ตอนที่ 9 พิสูจน์ความจริง
แต่เหลียงซีนกลับยิ้มที่ดูคล้ายเหยียด หยามขึ้น “ท่านอ๋อง ท่านมองดูเรือนเจียวหยางที่เก่าทรุดโทรมแห่งนี้เถิด
จะมีเงินไปซื้อชีวิตของบ่าวไพร่เพื่อตายแทนตนได้อย่างไร สินเดิมของข้าก็ล้วนมอบให้กับเหลียงอิน ข้างกาย ข้าก็มีเพียงฉินฮั่วและชิวยั่วสาวใช้สองคนนี้ เท่านั้น ท่านมองข้าสูงเกินไปแล้วกระมัง”
ความเก่าทรุดโทรมของเรือนเจียวหยางนั้น คล้ายกับสุดที่จะทนอยู่ได้ และเหลียงซีนก็ไม่ ได้ติดต่อกับครอบครัวของตนนานแล้ว เฉินเฮ่าคิดในใจอย่างละเอียดจึงรู้สึกว่ามันผิดปกติไป
สตรีผู้นี้ยิ่งคารมคมคายขึ้นเทียบกับ นางในอดีตเหมือนเป็นคนละคนกัน
นึกไม่ถึงว่าภายใต้อาการบาดเจ็บที่สาหัส นี้ นางยังสามารถรักษาความสงบได้ดีเช่นนี้ ที่สุดแล้วนางมีกี่ใบหน้ากันแน่
“อุบายของเจ้าแยบยลเช่นนี้ ใครจะรู้ว่า เจ้าใช้วิธีการอะไร ไม่ต้องเถียงต่อหน้าข้าแล้ว มิฉะนั้นจุดจบอาจจะร้ายแรงเป็นได้”
เฉินเฮ่ายืนจับมือไขว้ไปด้านหลัง เป็นไป ได้ยากยิ่งที่เขาจะไม่ทรมานนางอีก จากนั้นก็เดินกรีดกรายออกไปจากเรือนเจียวหยาง
แสงจากด้านนอกประตู ทำให้เงาร่างของ เขานั้นดูสูงใหญ่ยิ่งนัก
บุรุษที่ทั้งถือดีทั้งหยิ่งยโสผู้นี้ มีความกล้า แต่ไม่มีความคิด ทั้งตัวนอกจากความสามารถ ทางการทหารและพละกำลังแล้ว อย่างอื่นล้วน ไม่มีเลย
เหลียงซีนสงสัยอย่างมากว่า เจ้าของร่าง เดิมนี้ชอบสิ่งใดในตัวของคนผู้นั้นกันแน่
ยอมแตกหักกับครอบครัวของตน ยอมสูญ เสียทุกอย่าง เพื่อที่จะแต่งกับบุรุษที่ไม่ได้รักตัวเองเช่นนี้ ช่างโง่เขลาจริงๆ
“พระชายาเอก บ่าวขอโทษนะเจ้าคะ เพราะพวกบ่าวไม่ได้เรื่อง ไม่สามารถช่วย ปกป้องท่านได้ แต่บ่าวขอร้องพระชายาเอก จากใจเลยว่า ครั้งหน้าท่านโปรดทะนุถนอม ร่างกายของตนก่อน บ่าวตายไปก็ไม่น่าเสียดายหรอกเจ้าค่ะ” เอ่ยขึ้นแล้วพวกนางก็ ล้มตัวคุกเข่าลง ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา
จากที่พอจำได้ แต่ไหนแต่ไรไม่มีคนที่ดีต่อ นางเช่นนี้ เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปนางสาบาน ว่านางจะใช้ชีวิตเพื่อปกป้องพระชายาเอกนี้ไว้
เหลียงซีนยื่นมือลากชิวยั่ว พร้อมเอ่ย คล้ายขอโทษกับสิ่งที่ตนได้ทำลงไป “ชิวยั่ว อยู่ข้างกายข้า ทำให้เจ้าได้รับความทุกข์ ทรมานไปด้วย จากนี้ไปข้าจะไม่ให้ผู้อื่นรังแก เจ้าอีกแล้ว”
สายตาที่เด็ดเดี่ยวของนางมองไปยังด้าน หน้า ช่วงเวลายามที่พระอาทิตย์ตกดินลง ใน ดวงตาคู่นั้นก็เหมือนกับจะถูดสาดด้วยแสง สว่างเช่นกัน
