ตอนที่ 9 เย็นชา
ไป๋เสวี่ยเจี้ยนจากบ้านสามเองมองพี่รองด้วยความกังวลนางกัดริมฝีปากแน่น ไม่กล้าเอ่ยวาจา
นางเพียงต้องการมีตัวตน เสนอหน้าให้ท่านอ๋องได้เห็นนางบ้างก็พอแล้ว
แววตาคมดูเยือกเย็นของจิ้งอ๋องมองมายังไป๋หลีเซวี่ยนพลันพบว่า จากเดิมยามที่นางพบตนแล้ว จะต้องเข้ามาทำความเคารพอย่างดีอกดีใจ ถามไถ่สุขทุกข์บ้างเล็กน้อย หากวันนี้นางกลับมิได้มองมาที่เขาเลยด้วยซ้ำ?
นี่ทำให้จิ้งอ๋องรู้สึกไม่เบิกบาน ขุ่นข้องใจเป็นอย่างมาก
ไป๋หลีเซวียนเก็บสายตาของทุกคนไว้ในใจ เป็นคนดี หรือคนชั่ว นางมองปราดเดียวก็มองออกแล้ว จากนั้นค่อยหยิบปิ่นยื่นออกมา แล้วปรายตามองไปที่เฉินชิงหยาง
“ญาติผู้พี่ ท่านกล่าวว่า ปิ่นชำรุดมีตำหนิ ท่านบอกได้หรือไม่ ว่าชำรุด ณ ที่ใด?”
เฉินชิงหยางแน่ใจว่าไป๋หลีเซวียนนั้นขโมยของเขาไป จึงยืดอกขึ้น แสงแดดที่สาดส่องลงมา พาให้เห็นขอบตาดำคล้ำของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น
“ชำรุดที่สายทองคำเส้นที่พันรอบไข่มุกนั้นได้ขาดลง"
ริมฝีปากแดงสดของไป๋หลีเซวียนเม้มเข้าหากันเล็กน้อย ใช้สองมือยื่นปิ่นออกมาต่อหน้าทุกคน แล้วสะกิดไปที่ไข่มุกที่แม้จะกลมกลึงไร้ริ้วรอย แต่ก็ไม่ได้น้ำงามมากนัก ออกจะดูเหมือนไข่มุกคุณภาพต่ำ
“ใช่ไข่มุกเม็ดนี้หรือไม่เจ้าคะ?”
เฉินชิงหยางผงกศีรษะอย่างหนักแน่น แล้วยิ้มเยาะหยันอย่างสะใจ ครั้งนี้ไป๋หลีเซวียนเสร็จเขาอย่าแน่นอน
ไป๋หลีเซวียนลูบเส้นทองคำที่พันบนไข่มุกอย่างแผ่วเบาแล้วยอบกายให้เสนาบดีไป๋ดู
คิ้วพาดตรงดุจกระบี่ของจิ้งอ๋องขมวดแน่น วันนี้นางเป็นอะไรไป ทั้งๆ ที่เห็นเขา แต่กลับไม่หันมาทำความเคารพ?
“ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกถอดแกะเครื่องประดับทั้งหมดของตนเองที่มีอยู่ออกมา แล้วเอาของทั้งหมดมาประกอบใหม่เป็นปิ่นเล่มนี้ ใช้เวลาทำทั้งหมดสองวันสองคืนมิได้พักผ่อน
เพราะก่อนนี้ บังเอิญได้ยินญาติผู้พี่กล่าวว่า ปิ่นของท่านยายเฒ่าอาวุโสเฉินชำรุดลง ซ่อมแซมยากลำบากยิ่งนัก ดังนั้นลูกจึงพยายามทำปิ่นเล่มนี้ขึ้นมาด้วยตนเอง คิดฝากให้ญาติผู้พี่นำกลับไป
มอบให้ท่านยายเฒ่าอาวุโสเจ้าค่ะและก่อนหน้านี้ที่ข้าอยู่ในสวน ก็เพราะรู้สึกคล้ายเห็นญาติผู้พี่เดินผ่านมา จึงคิดตามหาญาติผู้พี่"
พอได้ยินเช่นนี้ ไป๋ฮูหยินและไป๋ลู่อิงพลันเปลี่ยนสีหน้า ท่านมองข้า ข้ามองท่าน สบตากันเอง แล้วท้ายสุดหันไปจ้องเฉินชิงหยางเป็นตาเดียว
แล้วแผนการใส่ร้ายป้ายสีที่วางกันไว้เล่า?
เฉินชิงหยางแต่เดิมก็ยังสงสัยมิใคร่เข้าใจมากนัก ยามนี้ยิ่งมิได้รู้สึกตัวเลย ว่ากำลังโดนไป๋หลีเซวียนจูงจมูกอยู่ พอเขาได้ฟังเช่นนี้ ก็คล้อยตาม เดินเข้าไปสังเกตดูอย่างละเอียด พอดูแล้วก็ตะลึงงัน กล่าวอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
“ญาติผู้พี่เจ้าคะ ท่านใช่เอาปิ่นไปเก็บ แล้วลืมว่าไว้ที่ใดหรือไม่ ขอท่านโปรดหาดูอีกรอบเถิด คืนความบริสุทธิ์แก่ข้า”
ไป๋หลีเซวียนกล่าวจบ สายตาก็มองจ้องไปที่เฉินชิงหยางอยู่างมุ่งมั่น ปลายกระบี่ของหลิงม่านรูชี้ไปที่เฉินชิงหยาง พาให้เฉินชิงหยางตกใจกลัว รีบควานหาทั่วตัว
แววเย็นชาฉายวาบในดวงตาของไป๋ฮูหยินและลู่อิงพริบตานั้นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากพลันแข็งค้าง
เฉินชิงหยางเบิกตากว้างมองปิ่นที่คว้าออกมาได้อย่างตะลึงงัน มันเป็นปิ่นที่มีรอยชำรุดอยู่จริง ๆ สีหน้าเขาพลันขาวซีดเป็นไก่ต้ม นี่มันเป็นไปได้ยังไง?
“ญาติผู้พี่ ท่านมองดูปิ่นในมือข้าเล่มนี้อีกครั้งสิเจ้าคะ"
ไป๋หลีเซวียนยื่นปิ่นที่นางทำขึ้นมาเองให้ดู แสงแดดที่สาดส่องลงมากระทบปิ่นทั้งสองเล่ม ให้สะท้อนแสงแวววาวขึ้นมาดูเผิน ๆ เหมือนกันทุกประการ
เสนาบดีไป๋รับปิ่นทั้งสองเล่มมาเปรียบเทียบกันแล้วก็พบข้อแตกต่าง
"เซวียนเอ๋อไข่มุกบนปิ่นของเจ้านี้ เหตุใดน้ำไม่งามเลยแม้แต่น้อย"
ไป๋หลีเซวียนหลุบตาลงเล็กน้อย ยอบกายลงตอบเสียงเบา น้ำเสียงแฝงความน้อยเนื้อต่ำใจ และเป็นกังวลไว้อย่างแยบยล
“ตอบท่านพ่อเจ้าค่ะ ลูก ลูกจะไปมีไข่มุกน้ำงามขนาดนั้นได้อย่างไรกันเจ้าคะ ขอท่านพ่อโปรดให้ช่างฝีมีอนำไข่มุกน้ำงามมาฝังลงไปแทนที่ค่อยใช้คนนำไปส่งให้จวนสกุลเฉินเถิดเจ้าค่ะ”
เป็นอย่างที่คิด พอเสนาบดีไป๋ได้ยินเช่นนี้ ก็ตวัดสายตามองไปที่ไป๋ฮูหยินอย่างเย็นชา ไป๋ฮูหยินแม้จะเดือดดาล ขบฟันแน่น แต่ก็ตอบกลับเสียงอ่อนหวาน เปี่ยมรอยยิ้ม
“เป็นข้าที่สะเพร่าไป ช่วงที่ผ่านมามัวแต่ยุ่งเตรียมงานเลี้ยง ทำให้เจ้าต้องน้อยเนื้อต่ำใจแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะให้คนนำไข่มุกไปส่งให้เจ้ากล่องหนึ่ง
พอไป๋ลู่อิงได้ยินว่า จะให้ไข่มุกไป๋หลีเซวียนหนึ่งกล่อง คิ้วงามก็ขมวดเป็นปม ไข่มุกกล่องนั้นนางพอใจมาก ท่านแม่ตกลงว่าจะเก็บไว้ให้นาง นังหลีเซวียนบัดซบที่สุด ดันมาได้ไปอย่างบังเอิญ
แต่ว่านะถึงอย่างไรนังหลีเซวียนโง่เง่าออกจะเชื่อฟังนาง
