บทที่ 4
ฤดูใบไม้ผลิผ่านพ้นไปรวดเร็วราวกับสายลมที่พัดผ่าน
เกี้ยวสง่างามติดตราประจำจวนแม่ทัพตะวันออกเคลื่อนตัวเข้าสู่วังหลวงภายในเวลาไม่กี่ชั่วยาม ทว่าใบหน้ากระจ่างใสของสตรีวัยแรกแย้มกลับมีเม็ดเหงื่อเกาะพราวราวกับว่าอากาศภายในเกี้ยวอยู่ในช่วงฤดูร้อนอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเกี้ยวถูกวางลงกับพื้น มือเรียวขาวราวหยกนมแพะยื่นออกไปเปิดผ้าไหมคลุมเกี้ยวสีเข้มด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมตามที่มารดาพร่ำสอน
“คุณหนูกงฮุยฮวา”
เสียงทักทายของนางในระดับสูงดังขึ้นทันทีที่เจ้าของร่างบางก้าวเท้าลงจากเกี้ยว
“คารวะท่าน…”
“เรียกข้าว่าเหยียนซั่งฉิ่น ข้าคือหัวหน้านางกำนัลฝ่ายพระตำหนักในวังหลัง ส่วนผู้นี้คือซูซั่งอี๋ นางคือหัวหน้านางกำนัลฝ่ายพระราชพิธี ฮองเฮาส่งเราสองคนมาสอนกฎเกณฑ์และกริยามารยาทภายในวังหลวงให้คุณหนูกง เพื่อรอเข้าพิธีหมั้นหมายกับองค์รัชทายาทในอีกหกเดือนข้างหน้า ระหว่างนี้หากต้องล่วงเกินกันบ้าง หวังว่าคุณหนูกงจะเข้าใจ”
ฮุยฮวาพยักหน้าเล็กน้อยและคร่อมศีรษะคารวะผู้อาวุโสทั้งสองอย่างนอบน้อม
“คุณหนูกงมีคำถามหรือไม่” ซูซั่งอี๋ที่ดวงตามีแววความอ่อนโยนกว่าเหยียนซั่งฉิ่นเอ่ยถาม
“ไม่มีเจ้าค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นก็ตามข้าเข้าไปในที่พักเถิด เรามีอีกหลายอย่างที่ต้องชี้แนะคุณหนูและคนจากจวนสกุลกงเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวในวังหลังให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ ข้าวของที่นำมาข้าจะให้นางกำนัลนำไปเก็บให้ อย่าได้กังวล”
“เจ้าค่ะ”
ฮุยฮวาตอบรับและเดินตามหัวหน้านางกำนัลทั้งสองเข้าไปยังที่พักของตนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ทั้งที่ในใจนางว้าวุ่นเหลือเกิน
สวรรค์! หากต้องใช้ชีวิตต่อจากนี้อยู่ในวังหลังชั่วชีวิต นางคงได้ลำคอแข็งค้างจนขาดใจตายเป็นแน่ นางกำนัลพวกนี้ไม่เมื่อยคอหรืออย่างไรกัน
“คุณหนู” อาเถียนเรียกพร้อมทั้งกระตุกปลายแขนเสื้อของผู้เป็นนาย
“ข้า…”
“จำที่ฮูหยินกำชับไม่ได้แล้วหรือเจ้าคะ”
ใบหน้าหวานกระจ่างใสงอง้ำเมื่อนึกถึงคำกำชับยาวเหยียดยิ่งกว่าเส้นทางจากจวนสกุลกงมาวังหลวงด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้ม แต่จะทำอย่างไรได้
เส้นทางนี้… นางมีสิทธิ์เลือกด้วยหรือ