ตอนที่ 7 ความเสแสร้ง
“ท่านพี่?”
เสียงเปี่ยมเสน่ห์แฝงแววแปลกใจของไป๋ลู่อิงดังขึ้นเมื่อเดินเข้ามาเห็นเพียงไป๋หลี่เซวียนนั่งอยู่เพียงผู้เดียว
มิใช่อยู่กับเฉินชิงหยางหรอกหรือ? เช่นนั้นเฉินชิงหยางเล่า อีกทั้งนางกลับยังแต่งกายเรียบร้อย ดูไม่เหมือนพึ่งถูกรังแกมาแม้แต่น้อย นี่มัน...
ไป๋ฮูหยินหันหน้ามองมาที่บุตรีของนางไป๋ลู่อิงรีบเดินขึ้นหน้าไป คว้ามีอไป๋หลี่เซวียนมากุมไว้ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความห่วงใยและรู้สึกผิด
“ท่านพี่ ต้องขอโทษท่านแล้ว ท่านพ่อดึงดันจะทำเช่นนี้ พวกข้ามิอาจห้ามปรามได้เลย แต่ข้าและท่านแม่ปรึกษากันแล้วเจ้าค่ะ ว่าจะต้องปฏิบัติต่อท่าน และท่านพี่ใหญ่เช่นบุตรของตนเอง ข้าจะถือท่านมาก่อนเสมอ
ไม่มีทางเกินหน้าเกินตาท่านอย่างแน่นอนรอมีโอกาส ข้าจะพาท่านไปขอขมากับท่านพ่อ ค่อยปรับคืนความเป็นอยู่ให้ท่านเหมือนเช่นแต่ก่อน ท่านว่าดีหรือไม่เจ้าคะ?”
"ช่างดีเหลือเกิน มีน้องสาวที่ดีงามเช่นเจ้า เป็นบุญของข้าแล้ว”
ไป๋หลี่เซวียนชักมือตนเองกลับอย่างแนบเนียน ด้วยเกรงว่านางจะมิอาจอดกลั้น พุ่งไปเข้าบีบคอหญิงชั่วให้ตายตกคามือ
หากมิใช่นางลืมตา เกิดใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็มิอาจทำใจเชื่อได้ว่าไป๋ลู่อิง และจิ้งอ๋องจะเหี้ยมโหดได้ถึงขนาดนี้
ในใจไป๋ลู่อิงรู้สึกร้อนรนยิ่งนัก หันไปส่งสายตาให้สาวใช้อวี้จู่ที่อยู่ข้างกาย อวี้จู่หมุนกายเดินออกไป ลอบเสาะหาอย่างเงียบงัน
น่าแปลกทั้ง ๆ ที่คุยกันไว้ดิบดีแล้วแท้ ๆว่าให้ญาติผู้พี่มาแสดงละครดีๆ ให้ดูสักฉาก แล้วเขาหายศีรษะไปไหนได้อย่างไร?
ยามนี้ ทุกคนก็อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว ท่านพ่อยอมกลับจวนตรงเวลา หากให้ปล่อยผ่านไปเช่นนี้ ไยมิใช่เสียโอกาสทำให้จิ้งอ๋องรังเกียจไป๋หลี่เซวียนไปเล่า?
“ท่านพี่ ข้าเชิญทุกคนมา เพื่อรับประกันว่า จากนี้ไปย่อมต้องดีต่อพวกท่านให้มาก ๆ ขอให้ทุกคนเป็นพยานได้”
พอเห็นสายตาชื่นชมจากทุกคน รอยยิ้มของไป๋ลู่อิงก็ยิ่งหวานยิ่งขึ้น
นางเดินขึ้นมาช่วยไป๋หลีเซวียนจัดเสื้อ แล้วมิทันระวัง มือปัดไปสัมผัสถูกจุดที่ซูหลีซ่อนปิ่นไว้ ไป๋ลู่อิงชะงักงัน ที่แท้ญาติผู้พี่ผ่านมาแล้ว?
นางพยายามสกัดกั้นความตื่นเต้นยินดี แล้วเกี่ยวนิ้วก้อยเบาๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจปิ่นเล่มนั้นก็ร่วงหล่นลงกับพื้นเสียงดัง
“เฮ นี่คือกระไรหรือเจ้าคะ?”
นางก้มตัวลงหยิบปิ่นนั้นขึ้นมา ทำเป็นถือเพ่งพินิจในมือกลับเป็นไป๋ฮูหยินที่พอเห็นปิ่นเล่มนั้นแล้ว ก็รีบก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว คว้าปิ่นเข้ามาเพ่งมองใกล้ ๆ แล้วตวาดอย่างดุร้าย
“นี่มันมิใช่ปิ่นแสนรักแสนหวงของท่านยายเฒ่าอาวุโสเฉินหรอกหรือ?”
ไป๋ฮูหยินวางปิ่นลงต่อหน้าทุกคน กลัวพวกนางจะมองไม่เห็น แล้วถลึงตาจ้องไป๋หลี่เซวียนอย่างเดือดดาล
“เสียดายที่อิงเอ๋อมองเจ้าเป็นพี่สาวแท้ ๆ คิดแต่จะทำดีต่อพวกเจ้าพี่น้อง เจ้า...เจ้าหน้าด้านเช่นนี้ได้อย่างไร ถึงกับกล้าขโมยปิ่นของท่านยายเฒ่าอาวุโสเฉิน?”
