บท
ตั้งค่า

ตอนที่3.2 แผนการที่ล้มเหลว

“คุณหนูเจียงโปรดสำรวม บุรุษสตรีไม่ควรอยู่กันตามลำพัง” ชินอ๋องเหยาหวังเหว่ยเอ่ยเสียงแข็ง เขาหยุดเอ่ยไปช่วงหนึ่งเพื่อดูสีหน้าของสตรีที่อยู่ตรงหน้า

คำพูดของเหยาหวังเหว่ยราวฝ่ามือที่ตบลงมากระทบบนใบหน้าของเจียงเจียวซิน แต่นางไม่ได้รู้สึกเจ็บที่หน้าแต่กลับรู้สึกเจ็บที่ใจ ที่ได้ยินคำสอนนี้จากปากของเขา ใบหน้าของนางชาวูบ นางนิ่งอึ้งจนพูดอันใดไม่ออก สองมือที่ประสานกันไว้ บัดนี้ประสานกันแน่นขึ้นกว่าเก่าด้วยความโกรธ

“ถึงข้าจะรู้ว่าเจ้ามีเจตนาดีแต่ผู้อื่นคงไม่คิดเช่นนั้น หากมีผู้ใดพบเห็นคงคิดว่าเจ้าหมายจะปีนขึ้นเตียงข้าเป็นแน่” เหยาหวังเหว่ยยกยิ้มอย่างมีเลศนัย

ถึงประโยคแรกของเขาจะฟังดูเหมือนกับเขาเข้าใจจิตใจของนางว่าหวังดีต่อเขา แต่เจียงเจียวซินรู้ดีว่าความจริงมันคือคำด่า นางพยายามข่มอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ แต่สีหน้าและแววตาของนางไม่อาจรอดพ้นสายตาของชินอ๋องไปได้

“ในเมื่อเจ้าอยากพักผ่อนให้สร่างเมา เช่นนั้นก็เชิญเจ้าเถอะ ข้าจะไปเดินเล่นรับลมเสียหน่อย” เหยาหวังเหว่ยก้าวเท้าเดินออกจากประตูห้องไปทันที

เพียงเห็นแผ่นหลังกว้างของบุรุษตัวสูงกว่าหายไปกับความมืดยามราตรี เจียงเจียวซินก็ไม่นึกฝืนทนอดกลั้นโทสะที่มีอีกต่อไป นางกระทืบเท้าย่ำลงกับพื้นหลายคราอย่างไม่พอใจเพื่อระบายอารมณ์ หากตอนนี้อยู่ที่จวนของนาง คงมีข้าวของหลายอย่างที่ต้องตกแตกหรือกระเด็นกระดอนไปตามพื้นเป็นแน่

“ท่านอ๋อง พระองค์จะต้องเป็นของข้าเท่านั้น” นางเอ่ยออกมาอย่างเคียดแค้น อารมณ์ที่ปรากฏบนใบหน้าฉายให้เห็นเด่นชัดถึงความมุ่งมั่นของนาง

เจียงเจียวซินยืนปรับอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะจัดแจงเสื้อผ้าอาภรณ์ของตนให้เรียบร้อยเพื่อที่จะกลับเข้าไปในงานเลี้ยง เพราะนางไม่อาจทำให้ผู้ใดเห็นกิริยาเช่นนี้ของนางได้ ไม่เช่นนั้นที่นางแสร้งทำตัวอ่อนหวานอ่อนโยนมาตลอดคงต้องเหนื่อยเปล่า

หลังจากที่ชินอ๋องออกมาจากตำหนักที่ใช้รับรองแขกเหรื่อที่มาร่วมงานแล้ว เขาก็รีบสาวเท้าเดินไปยังทางที่สตรีเจ้าของชุดสีชมพูอ่อนชายกระโปรงปักลายผีเสื้ออยู่ทันที ด้วยความร้อนใจใคร่รู้ว่าเหตุใดวันนี้นางจึงมีท่าทีที่แปลกไปเช่นนี้ ทั้งที่วันนี้เพิ่งจะได้พบหน้าเขาเป็นครั้งแรกหลังที่จากกันมานาน

เพียงเขาเดินมาถึงสระบัวก็เห็นสตรีที่ตามหา นางนั่งเหม่อมองบัวอยู่ในศาลากลางสระบัวเพียงลำพัง เขาตบเท้าเร่งรีบเข้าไปหานางทันที แต่ด้วยระดับวรยุทธ์เช่นเขามีหรือฟางหนิงหลินจะได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังก้าวเข้าไปหานาง

ฟางหนิงหลินที่นั่งเหม่อมองดวงจันทราในพื้นน้ำอยู่ดี ๆนางก็รู้สึกได้ว่ามีสายตาจ้องมองมายังนาง ความมืดเงียบผสานกับไอเย็นที่ปะทะโดนตัวยิ่งทำให้นางนึกถึงเรื่องเล่าเมื่อไม่นานที่ผ่านมาว่ามีนางกำนัลกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย และมีนางกำนัลขันทีมากมายที่เคยพบเจอวิญญาณเคียดแค้นนี้ ฉับพลันทันใดนั้นทั่วทั้งร่างกายของนางก็รู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมา สายตานางกวาดมองไปทั่วอย่างหวาดระแวง

“อยู่ไม่ได้แล้ว ข้ากลับเข้าไปในงานดีกว่า” ฟางหนิงหลินพึมพำออกมา

นางลุกขึ้นก้าวเท้าหันหลัง คิดจะกลับไปในงานเลี้ยง แต่เพียงสายตาเหลือบเห็นร่างบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่ นางก็กรีดร้องออกมาสุดเสียงด้วยความหวาดผวา โดยที่ยังไม่ทันมองใบหน้าของเขา ทำเอาบุรุษที่อยู่ตรงหน้าตกใจรีบสาวเท้าเข้าไปดูนาง

