รัชทายาทในราชสำนัก นั่นคือคนที่มีแต่กล้าม เนื้อไม่มีสมองอย่างแท้จริง
เขาไม่มาก็ดี เหลียงซีนปล่อยตัวอย่าง สบาย ไม่มีคนรบกวนนางและก็ไม่มีคนมารังแก นาง นางถึงจะสามารถไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนได้ เกี่ยวกับเรื่องราวในวันข้างหน้า
อีกไม่กี่วันต่อมา ขณะที่ชิวยั่วยกอาหาร ออกมาจากในครัว เมื่อเข้ามาถึงในห้องก็เอ่ย ขึ้นอย่างมีลับลมคมใน “พระชายาเอก เมื่อค่ำวานนี้ท่านอ๋องกลับมาแล้วเพคะ รุ่งเช้าวันนี้บ่าวเห็นคุณชายก็มาที่ตำหนักเช่นกัน ตอนนี้ทั้งสองคนยังไม่มีใครออกมาจากห้องหนังสือเลยเจ้าค่ะ”
ที่ชิวยั่วเอ่ยขึ้นว่าคุณชาย นั่นก็คือเหลียงต้ง พี่ชายของเหลียงซีน แต่ว่าเขามาถึงที่นี่ทำไมกัน
“ทำไมท่านพี่ถึงมาที่นี่ละ หรือว่าได้ยิน เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับข้าแล้ว” เหลียงซีนขมวด คิ้วอย่างสงสัย
“น่าจะไม่ใช่นะเจ้าคะ บ่าวไม่เคยพูดออก ไปเลยนะเจ้าคะ” ชิวยั่วรีบชี้แจงขึ้นมาทันที
แม้จะคาดเดาไม่ได้ว่าเหลียงต้ง มาเพื่อง เรื่องอันใด แต่เหลียงซีนกลับไม่มีความคิดที่จะ ออกไปพบเขาเลย
อย่างแรกก็คือเพราะสถานะของนางใน ตอนนี้ สองก็คือนางทำร้ายคนในครอบครัว เพราะเรื่องราวของนางและเฉินเฮ่า
แต่คาดไม่ถึงว่าเหลียงต้งกลับร้อนอกร้อนใจวิ่งออกมาจากห้องหนังสือมาจนถึงที่นี่ ความเร็วของเขานั้นรวดเร็วยิ่งนัก เหลียงซีน ยังไม่ทันได้เตรียมตัวตั้งรับ เขาก็ก้าวข้าม ประตูเข้ามา เหลียงต้งจับไหล่ของเหลียงซีน อย่างกังวล บนใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยความ ห่วงใย
“น้องซีน ร่ายกายของเจ้าเป็นอย่างไร บ้าง ข้าได้ยินมาว่าอ๋องเซงปฏิบัติต่อเจ้าอย่าง โหดร้ายทารุณไม่หยุด มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ”
สีหน้าของเหลียงซีนนั้นเปลี่ยนไปทันที เขารู้ได้อย่างไรว่านางนั้นถูกเฉินเฮาทําร้าย อย่างโหดร้ายทารุณ
“พี่ต้งข้าสบายดีเจ้าคะ ไม่เคยถูกทารุณ บาดแผลบนร่างกายเป็นเพียงตอนที่ข้าโล้ชิงช้าแล้วพลักตกลงมา เรื่องนี้เป็นใครกันที่ เอ่ยกับท่าน”
เหลียงซีนไม่เคยนำเรื่องของตนเองบอก
กับครอบครัวเลย ทำไมพี่ชายของนางถึงรู้เรื่อง นี้ได้
“ตอนที่ข้าเพิ่งออกมาจากห้องหนังสือของ อ๋องเซง เซียงสู่สาวใช้ของเหลียงอินบอกกับข้าว่า เจ้าอยู่ในตำหนักอ๋องเซงนั้นได้รับความ โหดร้ายทารุณ ข้าเป็นพี่ชายของเจ้าจะไม่ให้ เป็นห่วงได้อย่างไร น้องซีนตั้งแต่เด็กจนโต เจ้าไม่ให้พวกเราเป็นกังวลเลย”
เดิมทีก็คือการก่อกวนอีกครั้งของเหลียงอิน
ที่นางทำในครั้งนี้ คืออยากจะให้เฉินเฮ่า นั้นเข้าใจผิดว่านางนั้นนำเรื่องที่ไม่ได้รับความ เป็นธรรมในตำหนักอ๋องเซงแห่งนี้ ไปบอก กล่าวกับครอบครัวของตน เพื่อให้ครอบครัวจัดการกับเขา
เหลียงซีนยิ้มอย่างเย้ยหยัน ในเมื่อนางจะ เล่นสนุก งั้นก็เล่นสนุกให้พอเถอะ แม้ว่าไม่ใช่ เพื่อตนเอง ก็เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับ
เจ้าของร่างเดิม
ทันที เมื่อหันกลับไป นางก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน
“พี่ต้ง วางใจเถอะเจ้าคะ ทางเดินนี้ข้า เป็นคนเลือกเอง ผลลัพธ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ข้าก็จะรับด้วยตนเองเจ้าค่ะ ส่วนท่านพ่อท่านแม่คงต้องฝากให้พี่ต้งและพี่สาวดูแลแล้ว
เหลียงต้งไม่ลดความพยายามที่จะมอง นาง “น้องซีน เจ้าช่างดื้อรั้นเหลือเกิน ตอนที่เจ้ากรีดข้อมือตนเองต่อหน้าป้ายบรรพบุรุษ เจ้ารู้หรือไม่ท่านแม่ป่วยอยู่หนึ่งเดือนเต็มๆ ตอนนี้อยู่ที่ตำหนักอ๋องเซงได้รับความอัปยศ อดสู เจ้ายังจะไม่กลับบ้านไปพร้อมพี่ชายอีก ทุกคนที่บ้านล้วนเป็นห่วงเจ้า "
นางรู้ดี ในใจของนางล้วนรู้ดี แต่นางไม่ สามารถกลับไปเช่นนี้ได้
ทั่วร่างกายของนางนั้นเต็มไปด้วยบาดแผล จากการถูกทรมานในตำหนักอ๋องเซง ยังมีเหลียงอินที่วางกับดักให้นางตกลงไป นางจะต้องตอบแทนคืนไปอย่างสาสมเช่นกัน
ชดใช้พวกเขายังต้องชดใช้ หากคิดที่จะ หลบหนี ก็หลบไม่พ้น
“พี่ต้ง จากวันที่ข้าแต่งเข้ามาที่ตำหนัก อ๋องเซงนั้น ข้าไม่เคยนึกเสียใจเลยเจ้าคะ ชั่วชีวิตของข้า อ๋องเซงคือคนที่ข้ารักที่สุด เหมือนดั่งเช่นที่ท่านรักองค์หญิงหงยี่ ไม่อาจจะปล่อยมือไปได้ จริงไหมเจ้าคะ”
เหลียงซีนแสร้งยกมือขึ้นลูบบนใบหน้าที่ แห้งกร้านของตน ฝืนใจพูดคำพูดเช่นนี้จน นางแทบอยากจะอ้วกออกมาแล้ว
ทว่าหากนางไม่พูดเช่นนี้ออกไป เหลียงต้งก็คงพานางออกไปจากที่นี่ แล้วความอัปยศที่ นางได้รับไปนั้นจะถูกชดใช้คืนได้อย่างไร
นางรู้ดี เหลียงต้งสามารถที่จะปล่อยนางไปก่อนดังเช่นในวัยเด็ก
แต่ขณะนี้ นอกประตูมีร่างผู้คนที่ เงียบเชียบยืนอยู่เป็นนาน ใบหน้าที่เยือกเย็น ดูไม่ยินดียินร้าย กลับมีความซึ้งใจนิดๆ โผล่ ออกมา