“พระชายาเอก บ่าวเชื่อท่านเจ้าคะ แต่พวกเราไม่มีทางทำเช่นนั้นได้หรอกเจ้าค่ะ มันคือความจริงที่ว่าท่านอ๋องรักแต่พระชายารอง หรือพวกเราจะไปขอความช่วยเหลือจากนาย ท่านและฮูหยินดีเจ้าคะ”
นายท่านและฮูหยิน ชิวยั่วเอ่ยขึ้นมานั้น คือบิดามารดาของเหลียงซีน แม่ทัพใหญ่เพียงเพราะอายุที่สูงมาก จึงไม่ได้ออกรบอีก
ในช่วงแรกที่เหลียงซีนยืนกรานที่จะ ต้องการแต่งกับเฉินเฮ่านั้น เขากับน้องสาวซึ่ง ก็คือเหลียงอินนั้นรักกันแล้ว แต่เป็นนางที่สมัครใจฝ่ายเดียว ยอมตัดขาดกับครอบครัว กรีดเลือดที่ข้อมือตนเองต่อหน้าป้ายของ บรรพบุรุษ เพื่อตัดขาดความผูกผันที่มีกับ ครอบครัว แล้วจึงแต่งเข้ามาในตำหนักอ๋องเซง แห่งนี้
ใครจะรู้ว่า ในวันแต่งงานวันเดียวกันนั้น เฉินเฮ่าก็แต่งเหลียงอินเข้ามาเช่นกัน แต่งงาน กันมาหนึ่งปีเขาไม่เคยมาหานางเลยสักครั้ง จึง นึกไม่ถึงว่านางจะยังบริสุทธิ์
เมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้เหลียงซีนก็รู้สึกปวด หัวขึ้นมา เจ้าของร่างเดิม เดิมก็คือบุตรีคนที่ บิดามารดาและพี่ชายพี่สาวต่างพากันรักใคร่ ทะนุถนอม แต่คิดไม่ถึงว่าเพื่อบุรุษที่ไม่ได้รัก ตนคนหนึ่ง เวาลานี้ต้องระเห็จระเหเร่ร่อนเช่น นั้น ตอนนี้นางจะไปขอความช่วยเหลือจาก คนในครอบครัวได้อย่างไรกัน
“ชิวยั่ว เรื่องนี้ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าบอก กับผู้ใด และยิ่งไม่อนุญาตให้เอ่ยกับท่านพ่อ ท่านแม่และพี่สาวพี่ชายเด็ดขาด ไม่ให้พวก
เขากังวลใจเกี่ยวกับข้า” เหลียงซีนเอ่ยขึ้น อย่างแผ่วเบาเหมือนกำลังคิดสิ่งใดอยู่
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าคะ แต่พระชายาเอก เพคะ พวกเราไม่สามารถนั่งรอความตายอยู่ เช่นนี้นะเพคะ” ชิวยั่วเอ่ยขึ้นอย่างกังวล
เหลียงซีนพยักหน้าคล้ายเห็นด้วยกับคำ พูดของนาง แล้วจึงเอ่ยแผนการที่ตนคิดขึ้น “ก่อนอื่นเจ้านำสมุนไพรที่มีในวันนี้ทาให้ข้าก่อน เรื่องราวหลังจากนี้ค่อยคิดหาทางกันใหม่ ถ้าหากไม่อยากให้ใครรังแก มีเพียงเราจะต้อง ทำให้ตนเองนั้นแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น”
ชิวยั่วดีใจเป็นที่สุด เป็นอย่างที่คิด พระ ชายาเอกในตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนไม่ เหมือนที่ผ่านมา คำพูดเช่นนี้นางไม่สามารถพูด ออกมาได้เด็ดขาด
