บทที่ 8 ขังไว้ในห้องเก็บฟืน
เมื่อครู่ เพื่อกันไม่ให้ถูกรบกวน เซ่เชียนฮวนจึงให้หมอหลวงห่าวไปเฝ้าหน้าประตูไว้โดยเฉพาะ
ไม่คิดเลยว่าคนมาใหม่จะถีบประตูเข้ามาง่ายๆ เพียงพอทำให้รู้ว่าฝีมือของเขาแข็งแกร่งแค่ไหน
“เซ่เชียนฮวน เจ้ากล้าทำร้ายองครักษ์ของข้าหรือ!!”
เซียวเย่หลันเดินก้าวยาวๆเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ
เขาไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสพูดก็ชิงถีบเซ่เชียนฮวน จนนางกลิ้งล้มลงบนพื้น ศีรษะกระแทกขาเตียง จนตามืดตาลายไปหมด!
“อ่อก——”
เซ่เชียนฮวนนอมกุมท้องอยู่บนพื้น เจ็บไปทั้งสรรพางค์กาย หูข้างซ้ายอื้อไปอย่างรุนแรง
แม่ง
ก่อนหน้านี้ก็โดนตบ มาตอนนี้ยังมาโดนถีบอีก นางจะจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ
ซูอวี้เอ๋อร์เดินมาดูอาการเย่สิ้นอย่างเร็วไว ใช้แขนเสื้อปิดปากอย่างเล่นใหญ่ เอ่ยพูดอย่างตกใจว่า “คุณพระ! ท่านอ๋อง แผ่นหลังของเขาถูกเข็มปักจนบวมแดงแทบจะเห็นกระดูกอ่อนรางๆ เหมือนจะได้บาดแผลเพิ่มเลยเจ้าค่ะ!”
นางเว่ยรีบวิ่งเข้ามาดู ซึ่งทุกอย่างเป็นเหมือนที่ซูอวี้เอ๋อร์พูด ตอนนี้แผ่นหลังของบุตรชายน่าสยดสยองจนบาดตา
นางร้องไห้ออกมาอย่างโศกเศร้า “ลูกแม่! แม่ไม่น่าฟังที่ผู้หญิงคนนี้พูดเลย นางบอกว่านางสามารถรักษาเจ้าได้ แต่ที่แท้นางก็แอบทำร้ายเจ้าเพื่อระบายความโกรธนี่เอง!”
นางเว่ยถลึงตาใส่เซ่เชียนฮวนอย่างมาดร้าย จากนั้นก็คุกเข่าโขกหัวต่อหน้าเซียวเย่หลัน”
“ท่านอ๋อง ท่านต้องจัดการให้พวกข้าสองแม่ลูกนะเจ้าคะ”
เซียวเย่หลันเม้มริมฝีปาก เอ่ยพูดเสียงเย็นว่า “ทหาร มาจับตัวสตรีร้ายกาจผู้นี้ออกไปขังไว้ในห้องเก็บฟืน!”
“ขอรับ”
เซ่เชียนฮวนถูกองครักษ์สองสามนายเข้ามากระชากให้ลุกขึ้น จนปลายเท้าฟาดเข้ากับขาโต๊ะเป็นรอยจ้ำ
เจ็บจนจะไม่ไหวแล้ว
ในเวลานี้ นางทั้งเหนื่อยทั้งง่วง ไร้เรี่ยวแรงแก้ต่างให้ตนเอง ทำได้เพียงปิดเปลือกตาลงอย่างนิ่งสนิท
สิ่งสุดท้ายที่สายตาของเซ่เชียนฮวนเห็น คือใบหน้าที่เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่พูดไม่ได้ของหมอหลวงชราผู้นั้น
มืดสนิท
เมื่อลืมตาขึ้นมา ทุกอย่างก็ยังมืดอย่างไม่มีจบสิ้น
ไม่มีเตียงนุ่มๆ ไม่มีอาหารอร่อยส่งกลิ่นหอมกรุ่น ฝันร้ายยังคงดำเนินต่อไป
เซ่เชียนฮวนไม่รู้ว่าตนเองสลบไปนานเท่าไหร่ รู้สึกว่าลำคอแห้งผากไปหมด ท้องก็เอาแต่ร้องโครมครามหิวโหยไม่หยุด
“มีใครอยู่ไหม?”
นางเค้นเสียงอันแหบแห้งออกมา ตะโกนเสียงแผ่วเบา
แต่กลับไม่มีเสียงใดตอบกลับมาเลย
ไม่ต่างอะไรกับผักเย่าๆที่ถูกทิ้งไว้ในกองขยะ ไม่มีคนสงสารไม่มีคนรัก
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม จู่ๆประตูห้องเก็บฟืนก็ถูกผลักเปิดเข้ามา แสงสว่างที่สาดส่องทำให้เซ่เชียนฮวนแสบตาจนต้องหยีตาลง
เป็นหญิงสูงวัยผู้หนึ่งเข้ามาส่งอาหาร
หญิงสูงวัยผู้นั้นนำรำข้าวผสมน้ำวางไว้ตรงหน้าเซ่เชียนฮวน เอ่ยพูดเสียงเรียบนิ่งว่า “กินซะ”
“ข้าขอถามได้ไหมคนที่ชื่อเย่สิ้น ตอนนี้อาการของเขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
หากเทียบกับอาหารแล้ว เซ่เชียนฮวนเป็นห่วงผู้ป่วยของตนเองมากกว่า
เมื่อคืน นางรักษาบาดแผลของเย่สิ้นยังไม่ทันหาย เซียวเย่หลันก็ให้คนมาลากตัวนางออกไปก่อน
หากบริเวณที่ฝังเข็มเกิดการอักเสบและติดเชื้อ ต่อให้ฝังเข็มสิบสามเข็มเสร็จสมบูรณ์ หากเป็นเงื่อนไขการรักษาของแพทย์แผนปัจจุบัน หลังจากนี้เย่สิ้นอาจจะไม่รอด
“ตอนนี้เขากำลังทุกข์ทรมานเพราะหวางเฟย” หญิงสูงวัยที่มาส่งข้าวเอ่ยพูดอย่างเรียบนิ่ง
“แค่กๆหากเขาเริ่มตัวร้อน แผลบนหลังเริ่มมีน้ำหนองไหล รบกวนนำสูตรยายาจินชวงนี้ไปให้แม่ของเขา มันช่วยรักษาชีวิตเขาได้”
เซ่เชียนฮวนหยิบกระดาษยับยู่ยี่ออกมาแขนเสื้อ พร้อมกับยื่นให้หญิงสูงวัยด้วยมืออันสั่นเทา
ในวินาที แสงอาทิตย์จากข้างนอกพลันสาดส่องเข้ามา ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของนางทอประกายใสแจ๋ว ไร้ซึ่งแววมาดร้ายต่อผู้อื่น
หญิงสูงวัยนิ่งไป จากนั้นก็ยื่นมือออกไปรับอย่างไม่รู้ตัว แล้วก้มหน้าลงอ่าน
ตัวอักษรบนกระดาษถูกเขียนขึ้นมาด้วยเลือด