ตอนที่ 11 ลงมือ
ไป๋หลีเซวียนหันหลังเดินจากไป แต่กลับมีเสียงดังมาจากประตูด้านหน้าว่า ท่านยายเฒ่าอาวุโสเฉินมาถึงแล้ว ไม่ทันไรก็ได้ยินน้ำเสียงตื่นเต้นของหญิงสูงวัยดังขึ้นมา
"หลีเซวียนอยู่ที่ใด?”
พอท่านยายเฒ่าอาวุโสเฉินได้เห็นปิ่นที่ดูเหมือนของนางทุกประการแล้วก็คิดได้ว่า หากมีปิ่นนี้มาแทนแล้ว นางก็ยังกุมอำนาจในตระกูลเฉินต่อไปได้ เหลือเพียงสิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือปิดปากไป๋หลีเซวียนไม่ให้นางแพร่งพรายเรื่องปิ่นอันใหม่นี้ ดังนั้นนางจึงรีบนั่งรถม้ามาตามตัวไป๋หลีเซวียน
ไป๋ฮูหยินรีบนำบุตรทุกคนออกไปต้อนรับท่านยายเฒ่าอาวุโสเฉิน ที่ผ่านมาท่านยายเฒ่าอาวุโสเฉินชมชอบนางเป็นที่สุด
ทว่าวันนี้ ท่านยายเฒ่าอาวุโสเฉินกลับจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คอยมองซ้ายมองขวา คล้ายกำลังมองหาอะไรอยู่
“ข้าผู้ชราต้องการพบไป๋หลีเซวียน”
ไป๋ลู่อิง ไป๋จิงสือ ไป๋หลิวยินล้วนมีสีหน้ากระอักกระอ่วน กลับมีเพียงไป๋เสวี่ยเจี้ยนเท่านั้นที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย
ไป๋หลีเซวียนเดินเข้ามาทำความเคารพอย่างเงียบงัน ท่านยายเฒ่าอาวุโสเฉินกวาดตามองไป๋ลู่อิงที่งดงามหรูหรา ขณะที่ไป๋หลีเซวียนนั้นเรียบง่ายงามตา นางก็เข้าใจได้ในทันที
หากไป๋หลีเซวียนมิได้เป็นคนทำปิ่นเล่มนี้ขึ้นมาให้กับนาง นางก็คงไม่มาใส่ใจเรื่องพวกนี้
"เด็กน้อยเอย ข้าต้องขอบใจเจ้ามากแล้ว”
ปิ่นเล่มนี้ไม่เพียงเป็นตัวแทนของอำนาจ แต่ยังเป็นที่ระลึกเพียงหนึ่งเดียวของนางด้วย นางลำบากฟาดฟันมาชั่วชีวิต โหดร้ายมาชั่วชีวิต สังหารผู้คนมานับไม่ถ้วน นางก็ยังคิดถึงตาเฒ่าอาวุโสเฉินอยู่ดี
“นี่คือของขวัญที่ข้าผู้ชราให้เจ้าแทนคำขอบคุณ!”
ยายเฒ่าอาวุโสเฉินกล่าวจบแล้ว ยังถอดกำไลบนข้อมือที่สวมใส่ไว้นานนับสิบกว่าปีออกมา วางลงบนถาดเงินไป๋หลีเซวียนยอบกายลงกล่าวขอบคุณ
ไป๋ฮูหยินเกรงว่ายายเฒ่าอาวุโสเฉินสนทนากับไป๋หลีเซวียนแล้ว เกิดรู้สึกผูกพันขึ้นมา จึงรีบเข้ามาเชิญนางเข้างานไป๋ลู่อิงกำลังจะช่วยประคองยายเฒ่าอาวุโสเฉิน แต่ผลกลับเป็นนางให้ไป๋หลีเซวียนเป็นคนพานางเข้างาน
ไป๋ลู่อิงยกมือค้างในอากาศ
รู้สึกกระอักกระอ่วนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี พลันนั้นสายตาของทุกคนที่มองไปยังไป๋หลีเซวียนก็เปลี่ยน ไปเล็กน้อย เดิมที่ในใจของทุกคนก็ดูแคลนเรื่องลุ่มหลงอนุ ข่มเหงภรรยาหลวงอยู่แล้ว ในยามนี้สายตาที่มองไปยังไป๋ฮูหยิน และไป๋ลู่อิงก็แฝงแววเหยียดแคลน
ไป๋ฮูหยิน และไป๋ลู่อิงสบตากันวูบหนึ่งทั้งคู่ต่างข่มกลั้นโทสะเอาไว้ในใจ แล้วฉีกยิ้มประดับบนใบหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าไป๋หลีเซวียนนั้นเป็นคนเด็ดขาด ในยามที่จัดการสั่งลงโทษบ่าวไพร่หยาบช้าสองคนถึงชีวิตนั้น มิได้มีท่าทีอ่อนข้อใจอ่อนเลยแม้แต่น้อย
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมิอาจดูแคลนไป๋หลีเซวียนมากเกินไปนัก พอไป๋หลีเซวียนสัมผัสได้ถึงสายตาเคียดแค้นของไป๋ฮูหยิน ไป๋ลู่อิง และไป๋จิงสือแล้ว นางก็เม้มริมฝีปากเข้าเล็กน้อย ปรนนิบัติยายเฒ่าอาวุโสเฉินอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ลุกขึ้นขอตัว ยายเฒ่าอาวุโสเฉินเห็นท่าทีระมัดระวังของนาง ก็รู้ได้ว่านางคงจะลำบากมาไม่น้อย จึงมิได้รั้งตัวไว้ เพียงปรายตามองไป๋ฮูหยินอย่างกดด้น
"แม้จะกล่าวกันว่า เจ้าจะเป็นเพียงบุตรีบุญธรรมของสกุลหลิง แต่หลิงม่านรูกลับดีต่อเจ้าเสมอมาเยี่ยงน้องสาวแท้ๆ วันนี้เจ้าแย่งที่ของนางมา นางย่อมรู้สึกแย่ เจ้าก็จงตั้งใจเลี้ยงดูบุตรทั้งสองของนางให้ดีเถิด"
...
แม้ไป๋หลีเซวียนจะออกมาไกลแล้ว ก็ยังได้ยินเสียงนี้ของยายเฒ่าอาวุโสเฉินอยู่ นางรู้สึกขบขันยิ่งนัก ยายเฒ่าอาวุโสเฉินผู้นี้ก็เป็นเช่นนี้เอง หากมีประโยชน์ต่อนาง นางก็จะใช้ประโยชน์นั้นให้เต็มที่ แต่หากไร้ประโยชน์ใช้การไม่ได้แล้ว นางก็กำจัดทิ้งอย่างไม่ลังเล
เมื่อครู่นี้ยามสนทนากัน ยายเฒ่าอาวุโสเฉินก็คอยส่งสัญญาณบอกนาง ห้ามแพร่พรายเรื่องปิ่นเล่มนี้ออกไป นางก็เข้าใจเหตุผลในการปรากฏตัวครั้งนี้ของยายเฒ่าอาวุโสเฉินแล้ว
ไป๋หลีเซวียนก้าวเข้ามาในสวนดอกไม้ สายลมอ่อนโชยปะทะใบหน้านางลากนิ้วเรียวไปบนหมู่ผกาอย่างแผ่วเบา ค่อย ๆ เดินมุ่งหน้าไปนางจำได้ว่า ในวันนี้เวลาเช่นนี้ในกอดอกไม้เบื้องหน้าไม่ไกล เป็นที่ค่อนข้างรกทึบร้างผู้คนนั้นมีเรื่องสนุกรออยู่
