ตอนที่ 10 เจว๋อ๋อง ฉู่เจว๋หยิ่ง
น่าแปลก แต่ก่อนเขามัวแต่สนใจไป๋ลู่อิงกลับมิเคยเห็นเลยว่าไป๋หลีเซวียนเองก็ไม่เลวเลย
เขาเอื้อมมือขึ้นกุมข้อมือของนางไว้ แล้วเดินนำจูงนางออกไปด้านนอก ไป๋หลีเซวียนราวกับถูกฟ้าผ่ารู้สึกทุกข์ทรมานไปทั้งร่าง
หากเป็นไปได้ นางอยากคว้ากระบี่ทิ่มแทงเขาให้ตายในฉับเดียว คนเห็นแก่ตัว ชั่วร้ายโหดเหี้ยมอำมหิตผู้นี้ เพียงเพื่อที่จะพนันกับไป๋ลู่อิง
ถึงกับให้นางต้องทนทุกข์อยู่เนิ่นนาน เพียงให้ได้รู้ว่า บุตรในท้องของนางเป็นหญิงหรือชายเท่านั้น
จิ้งอ๋องราวกับสัมผัสความรู้สึกทิ่มแทงได้จากด้านหลัง จึงหันกลับมามองไป๋หลีเซวียน แต่ก็เห็นเพียงนางหลุบตาลงอย่างนอบน้อม มิได้ชักสีหน้าอะไรใส่เขา
ภายในเรือนมู่ตัน เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ และเสียงสนทนาของแขกเหรื่อชั้นสูง
ท่ามกลางหมู่ผกาที่แข่งขันกันผลิบานอวดโฉม ทุกผู้คนในที่แห่งนี้เองต่างก็สูงศักดิ์ สง่างามไม่แพ้กัน!
จิ้งอ๋องจูงไป๋หลีเซวียนเดินมายังโต๊ะที่มีไว้ต้องรับเขาโดยเฉพาะ แล้วผายมือมาที่อาหารเลิศรสที่จัดวางอยู่เต็มโต๊ะ
“ทานเถิด "
ไป๋หลีเซวียนกำหมัดแน่น ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจิ้งอ๋องถึงทำเช่นนี้ ชาติที่แล้ว เขาไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนไม่แม้แต่จะสัมผัสใกล้ชิดนาง
“ท่านอ๋อง เกิดอะไรขึ้นเช่นนั้นหรือเพคะ?”
ไป๋ฮูหยินเห็นจิ้งอ๋องพาไป๋หลีเซวียนมาออกงาน มือก็บีบผ้าเช็ดหน้าแน่นขึ้น รีบเดินเข้ามาถามไถ่ จะได้ไม่เกิดอะไรผิดพลาด
“ข้าเห็นนางกำลังทานอาหารบูดที่แม้แต่สุนัขสุกรยังไม่กิน ก็รู้สึกสงสาร จึงพานางมาทานอาหารดีๆ ไป๋ฮูหยินคงมิมีปัญหาอะไร?"
“อะไรนะเพคะ?”