หากนางไปขอแบ่งมาสักครึ่งหนึ่ง จะอย่างไรก็คงยอมแบ่งให้อยู่แล้ว
ไป์หลีเซวียนรู้ว่า ทุกอย่างใกล้จะเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็ให้พวกเขากลับไปคิดต่อกันเอง นางจึงยอบกายขอบคุณ รับปิ่นไว้แล้วหันหลังเดินจากไป
จิ้งอ๋องเห็นไป๋หลีเซวียนหมุนตัวเดินกลับไปแล้ว มือสองข้างที่ไขว้อยู่ด้านหลังก็กำแน่น
แต่เดิมในแววตานางเต็มไปด้วยความลุ่มหลง เขาเห็นมันได้อย่างชัดเจน ทว่าในวันนี้กลับมีเพียงความเย็นชา
ยามที่ไป๋หลีเซวียนเดินกลับมาที่เรือนของตัวเอง ก็มีกล่องไข่มุกล้ำค่าติดมือกลับมาด้วยกล่องหนึ่ง ทำให้มู่เซียงรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ไป๋หลีเซวียนเปลี่ยนไข่มุกเม็ดใหม่ลงไปด้วยอย่างรวดเร็วที่สุด
แล้วให้มู่เซียงนำไปมอบให้ท่านพ่อ ให้เขาใช้คนนำมันไปมอบให้ท่านยายเฒ่าอาวุโสเฉิน
พอเสนาบดีไป๋ได้รับ ก็มีสีหน้าเคร่งขรึม ดูเหมือนว่าไป๋หลีเซวียนจะไม่มีคนรับใช้ ช่วยงานในเรือนเลย ถึงได้มารบกวนเขาอีกแล้ว
มู่เซียงกลับมารายงาน ไป๋หลีเซวียนแหงนหน้ามองท้องฟ้าแล้วเม้มปากยิ้มบางๆ เวลาไม่เช้าแล้วเขากำลังจะมาแล้ว
ชาติก่อนพอเขามาถึง ก็ลบหลู่ดูแคลนให้นางอับอายไม่น้อยนางค่อยๆ นั่งลงหน้าโต๊ะ คีบเต้าหูบูดก้อนหนึ่งขึ้นมาใส่ปาก
“เจ้ากินของพวกนี้อย่างนั้นหรือ?”
เสียงทุ้มนุ่มของจิ้งอ่องดังขึ้นมา มือที่จับตะเกียบของซูหลีบีบแน่นเข้า ความเกลียดชังคั่งแค้นแผ่กระจายทั่วร่าง นางตวัดหน้าปรายตามองไปที่จิ้งอ๋องอย่างเย็นชา เพียงพริบตาก็กลับมาสงบนิ่งสุขุมอีกครั้ง
จิ้งอ๋องขมวดคิ้ว รู้สึกราวกับตาฝาดไป มู่เซียงที่ยืนอยู่ไม่ไกลจึงเอ่ยขึ้น
“ตอบท่านอ๋อง มีอาหารเหล่านี้ก็ถือว่าดีแล้วเพคะ อย่างน้อยก็ยังมีอะไรให้ได้ทานบ้าง
คุณหนูของพวกเรา ในหนึ่งวันมีอาหารเพียงหนึ่งมื้อเท่านั้นเพคะ”
จิ้งอองฟังแล้ว สายตาก็มาตกอยู่ที่ตัวไป๋หลีเซวียน ทว่ากลับพบว่า นางสงบนิ่งราวดอกบัวกลางน้ำ ถึงอยู่ท่ามกลางโคลนตม แต่ก็ยังบริสุทธิ์งดงาม
นางมิได้งามล้ำเหนือผู้ใดไป๋ลู่อิงต่างหากที่งามซึ้งเปี่ยมเสน่ห์ รูปโฉมของนาง ชายใดได้เห็นล้วนต้องหวั่นไหว
ทว่าจิ้งอ๋องกลับพลันรู้สึกว่า เครื่องหน้าไป๋หลีเซวียนนั้นงดงามราวภาพวาด สงบนิ่งสุขุมราวกล้วยไม้ล้ำค่า ยามนางยืนนิ่งอย่างโดดเดี่ยวอยู่เบื้องหน้า ถึงกับพาให้คนรู้สึกอยากปกป้องทะนุถนอมขึ้นมา