บทที่ 9 แก้แค้นให้เจ้า
ภายในห้อง
ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงตัวร้อนไร้ซึ่งสติ ในปากเอาแต่พึมพำไม่หยุด “หวางเฟยนาง…..”
“ลูกแม่ แม่รู้ว่าเจ้าเกลียดสตรีผู้นั้น ตราบใดที่แม่ยังมีลมหายใจอยู่ ก็จะแก้แค้นให้เจ้าจงได้!”
นางเว่ยที่นั่งอยู่ข้างเตียงใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกลียด นางคิดว่าเย่สิ้นจะต้องโกรธแค้นคนที่ทำร้ายตนเองเป็นแน่ ถึงได้เอ่ยเรียกหวางเฟยในระหว่างที่สติพร่าเลือนเช่นนี้
“ประเดี๋ยวหมอหลวงก็มาแล้ว เจ้าทนอีกหน่อยนะ” นางเว่ยปาดน้ำตา กอบกุมมือของบุตรชายเอาไว้ด้วยมืออันสั่นเทา “ไม่ต้องห่วง ข้าจัดการน้องสาวเจ้าแล้ว หากเจ้าเป็นอะไรไปล่ะก็ ข้าจะไปฆ่าสตรีนางนั้นที่ห้องเก็บฟืน”
เป็นคุณหนูตระกูลจวนอานติ้งโหวแล้วอย่างไร สำหรับคนเป็นแม่แล้ว ผู้ใดกล้ามาทำร้ายบุตรของตน ก็จะต้องเอาให้ถึงตาย
รอให้นางฆ่าเซ่เชียนฮวนเสียก่อนเถอะ แล้วค่อยชดใช้ชีวิตให้จวนอานติ้งโหวก็ยังไม่สาย
“ไม่”
ทันใดนั้นเย่สิ้นก็ปรือตาขึ้นมา
เขาข่มกลั้นความเจ็บเอาไว้ เอ่ยพูดเสียงแหบแห้งว่า “ให้หวางเฟยมาช่วย”
“ห๊า? เจ้าว่าอะไรนะ?”
นางเว่ยคิดว่าตนเองฟังผิด
หวางเฟย? มาช่วยชีวิต?
สตรีร้ายกาจสกุลเซ่ผู้นั้น ทำเรื่องสุดโต่งอย่างการทำร้ายคนอื่น จะมาช่วยชีวงชีวิตได้อย่างไรกัน
ในตอนนี้เอง ประตูห้องก็ถูกเปิดออก บ่าวไพร่คนหนึ่งส่งเสียงว่า “ฮูหยิน หมอหลวงห่าวกล่าวว่าเขาไม่สามารถช่วยองครักษ์เย่ได้ จึงไม่มาขอรับ”
“อะไรนะ?!”
นางเว่ยได้ยินเช่นนั้น ก็เบิกตาโพลงพร้อมกับน้ำตาที่หลั่งไหล
บ่าวผู้นั้นเอ่ยพูดขึ้นมาอีกว่า “แต่หมอหลวงห่าวมีผู้หนึ่งสามารถช่วยชีวิตองครักษ์เย่ได้ ให้ฮูหยินไปเชิญตัวนางมา”
“ผู้ใด??” นางเว่ยรีบเอ่ยถาม
“หวางเฟยขอรับ”
บ่าวไพร่กล่าวจบ ก็หันหลังเดินออกไปทันที
นางเว่ยนิ่งอึ้งไปนาน “หวางเฟย? เป็นไปได้อย่างไร”
เมื่อนางหันกลับมา เย่สิ้นก็หลับตาลง ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด ราวกับเพียงแค่ดีดนิ้วก็สามารถสิ้นลมได้
นางเว่ยไม่มีเวลามาสนใจอะไรมากมาย รีบวิ่งตรงไปที่ห้องเก็บฟืน
นางวิ่งมาได้ไม่ทันไร ก็เห็นจางมามาเดินเข้ามาพอดี จึงคว้าจับนางเอาไว้ แล้วลากไปยังเสาที่อยู่ข้างๆเอ่ยพูดเสียงเบาว่า “ป้าเว่ย เมื่อครู่ข้าไปส่งอาหารให้หวางเฟยมา นางใช้เลือดเขียนสูตรยายาจินชวงให้ข้าด้วย บอกให้เอามาให้เข้าไปรักษาองครักษ์เย่”
“ข้ารู้ว่าหวางเฟยมีจิตใจร้ายกาจ ไม่แน่ใจว่านางหวังดีหรือหวังร้าย ข้าก็เลยกำลังคิดว่าควรหาสถานที่จัดการสูตรยาทิ้งดีหรือไม่ ไหนๆตอนนี้ก็เจอเจ้าแล้ว ข้าจึงแวะมาบอกเจ้าเสียหน่อย”
นางเว่ยรีบจับมือจางมามาไว้ “สูตรยาอยู่ไหน? เจ้ายังไม่ได้เอาทิ้งใช่ไหม?!”
จางมามาชะงัก “ยังไม่ทิ้ง”
นางหยิบกระดาษของเซ่เชียนฮวนออกมา
นางเว่ยรีบคว้ามา แล้วหันหลังวิ่งออกไป
ผ่านไปไม่กี่ชั่วยาม นางก็ปรุงยาเสร็จ จากนั้นก็จ้างคนในร้านยาบดยาให้เป็นผงละเอียด แล้วรีบนำกลับมาอย่างเร่งรีบ
ผงยาเป็นสีขาว ทั้งยังส่งกลิ่นแปลกๆที่นางเว่ยไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน แต่นางไม่อยากพลาด จึงนำยาโรยลงบนแผลของเย่สิ้นจนหมด
ผ่านไปครู่หนึ่ง อาการบวมแดงบริเวณบาดแผลก็ค่อยๆลดลงไป
นางเว่ยนิ่งอึ้งอยู่นาน
ห้องเก็บฟืนของจวนอ๋องแตกต่างกับห้องเก็บฟืนของจวนอานติ้งโหวยิ่งนัก ไม่มีหนู ไม่มีแมลงสาบ มีเพียงกลิ่นไม้เท่านั้น ซึ่งถือว่ากลิ่นไม่ได้แรงเท่าไหร่
หลังจากที่เซ่เชียนฮวนกินอาหารหมด ก็ยังไม่สามารถเติมเต็มความหิวโหยได้ ในหัวเริ่มหนักอึ้ง
ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก
นางเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นนางเว่ยเดินเข้ามาด้วยดวงตาที่บวมแดง จากนั้นก็ทรุดตัวลงกับพื้น แล้วโขกหัวคำนับนางไม่หยุด “ได้โปรดหวางเฟยทรงเมตตา ช่วยบุตรชายข้าทีเถิด!”
“มาพยุงข้าลุกขึ้นก่อน”
เซ่เชียนฮวนหลับตาลง
ดูเหมือนว่า โชคชะตาของนางยังไม่ตกต่ำถึงก้นเหว
นางเว่ยทั้งกลัวทั้งรู้สึกผิด ชั่วขณะนั้นพลันมีหลากหลายอารมณ์ปะปนกันไปหมด กระนั้นก็ยังเข้าไปช่วยพยุงเซ่เชียนฮวนขึ้นมา “หวางเฟย ท่านคงลำบากมาก”