ไป๋ฮูหยินรู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว ยกมือขึ้นแล้วก็ตวัดฟาดหน้าป้าหงที่อยู่ข้างกายในทันที ตวาดว่าอย่างดุดัน
“เจ้าจัดการอย่างไร ข้ามิได้บอกเจ้าไปแล้วหรือ ว่าอาหารการกินข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างของคุณหนูใหญ่ล้วนให้เป็นแบบเดิม มิเปลี่ยนแปลง? ทั้งหมดล้วนเป็นบุตรของข้าเหมือนกันทั้งนั้น ข้าย่อมรักเอ็นดูทุกคน”
ป้าหงย่อมรู้ดีว่าต้องคล้อยตาม ทิ้งตัวคุกเข่าเสียงดังต่อหน้าไป๋หลีเซวียน แล้วโขกศีรษะ
“คุณหนูใหญ่ได้โปรดไว้ชีวิตด้วยเถิดเจ้าค่ะ ช่วงที่ผ่านมานี้ บ่าวมัวแต่วุ่นวายจัดการงานเลี้ยงจึงละเลยท่านไป ขอคุณหนูใหญ่ได้โปรดเมตตา"
ป้าหงแค่นหัวเราะเสียงเย็นในใจ แต่ไหนแต่ไรมาไป๋หลีเซวียนนั้นก็นุ่มนิ่มเหลาะแหละ สั่งให้เลี้ยวขวาก็เลี้ยวขวา ยามนี้ตนร้องขอ มิแน่ว่าประเดี๋ยวนางคงรีบขอโทษขอโพยตน
ไป๋หลีเซวียนก้มมองนางโขกศีรษะ ทว่ากลับรองมือไว้ใต้หน้าผาก จึงกล่าวอย่างเย็นชา
“เจ้ารังแกเบื้องสูง ปกป้องเบื้องต่ำ ไม่เคารพเจ้านาย หักลดอาหารของใช้ของข้า เจ้าสมควรตายแล้ว"
ในเมื่อนางรนหาที่ตาย เช่นนั้นก็ลงดาบที่นางเป็นคนแรกแล้วกัน นางเป็นถึงผู้ติดตามเข้าจวนมาพร้อมขบวนสมรสของไป๋ฮูหยิน สนิทสนมเป็นดั่งแขนซ้ายแขนขวา
ป้าหงได้ฟัง ก็ยันตัวขึ้นมองในฉับพลัน ถลึงตาจ้องไป๋หลีอเซวียนย่างเดือดดาล
แล้วพลันรู้สึกตัวขึ้นมาในพริบตา ว่ามีแขกเหรื่อคนนอกอยู่รอบกาย จึงทำได้เพียงหันไปโขกศีรษะให้ไป๋ฮูหยินแทน
“ลากไปโบยยี่สิบไม้ แล้วปรับข้าวของทุกอย่างของคุณหนูใหญ่ให้กลับมาตามเดิม”
ไป๋ฮูหยินรีบหาทางแก้อย่างรวดเร็ว ด้วยการสั่งทำโทษแทน แล้วเว้นชีวิตป้าหง ทันใดนั้นก็มีบ่าวหญิงเข้ามากุมตัวป้าหงออกไป ไป๋หลีเซวียนกลับสาวเท้าออกมาก้าวหนึ่ง ขวางทางพวกนางเอาไว้
บ่าวหญิงคนนี้ ปกติก็ตวาดด่าทอไป๋หลีเซวียนจนเคยชินเสียแล้ว ยามนี้ไม่ทันระวัง จึงตวาดออกไปว่า
“นังคนต่ำช้า ไสหัวไป!”
พอเสียงนี้ดังขึ้นมา พลันสุ่มเสียงทั่วงานเลี้ยงก็เงียบสงัดลง
ไม่เว้นแม้แต่เสียงนกกา เหล่าฮูหยิน คุณหนู คุณชายจากจวนต่าง ๆ ล้วนหันมามองอย่างตะลึงงัน
หากมิได้หันมามองย้ำอีกครั้ง พวกนางคงเข้าใจว่า พวกตนนั้นคงจะหูฝาดไปเอง
“จวนเสนาบดีนี่ช่างมีกฎระเบียบที่ดีเสียเหลือเกิน!”
เสียงกระด้างดังขึ้นจากในฝูงชน ไป๋ฮูหยินหน้าแดงคล้ำราวตับหมู เดือดดาลเป็นที่สุด เหล่าแขกเหรื่อต่างก็หันกลับไปมอง...
พอเห็นว่าเป็นใครแล้ว ทุกคนต่างพากันคุกเข่าลง
ไป๋หลีเซวียนตกตะลึง นางค่อยๆ แหงนหน้ามองพริบตานั้นเอง นางก็รู้สึกว่า ตนกำลังมองภาพที่งดงามที่สุดในโลกนี้อยู่
นางเหม่อมองเงาร่างในชุดสีขาวราวหิมะที่อยู่ไม่ไกลนั้นอย่างเงียบงัน!