“เจ้าเป็นอันใด” เหยาหวังเหว่ยเอ่ยอย่างร้อนใจด้วยความเป็นห่วง

สตรีเอวบางร่างน้อยเมื่อได้ยินเสียงก็จำได้ทันทีว่าเขาเป็นใคร ถึงน้ำเสียงจะดูอบอุ่นไม่แข็งกระด้างเหมือนก่อนหน้า แต่นางรู้ดีว่าต้องเป็นเขา นางลืมตาขึ้นดูให้ชัดเจน

เพียงเห็นใบหน้าของเหยาหวังเหว่ย นางก็ถอยหลังออกห่างจากเขาทันที โดยที่นางนั้นไม่ได้ตั้งใจ แต่ราวกับว่าร่างกายมันตอบสนองไปเองเมื่อเห็นใบหน้าของเขา

เหยาหวังเหว่ยหยุดค้างนิ่งเมื่อเห็นท่าทางและสีหน้าของนางที่รังเกียจตน ในหัวของเขาขาวโพลนเขาทำอันใดไม่ถูกเมื่อเห็นสายตาคู่นั้นที่มองมายังเขาราวกับกำลังตัดพ้อเขาอยู่ก็ไม่ปาน เขาไม่รู้เลยว่าทำอันใดผิดต่อนาง เพราะเขาเองก็เพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวงเมื่อวานนี้ยามเย็น และพักอยู่ที่ตำหนักในวัง

ขณะที่เขากำลังคิดใคร่ครวญอยู่นั้นความคิดหนึ่งก็แล่นผ่านมาในหัวของเขา เขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นไม่ผิดเป็นแน่ เพราะไม่เช่นนั้นนางคงไม่เปลี่ยนไปมากเช่นนี้ เขาเคลื่อนฝีเท้าขยับเข้าไปหานาง ส่วนนางนั้นก็ก้าวเท้าถอยหลังหนี เขาก้าวเข้ามาหานางหนึ่งก้าวนางก็ถอยหลังหนึ่งก้าวจนในที่สุดก็ถึงขอบสระ

ฟางหนิงหลินไม่ทันได้หันหลังมองว่าตนนั้นยืนอยู่ที่ขอบสระแล้วจึงก้าวเท้าต่อ โชคดีที่เหยาหวังเหว่ยคว้าเอวบางของนางไว้ได้ทัน นางจึงไม่พลัดตกลงไปในสระบัว เขาโอบเอวนางไว้แน่นก่อนที่จะโน้มหน้าลงไปใกล้จนทั้งสองรับรู้ได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย

เหยาหวังเหว่ยอยากหยั่งเชิงนางเสียหน่อยว่าสาเหตุที่นางเปลี่ยนไปนั้นเป็นดั่งที่เขาคิดไว้หรือไม่ เพราะหากว่าเขาพูดออกไป หากไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ นางคงคิดว่าเขาเสียสติพูดจาเลอะเลือนก็เป็นได้

“เจ้าคงวางแผนจะตกน้ำเพื่อให้ข้าช่วยเจ้าสินะ ดีใจหรือไม่ที่เจ้าทำสำเร็จแล้ว” เขาเอียงหน้าและเอ่ยกระซิบที่ข้างใบหูของนาง น้ำเสียงแหบพร่าเบา ๆ ที่เขาเอ่ยราวกับจะยั่วให้นางอาย

ใบหน้าของนางแดงขึ้นมาทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงลมร้อนอุ่นที่กระทบใบหู สติที่เตลิดไปไกลกลับมาทันที นางพยายามดันตัวเขาให้ถอยห่างแต่กลับไม่เป็นผล เขากลับยิ่งกระชับเอวนางให้แนบชิดร่างกายของเขายิ่งกว่าเก่า

เจียงเจียวซินที่เดินกลับมายังงานเลี้ยงบังเอิญได้ยินเสียงกรีดร้องของสตรี จึงได้เดินมาตามเสียงด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่เมื่อนางเดินมาถึงสระบัวก็เห็นบุรุษและสตรีคู่หนึ่งยืนกอดกันแน่น นางถลึงตาเหลือกโตดวงตาของนางราวกับมีเปลวเพลิงโหมลุกไหม้ นางกำมือแน่นจนเล็บจิกลงไปในเนื้อ เจียงเจียวซินเม้นริมฝีปากแน่นเพื่ออดทนไม่กรีดร้องออกมา เพราะหากมีผู้ใดมาเห็นและนำเรื่องนี้ไปเล่าลือกันจนถึงหูฮองเฮาหรือไทเฮา ฟางหนิงหลินย่อมต้องได้เป็นชายาชินอ๋องดั่งที่หวังไว้อย่างแน่นอน มีหรือเจียงเจียวซินจะยอมให้เป็นเช่นนั้น

แต่ที่เจียงเจียวซินรู้สึกเจ็บแค้นมากไปกว่านั้นก็คือ แผนการที่นางอุตส่าห์เปลืองแรงเปลืองเงินไปมากมาย แต่ผู้ที่ได้ผลประโยชน์กลับเป็นคนอื่น และคนที่ว่านั้นยังเป็นสตรีที่นางเกลียดชังมากที่สุดอีกด้วย

“ข้าตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่น[1]ชัด ๆ” เจียงเจียวซินกัดฟันเอ่ย

[1] ตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่น หมายถึง ทำบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่ได้ประโยชน์ แต่คนอื่นได้ประโยชน์ ทำงานลำบากให้คนอื่นเปล่า ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel