บทที่ 12 จำคำพูดวันนี้ของข้าเอาไว้ให้ดี
แต่กลับเหนือจากที่เซ่เชียนฮวนคาดการณ์เอาไว้
หลังจากนางพูดจาไม่ดีใส่ซูอวี้เอ๋อร์ เซียวเย่หลันกลับไม่ได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
สายตาเย็นชาของเขาทอดมองมาผ้าสีขาวที่นางใช้พันนิ้วมือเอาไว้ “นั่นอะไร?”
เซ่เชียนฮวนก้มหน้ามอง
นี่เป็นแผลที่นางได้มาจากการใช้เศษหินบาดนิ้วโป้งเพื่อใช้เลือดเขียนสูตรยาตอนอยู่ในห้องเก็บฟืน
เนื่องจากตอนออกมาจากห้องเก็บฟืนร่างกายของนางเริ่มไม่ไหว นางจึงไม่ได้ทำแผลบนนิ้ว ตอนนี้นิ้วจึงถูกพันเอาไว้ลวกๆ จนดูไม่ได้
“น้ำชาลวกน่ะ” เซ่เชียนฮวนตอบอย่างเรียบนิ่ง
นางแอบดึงแขนเสื้อลง เพื่อปกปิดมือขวาของตนเอง ไม่ยอมให้ชายหนุ่มเห็น
“งั้นหรือ” เซียวเย่หลันหาได้เป็นห่วงอาการบาดเจ็บของนางไม่ เขาเองก็คร้านที่จะโต้เถียงกับนางต่อ จึงสะบัดชายเสื้อหันหลังเดินออกไป “จำคำพูดวันนี้ของข้าเอาไว้ให้ดี”
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินไปที่ประตู กำลังจะก้าวเท้าออกไป จากนั้นก็เหลือบตามองมาเล็กน้อย
“แล้วก็ ต่อให้เจ้าจะอิจฉาแค่ไหนก็อย่าไปหาเรื่องอวี้เอ๋อร์ล่ะ นางแตกต่างจากเจ้า”
ทิ้งคำพูดไว้เพียงเท่านี้ เซียวเย่หลันก็ก้าวเท้าเดินออกไป
เซ่เชียนฮวนมีเครื่องหมายคำถามเต็มหน้า??
นางเนี่ยนะอิจฉา?
เหอะๆ ผู้ชายคนนี้ชักจะหลงตัวเองเกินไปแล้ว!
อีกอย่างนะ ซูอวี้เอ๋อร์ก็มีสองตาหนึ่งจมูกหนึ่งปากเหมือนกันกับนาง นางก็ไม่เห็นจะรู้สึกว่ามีตรงไหนที่แตกต่างกัน
เมื่อส่งเสด็จท่านอ๋องยมทูตกลับไปแล้ว เซ่เชียนฮวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่นิ้วมือ จึงกัดริมฝีปาก จากนั้นก็ก้มหน้าลงเปิดผ้าสีขาวออกอย่างแผ่วเบา
ว่ากันว่านิ้วมือทั้งสิบเชื่อมโยงถึงหัวใจ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแผลเล็กๆ แต่พอได้เจ็บก็ถึงขั้นร้องขอชีวิตเลยทีเดียว
ควรที่จะรีบทำแผลให้เร็วที่สุด
เซ่เชียนฮวนหยิบเสื้อตัวนอกมาคลุมตัว แล้วเดินเข้าไปในเรือน เมื่อเงยหน้ามองก็เห็นชิงถิงที่กำลังยืนอยู่ตรงประตูด้วยท่าทางลับๆล่อๆ
“เจ้ากำลังทำอะไร?” เซ่เชียนฮวนส่งเสียงออกไป จนชิงถิงสะดุ้งหันกลับมาอย่างลนลาน
“ทูลหวางเฟย บ่าวกำลังดูว่าท่านอ๋องเสด็จออกไปไกลหรือยังเจ้าค่ะ”
“ประสาท เขาจะไปหรือไปแล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้า”
“บ่าวก็แค่มาดูลาดเลาให้นายหญิง”
ชิงถิงแสร้งทำเป็นน้อยใจ ในใจแอบคิดว่าถึงอารมณ์ของหวางเฟยจะเปลี่ยนไป แต่นิสัยที่เอะอะก็ด่ากลับไม่เปลี่ยนไปเลย ดูท่าแล้วน่าจะรู้วิชาแพทย์แค่พองูๆปลาๆ ยังคงเป็นคนโง่งมเหมือนเดิมล่ะสิท่า!
เซ่เชียนฮวนเหลือบมองมุมของถุงกระดาษที่ถุงโผล่ออกมาจากในมือของชิงถิง จึงเอ่ยถามว่า “ที่เจ้ากำลังถืออยู่คือยา?”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ นี่เป็นปุ๋ยที่บ่าวนำมาใช้ปลูกดอกไม้”
ชิงถิงอธิบายไปพลางซ่อนมือไว้ข้างหลังอย่างร้อนตัว ศีรษะเริ่มมีเหงื่อผุดออกมา
เมื่อครู่นางกำลังยืนอยู่ในเรือนคิดหาโอกาสวางยาพิษ คิดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆเซียวเย่หลันจะโผล่มา นางสะดุ้งตกใจเหมือนเห็นผี เมื่อรอจนเซียวเย่หลันเดินออกไปไกลถึงได้วางใจลงในที่สุด แต่สุดท้ายเซ่เชียนฮวนกลับเข้ามาสอบถามเสียอย่างนั้น
นางคงไม่ได้เผยพิรุธอะไรออกไปหรอกใช่ไหม?
ชิงถิงประหม่าเป็นอย่างมาก
โชคยังดีที่เซ่เชียนฮวนไมาได้ไต่ถามอะไรต่อ นางเพียงกระตุกมุมปากอย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า “ตามข้ามา”
“เจ้าค่ะ”
ชิงถิงถอนหายใจอย่างโล่งอก
นางมองตามแผ่นหลังอันบอบบางอ่อนแอของเซ่เชียนฮวน พลันเผยสีหน้าลำพองใจออกมา
หลอกง่ายจริงๆ โง่เง่าจริงๆด้วย
เซ่เชียนฮวนพาชิงถิงมาถึงเรือนของบ่าวไพร่ที่อยู่ข้างๆ ยกมือขึ้นชี้จางมามาที่กำลังใช้พัดก่อไฟต้มยาอยู่ แล้วหันมาเอ่ยพูดกับชิงถิงอย่างเรียบนิ่งว่า “วันนี้เจ้าช่วยงานอยู่ที่นี่แล้วกัน”
ชิงถิงชะงักนิ่ง ต่อมาในใจก็ลิงโลดเป็นอย่างมาก
นางกำลังกลุ้มใจอยู่เลยว่าจะถือโอกาสไหนวางยาเย่สิ้นดี แต่คิดไม่ถึงเลยว่า หวางเฟยผู้โง่เขลาผู้นี้จะเป็นฝ่ายมาส่งนางถึงที่เอง!