ไป๋หลีเซวียนค่อยๆแหวกกิ่งไม้ออกกวาดตามอง ภาพของเฉินชิงหยางที่กางเกงตกไปอยู่ที่ข้อเท้ากำลังกอดสาวใช้นางหนึ่งอยู่ที่หลังภูเขาจำลอง
สตรีนางนั้นก็คือสาวใช้คนสนิทของไป๋จิงสือนามว่า เจี่ยนถง ที่ในชาติก่อนนี้นางผู้นี้ก็มีบทบาทไม่น้อยในการทำร้ายนางไป๋หลีเซวียนซ่อนแววตาเย็นชาเอาไว้แล้วหันหลังเดินไปยังสะพานโค้งกลางบ่อน้ำเฝ้ารออย่างเงียบงัน
ในขณะนั้นเฉินชิงหยางรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาฟาดฝ่ามือตบหน้าเจี่ยนถงไปหนึ่งทีนางก็โศกเศร้าน้ำตาไหลรินกุมหน้าไว้แล้ววิ่งหนีไป เฉินชิงหยางเดินออกมาจากด้านหลังภูเขาจำลองพอเขาเงยหน้าขึ้นมา
ก็พบเข้ากับไป๋หลีเซวียนที่ยืนสงบนิ่งราวกับดอกบัวพิสุทธิ์ สายลมแผ่วๆพัดเรือนผมนางให้พลิ้วไหว มองดูงดงามราวภาพวาดในจินตนาการ
"ญาติผู้พี่เจ้าคะ..."
ไป๋หลีเซวียนเรียกเขาเสียงอ่อนหวานเฉินชิงหยางพลันรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมา เมื่อครู่สาวใช้โง่งมผู้นั้นมัวแต่กลัวนั่นกลัวนี่จนทำให้เขาเสียอารมณ์ไปหมด ไยมิสู้...
เขาสาวเท้าไม่กี่ก้าวก็ขึ้นมายืนอยู่บนสะพานโค้งแล้วพุ่งเข้ามาคิดรวบไป๋หลีเซวียนเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ไป๋หลีเซวียนยิ้มดวงตาโค้งรับคิ้วคันศรยื่นมือขึ้นมาขวางเอาไว้ กล่าวเสียงหวาน
"ญาติผู้พี่รีบร้อนไปไยเจ้าคะ? ปิดตาเสียก่อนดีหรือไม่?" เฉินชิงหยางถูกท่าทางขี้เล่นของไป๋หลีเซวียนทำเอาเขาขนลุกซู่ ใจเต้นแรงถึงขีดสุดปิดตาลงอย่างเอาใจ ไป๋หลีฮวาดันเขาชิดขอบสะพานแล้วพลันนางออกแรงผลักเขาออกไปอย่างสุดกำลัง
ได้ยินเพียงเสียงร้องโหยหวนของเฉืนชิงหยางดังขึ้นมาส่วนร่างของเขาก็ตกลงไปในบ่อน้ำลึกจมหายไปในพริบตา เฉินชิงหยางเป็นคุณชายู้สูงส่งถูกเลี้ยงมาดั่งไข่ในหินย่อมว่าน้ำไม่เป็น
ไป๋หลีเซวียนยืนมองดูฟองอากาศทีุ่ดขึ้นมาบนผิวน้ำอยู่ไม่นานจากนั้นนางก็ยิ้มเย็นคลายมือที่กำแน่นเอาไว้ออก จากนั้นนางก็เดินออกจากสะพานโค้งไป
ไกลออกไปมีสายตาเย็นยะเยือกคู่หนึ่งจ้องมองดูเหตุการณืทั้งหมด ใบหน้าที่หล่อเหลาราวเทพเซียนของเขาเรียบเฉย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
"ท่านอ๋องจะให้กระหม่อมจัดการอะไรหรือไม่พะย่ะค่ะ?" เทียนตงองครักษ์ข้างกายของหยิ่งอ๋องเอ่ยถามผู้เป็นนาย ใบหน้าเรียบเฉยของหยิ่งอ๋องยังคงมองไปยังจุดที่เฉินชิงหยางตกลงไป ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงเอ่ย
"ไม่ต้อง สักครู่ก็คงมีคนมาพบเอง"
จากนั้นเขาก็หมุนล้อรถเข็ญออกจากใต้ต้นไม้ไป
......