เขานั่งอยู่บนรถเข็น ทั้งตัวอยู่ในชุดคลุมสูงส่งสง่างาม นั่งเหยียดหลังตรงบนรถเข็น ใบหน้าคมคายงามพิสุทธิ์ แววตากระจ่าง แฝงความเย็นชามิทราบกำลังมองไปที่ใด
หมู่มวลผกาทั่วแผ่นดิน ต้องหม่นหมองลงเมื่อเทียบกับเขาและผู้ที่ส่งเสียงก่อนหน้านี้ก็คือ องครักษ์ของเขาเทียนตง!
ซูหลีขมวดคิ้ว ท่านอ๋องที่นั่งเก้าอี้รถเข็นหรือ ใช่แล้วเขานั่นเอง
เจว๋อ๋อง ฉู่เจว๋หยิ่ง
เหตุใดเขาถึงได้มาร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้ด้วย ชาติก่อนนางแทบจะไม่เคยได้พบเจว๋อ๋องผู้นี้เลย รู้เพียงว่า...อีกสองปีหลังจากนี้ จะมีข่าวการสิ้นพระชนม์ของเจว๋อ๋องลือไปทั่ว
แต่นางไม่รู้ว่าพระองค์จะเสียชีวิตอย่างไร เพราะนางในยามนั้นสนใจแต่จิ้งอ๋องไม่แน่ว่าอาจจะเกี่ยวกับการแย่งชิงตำแหน่งอย่างแน่นอน
สีหน้าเสนาบดีไป๋ดำคล้ำถึงขีดสุด แววตาเย็นชาแทบเป็นน้ำแข็งจ้องไปที่ไป๋ฮูหยิน
พริบตานั้นเขาก็พบว่า สตรีที่เขารักมาทั้งชีวิตนั้นช่างไร้ภูมิฐานมิอาจพาออกสังคมได้
เขาอุตส่าห์วางแผน เฝ้าคอยมายี่สิบปีค่อย ๆ ทำทุกอย่างที่ละก้าว เพื่อจะพานางเข้ามาอยู่ในจวน ส่งเสริมขึ้นให้ขึ้นเป็นถึงฮูหยินใหญ่ของจวน
ทว่าในงานเลี้ยงที่ประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ผลสำเร็จนี้ นางกลับทำให้เขาต้องอับอายขายขี้หน้าต่อท่าน อ๋องสองพระองค์ และแขกเหรื่อในงานทั้งหมด
หลิงม่านรูผู้เป็นพี่สาวของนาง แม้จะชอบร่ายรำกระบี่แต่ก็มีนิสัยเปิดเผย ตรงไปตรงมาจัดการดูแลจวนได้อย่างดีไป๋ฮูหยินอ่อนแรง
นางแทบจะไม่สามารถกำผ้าเช็ดหน้าไว้ในมือเอาไว้ได้ สายตาเปี่ยมเงื่อนงำของทุกคนล้วนพุ่งเล็งมาที่นาง หากยังไม่จัดการบ่าวรับใช้เหล่านี้ นางคงมิอาจตอบคำนายท่านได้
“ท่านแม่เจ้าคะ บ่าวเหล่านี้ข่มแหงเจ้านาย ความผิดมหันต์มิอาจอภัย ควรต้องโทษประหารหารทั้งหมดเจ้าค่ะ”
ไป๋หลีเซวียนบอกกล่าวเสียงราบเรียบ ราวเสียงดีดสายพิณเบาๆ หนึ่งทีทว่ากลับดังก้องไปทั่วบริเวณ
ไป๋ฮูหยินสีหน้าบิดเบี้ยว ถึงจะไม่เต็มใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อีก สะบัดมือขึ้นอย่างเดือดดาล ก็มีคนเดินเข้ามาลากตัวบ่าวสองคนนั้นกับป้าหงออกไปรับโทษถึงชีวิต
เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่ไป๋หลีเซวียนต้องการแล้ว ไป๋ฮูหยินก็ขบเขี้ยวเอ่ยขึ้น
“เรียบร้อยเสียที เจ้าก็เหนื่อยแล้ว กลับห้องไปพักเถิด”
ไป๋ฮูหยินหันมายิ้มบอกให้ไป๋หลีเซวียนไปพักผ่อน ทว่าความเกลียดชังเดือดดาลในสีหน้านั้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็มิอาจเก็บซ่อนได้มิด