บทที่ 6
“เมื่อกี้คุณหนูกงชมว่าข้าซื่อสัตย์ใช่ไหมเจ้าคะ” อาฉิวหันไปถามนายของตน
“โง่งม!”
ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้มีเส้นสายใหญ่โตเหมือนบรรดาคุณหนูจากสกุลอื่นในวังหลังแห่งนี้ แต่บุตรสาวของแม่ทัพตะวันออกกงเหยาน่ะหรือ จะยอมให้ผู้ใดมารังแกได้โดยง่าย ไม่มีทางเสียหรอก
กู่เหมยเจียงยิ้มเย็น แล้วพูดขึ้นมาอีกครั้งอย่างต้องการข่มคู่สนทนา “เป็นเพียงห่านในทะเลสาบ อย่าริอาจชูคอเทียมหงส์ หากทุกสิ่งมิได้เป็นอย่างที่วาดหวังไว้ล่ะก็… ระวังจะช้ำใจตายเสียก่อนนะ ฮุยฮวา”
“ขอบคุณคุณหนูกู่ที่เตือน” เจ้าของใบหน้ากระจ่างใสเอ่ยเสียงเรียบไม่ทุกข์ร้อน
และเมื่อเห็นว่าไม่สามารถจัดการกับฮุยฮวาได้อย่างที่คิด สตรีที่หมายหมั่นว่าตนเองจะต้องได้เป็นพระชายาขององค์ชายสักองค์ในอาณาจักรต้าหลงก็เชิดหน้าขึ้นอย่างวางท่า ก่อนจะหันไปสั่งให้บ่าวรับใช้หอบผ้าแพรเนื้อดีของนางกลับที่พักไปด้วย
“คุณหนู”
อาเถียนเรียกผู้เป็นนายที่ยังคงนั่งสงบนิ่ง ทว่าดวงตาคู่สวยราวกับมีแสงดาวยามค่ำคืนทอประกายระยิบระยับอยู่ในนั้นกลับทอดมองออกไปยังสระบัวเบื้องหน้า คล้ายกับจิตใจของนางได้ดำดิ่งลงสู่ผิวน้ำไปเสียแล้ว
“คุณหนู”
“มีอะไรหรืออาเถียน”
“ทำไมคุณหนูถึงได้ยอมให้คุณหนูกู่ต่อว่าเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ ในวังหลังแห่งนี้เราต่างก็ทราบกันดีว่าบรรดาคุณหนูเหล่านั้นถูกส่งตัวเข้ามาที่นี่เพราะเหตุใด แต่ที่คุณหนูต่างไปจากพวกนาง เพราะว่าคุณหนูน่ะได้รับราชโองการจาก…”
“พอเถอะอาเถียน” ฮุยฮวารีบปราม เนื่องจากการเอ่ยถึงฮ่องเต้ด้วยการอวดอ้างย่อมนำภัยมาสู่ตัว
“ข้าพูดความจริงนี่เจ้าคะ”
“หากเจ้ายังไม่หยุด ข้าจะเขียนจดหมายให้ท่านแม่ส่งบ่าวคนอื่นมาแทนเจ้าดีหรือไม่”
ใบหน้ามนส่ายไปมาเพื่อปฏิเสธคำขู่ของผู้เป็นนาย
“ถ้าเช่นนั้นก็อย่าอวดอ้างถึงราชโองการอีกเลย”
“แต่ราชโองการฉบับนั้นจะทำให้คุณหนูคนอื่นๆ เกรงใจคุณหนูมากขึ้นหลายส่วนเลยนะเจ้าคะ”
ฮุยฮวาถอนหายใจออกเฮือกอย่างไม่สบายใจ ทำให้อาเถียนยอมสงบปากสงบคำและทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายในที่สุด
“ข้าเป็นเพียงหมากบนกระดานที่ฮ่องเต้ทรงใช้เป็นเครื่องมือในการเล่นเกมการเมืองกับท่านพ่อเท่านั้น หาได้มีความสำคัญใดๆ อย่างที่เจ้าคิดไม่”
น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยออกมาราวกับกำลังพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศ ขณะที่มือเรียวสวยจัดขอบผ้าแพรในมือเพื่อผับมันเก็บใส่กล่องอย่างปราณีต
“หากวันใดที่เราเพรี่ยงพล้ำ ข้ากับเจ้า และคนของจวนสกุลกงย่อมมีภัย”