เรื่องของชายารองในครั้งนี้ เป็นไป อย่างที่นางคิดไว้ ทำให้พระชายาเอกมองเห็น อย่างชัดเจนว่าอ๋องเซงนั้นไม่ใช่คนที่
สมควรพึ่งพาได้ตลอดชีวิต
“พระชายาเอก ทายาเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ท่านรู้สึกอย่างไรบ้างเจ้าคะ” ชิวยั่วปิดเสื้อผ้า ของนางลงอย่างเบามือ
เหลียงซีนรู้สึกเพียงว่าด้านหลังของตนนั้น เย็นสบายยิ่งนัก แม้ยังจะมีความเจ็บแทรก ปะปนเข้ามา
แต่ความเจ็บนี้ทำให้นางได้ตั้งสติยิ่งขึ้น จนกับนึกถึงวิธีการที่จะใช้รับมือกับเฉินเฮ่าและ เหลียงอินได้
บนโลกนี้นอกจากนางเองแล้ว ไม่มีใคร สามารถทำร้ายนางได้ เจ้าของร่างเดิมในอดีต อ่อนแอเกินไป แต่นางไม่ใช่คนที่ใครก็สามารถ จะรังแกได้
ถ้าอยากให้ตนเองแข็งแร่งขึ้น หลักสำคัญ ที่สุดก็คือวิทยายุทธ์ ถ้าหากไม่มีวิทยายุทธ์ ครั้งหน้านางก็คงเป็นเหมือนลูกหนังใต้เท้าของเฉินเฮ่าเช่นเดิม ที่ถูกเตะไปมา
แต่ทว่ายังมีอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือ นางจะต้องตรวจสอบให้กระจ่างชัดว่าทำไมเหลียงอินจึงถูกบ่าวรับใช้ทำให้มีมลทินได้
“พระชายาเอกถ้าอย่างนั้นพวกเรา...” ชิว ยั่วหยุดคำพูดลง เมื่อมองเห็นเงาดำที่ด้านนอก ประตู นางรีบตะโกนขึ้นทันที “ผู้ใด”
เงาดำเมื่อครู่เหลียงซีนก็มองเห็นเช่นกัน นางไม่สนคำเตือน กระแทกเท้าไล่ตามออกไป
แต่ว่าด้วยรอยบาดแผลบนร่างกาย ทำให้ นางที่เพิ่งก้าวเท้าออกจากประตูก็พลันล้มลง บนพื้น แต่คนชุดด่าผู้นั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ ร่องรอยแล้ว
ชิวยั่วอยากจะไล่ตามไปต่อ แต่ทว่าเหลียงซีนกลับเรียกหยุดนางเอาไว้
“ไม่ต้องตาม ที่นี่คือตำหนักอ๋องเซง ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอก คนที่มีความกล้ามาแอบ ฟังผู้อื่นไม่ใช่เหลียงอินก็คงเป็นอ๋องเซง"
ในเวลานั้นเอง บนหลังคามีร่างสูงใหญ่ที่ สวมชุดสีดำยืนอยู่ สายตาของเขามองต่ำลงไป ทั่วบริเวณของเรือนเจี่ยวหยาง
จ้องมองอยู่อย่างเงียบเชียบเป็นเวลานาน มุมปากของเขาก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาอย่าง ช้าๆ
สตรีผู้นี้น่าสนใจยิ่งนัก เสียดายเพียงนาง คาดเดาสถานะที่แท้จริงของเขาผิดไป
พักรักษาตัวมาหลายวัน ร่างกายของเหลียงซีนก็เริ่มดีขึ้น ถือเป็นช่วงเวลาที่หาได้ยากยิ่ง เพราะเฉินเฮ่าไม่ได้มาก่อกวนนางเลย ได้ยินมาว่า ตอนที่กำลังแสดงความคิดเห็นกัน ในราชสำนัก เขาทะเลาะกับองค์รัชทายาท จึงถูกฮ่องเต้สั่งกักตัวขังไว้ในวังหลวง
...