“คุณชายเฉิน...คุณชายเฉินเจ้าคะ ท่านมานอนในกอหญ้าได้อย่างไร?"
เสียงของอวี้จู่ดังขึ้นในเวลาที่เหมาะเจาะ ไป๋หลีเซวียนค่อยๆ กำมือแน่น นางจงใจให้รองเท้าของเฉินชิงหยางโผล่ออกมา เพื่อที่คนของไป๋ลู่อิงจะได้หาเจอได้เร็วที่สุด
ไม่อย่างนั้น ละครขาดตัวแสดงสำคัญไป คงไม่อาจเล่นต่อไปได้
ทุกคนรีบรุดเข้าไป เห็นเฉินชิงหยางหมดสติ ต่างก็ตื่นตกใจกันไปหมด นี่มันหลานสุดที่รักของ ท่านยายเฒ่าอาวุโสเฉินเชียวนะ
ทุกคนต่างพากันหวีดร้องวุ่นวาย...ในที่สุดเฉินชิงหยางก็กุมท้ายทอยที่ปวดร้าว แล้วลืมตาขึ้นตา
อ้า ๆ โอ๊ย...ปวด ๆ ปวดเหลือเกิน."ไอ้โง่เง่าหน้าไหนกันที่มาตีหัวข้า ข้าจะฆ่ามัน”
“รีบช่วยนวดให้ข้าเร็วเข้าสิ”
อวี้จู่หน้าแดง คุกเข่าลงข้างกายเฉินชิงหยาง แล้วนวดคลึงท้ายทอยให้เขาอย่างแผ่วเบาไป๋ลู่อิงขมวดคิ้ว ไอ้คนไม่ได้เรื่อง ดันลืมธุระสำคัญไปเสียได้ แล้วรีบก้าวเข้ามาประคองเฉินชิงหยาง
นางเอื้อมมือหยิกแขนเขาทีหนึ่ง เฉินชิงหยางเงยหน้าขึ้นมองตาไป๋อิงเอ๋อแล้ว พลันนึกขึ้นได้ ทว่าเหตุใดถึงเป็นเขาที่โดนตีจนสลบไปได้เล่า!
โทสะพลันผุดขึ้นในใจ เฉินชิงหยางดีดยันตัวขึ้นมาชี้หน้าด่าไป๋
“ไป๋หลีเซวียน เป็นเจ้าที่ทุบศีรษะข้าใช่หรือไม่” กล่าวจบล้วงคลำในอกเสื้อ แล้วใบหน้าหล่อเหลาก็พลันขาวซีด “เจ้าขโมยปิ่นของข้าไปใช่หรือไม่?”
รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของไป๋จิ่งสือ นางยกมือขึ้นคว้าปิ่นในมีอไป๋ฮูหยิน ยื่นมาตรงหน้าเฉินชิงหยาง
ญาติผู้พี่เจ้าคะใช่เล่มนี้หรือไม่?
พอเฉินชิงหยางเห็นเข้า ในใจพลันเบิกบาน กำปิ่นขึ้นมา แล้วถลึงตาจ้องอย่างดุร้าย
ในใจกลับมิใคร่เข้าใจนัก เขามิได้กินเต้าหู (รังแก ล่วงเกิน) นาง แต่กลับถูกทุบตี นางผู้หญิงคนนี้ เขาจะต้องหาโอกาสถลกเสื้อนางออกให้จงได้ จะทำจนนางต้องร้องขอชีวิตเลยทีเดียว
ไป๋ฮูหยินรีบสบตาเข้ากับไป๋ลู่อิงวูบหนึ่ง ในแววตาเต็มไปด้วยความยินดี อวี๋จู่หันไปผงกศีรษะให้ไป๋ลู่อิงที่หนึ่ง สื่อความหมายว่า เสนาบดีไป๋กลับมาแล้ว กำลังเดินมาทางนี้
“ญาติผู้พี่ ท่านใช่เข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่ ท่านพี่จะขโมยของได้อย่างไร ข้ามิอาจยอมให้ท่านกล่าวร้ายนางเช่นนี้”
“น้องลู่อิง ข้ามิได้พูดจาซี้ซั๊ว ปิ่นของท่านยายข้ามีสายทองเส้นหนึ่งที่ชำรุด ข้าลอบเอาออกมา คิดจะนำไปซ่อม เพื่อให้ท่านยายดีใจ ใครจะไปรู้ว่า ข้าจะมาถูกนางต่ำช้าไป๋หลีเซวียนทุบตีจนหมดสติ
แล้วขโมยปิ่นของข้าไป ปิ่นนี้มีค่าเป็นหมื่นตำลึงทองเชียว!”
ขณะที่กำลังพูด ที่ซุ้มดอกไม้ข้างประตูเรือน เสนาบดีไป๋กำลังค่อย ๆ เดินมากับเงาร่างสูงส่งสง่างาม ทุกผู้คนล้วนยอบกายทำความเคารพ