เดิมเขาอยากจะเข้าไปดูว่า เหลียงซีน นั้นจะฟ้องเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับคนใน ครอบครัวหรือไม่ กลับได้ยินคำชี้แจงของนาง ที่ฟังดูน่าสะอิดสะเอียน ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่า คือ เขากลับไม่มีความรู้สึกที่ไม่พอใจเลยสัก นิดเดียว แต่กลับรู้สึกแปลกไปเล็กน้อย
จูยฟงรีบวิ่งตามออกไป “ท่านอ๋อง ตอนนี้ พวกเราจะไปที่ใดกันขอรับ”
เฉินเฮ่าไขว้มือไว้ที่ด้านหลัง คิดแล้วพูดว่า “ไปเรือนเล่ออินหาน้องอิน”
ตอนนี้ในใจของเขากำลังมีความสับสน บางอย่างเกิดขึ้น จำเป็นต้องไปหาน้องอินสิ่งนี้จึงสงบลงได้
คำพูดที่สตรีผู้นั้นเอ่ยขึ้นเมื่อครู่ ไม่ใช่เรื่อง จริงอย่างแน่นอน ต่อหน้าของเหลียงต้งจึงตั้งใจพูดออกมาเช่นนั้น
เรือนเจียวหยางอยู่ทางทิศใต้ เรือนเล่ออินอยู่ ทางทิศเหนือ หนึ่งเหนือหนึ่งใต้นั้นสามารถเห็น ได้อย่างชัดว่า คนทั้งสองนั้นไม่ได้เป็นห่วง เป็นใย รักใคร่กลมเกลียวกันเพียงใด
เฉินเฮ่าเพิ่งจะเดินถึงหน้าประตูของตึกล่อ อิน ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเซียงสู่ดังออกมา จากด้านใน “พระชายาเรองเจ้าคะ ท่านรีบลง มาเถอะเจ้าคะ ถ้าท่านเป็นอะไรไป ท่านอ๋องจะ ทำอย่างไรเพคะ คนที่ดีอกดีใจเป็นที่สุดก็คือ คนที่ทำร้ายท่านผู้นั้นนะเจ้าคะ”
เฉินเฮ่าจึงขมวดคิ้วขึ้น รับรู้ได้ถึงความ อึดอัดที่รุนแรงเกิดขึ้น เมื่อพังประตูเข้าไปก็พบ ว่าเหลียงอินผูกคอตายกับคานห้อง บน ร่างกายที่สวมชุดไว้ทุกข์สีขาวนั้น ขับให้นาง
ดูน่าสงสารเวทนาเป็นอย่างยิ่ง
“น้องอิน น้องอิน ยังไม่รีบไปตามหมอหลวงมาอีก” เฉินเฮ่าเอ่ยคำรามขึ้นอย่างดุดัน พร้อมกับอุ้มเหลียงอินไปยังเตียงนอน
ในเวลานั้นเหลียงอินที่อยู่ในอ้อมกอดของ เฉินเฮ่าก็ได้สติขึ้นมา ที่สัมผัสได้ว่ามีลมหายใจ ที่แผ่วเบาเพียงใด “ท่านอ๋อง ข้าขอโทษ ร่างกายของข้าไม่อาจอดทนกับความแค้นของพระชายาเอกได้อีกต่อไปแล้วขอให้ท่าน ปล่อยให้ข้าจากไปอย่างสะอาดบริสุทธิ์ด้วยนะ เจ้าคะ”
มองเห็นเหลียงอินร้องอย่างเสร้าใจ เฉินเฮ่ารู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก “น้องอิน ถ้า เจ้าตายในตอนนี้นั้นจะไม่เป็นการทำให้คนผู้นั้นยิ่งรู้สึกดีใจเกินไปหรือ เจ้าวางใจ เรื่องนี้ข้า จะไม่ปล่อยให้เจ้าเสียหายโดยเปล่าประโยชน์ เป็นแน่ ข้าจะต้องให้นางชดใช้เจ้าอย่างสาสม”
...