บทที่ 5 ต้องมีกำลังสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
เรือนไผ่ เรือนของพระชายารองเสิ่น เสิ่นโหรว
ตามชื่อเรือนเลย เสิ่นโหรวชอบแต่ต้นไผ่
หลังจากแต่งงานเข้ามาในจวนอ๋องไม่กี่เดือน พี่กุ้ยเฟยก็ปลูกต้นไผ่ทั่วเรือนของเสิ่นโหรว ว่ากันว่าในฤดูร้อนเย็นสบายมาก
ต่างจากเรือนดอกเหมยของมู่จิ่งซี ในเรือนดอกเหมยมีพืชคล้ายเถาวัลย์เพียงไม่กี่ต้น และไม่มีดอกเหมย
“ทำไมตั้งแต่กลับมาจากที่พระชายา พระชายารองก็เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา? หรือว่าเป็นเพราะกังวลเรื่องที่ท่านอ๋องเข้าไปในวังอีกแล้วเพคะ?” ซิ่วยู่สาวใช้ของเรือนไผ่ถามด้วยความเป็นห่วง
มือไม่ว่าง รินน้ำร้อนที่เพิ่งต้มเมื่อครู่ลงในถ้วยชาแล้วยื่นให้เสิ่นโหรว
เสิ่นโหรวได้สติและตอบว่า “ท่านอ๋องเข้าไปในวังแน่นอนว่ามีเรื่องต้องทำ ข้าไม่จำเป็นต้องกังวล เพียงแต่การกระทำของพระชายาในวันนี้ทำให้ข้าเกิดความสงสัย”
“พระชายาทำไมหรือเพคะ?” ซิ่วยู่รีบถาม
เมื่อพูดถึงพระชายา นั่นไม่ใช่ความสงบเลยจริงๆ ก่อเรื่องวุ่นวายแทบทุกวัน
เสิ่นโหรวขมวดคิ้ว กลอกตา พึมพำ และในที่สุดก็โบกมือสองครั้ง “ไม่เป็นไร ต่อไปให้คนรับใช้จับตาดูพระชายาให้มากขึ้น หากมีสิ่งใดก็ให้มารายงานข้า”
“เพคะ” ซิ่วยู่ตอบในทันที
“ตอนเย็นสั่งให้ห้องครัวทำอาหารที่ท่านอ๋องทรงโปรดเพิ่มหลายๆ อย่าง” เสิ่นโหรวสั่งด้วยเสียงนุ่มนวล
เมื่อนึกถึงฉู่เทียนฉือสามีของนาง จิตใจของนางก็อดไม่ได้ที่จะอ่อนโยน และรอยยิ้มบนใบหน้าก็สั่นไหว
เขาบอกว่าเย็นนี้จะมาที่เรือนไผ่
เมื่อซิ่วยู่ได้ยินก็ตอบรับทันที
นางรู้อยู่แล้วว่าเย็นนี้ท่านอ๋องจะมา ทุกครั้งที่ท่านอ๋องมา พระชายารองก็จะยิ้มเช่นนี้
นางยิ้มมุมปากทันที แล้วออกไปสั่งการ
......
ครึ่งเดือนต่อมา
เรือนดอกเหมย
หลังจากพักฟื้นมาระยะหนึ่ง อาการบาดเจ็บที่หัวของมู่จิ่งซีก็หายดีแล้ว
หลายวันมานี้หงหลิงทำหน้าที่ปรนนิบัติรับใช้นางอย่างเต็มที่มาโดยตลอด และเรื่องส่วนใหญ่ในเรือนดอกเหมย นางก็เป็นคนจัดการทั้งหมด
สิ่งที่ทำให้มู่จิ่งซีพอใจอย่างมากคือหงหลิงมีความสุขุมที่ไม่สมกับวัยของนาง ทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างราบรื่น และไม่เคยทำผิดพลาด ทำให้นางคลายความกังวลได้มาก
หลังจากหายจากอาการบาดเจ็บ นางก็ลุกจากเตียงแล้วขยับเขยื้อน โดยไม่รู้สึกเวียนหัว จึงมาสูดอากาศที่ศาลาในเรือนดอกเหมย
มองดูทิวทัศน์แล้วสูดอากาศสดชื่น
มู่จิ่งซียกมุมปากขึ้น เมื่อเทียบกับมลพิษทางอากาศในศตวรรษที่ 21 อากาศที่นี่ไม่มีมลพิษเลยแม้แต่น้อย หายใจแล้วรู้สึกสบาย
ในเวลานี้มู่จิ่งซีเผชิญหน้ากับตัวตนใหม่ของนางอย่างเป็นทางการ
ในดวงตาสดชื่นแจ่มใส
นางไม่ใช่คนที่ถูกรังแกมาตลอด และยิ่งไม่ใช่คนที่ทะนุถนอมอ่อนโยน!
หากอยู่ในจวนอ๋องแห่งนี้ มีคนที่ไม่อยากให้นางมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข และรบกวนความสงบสุขของนาง นางจะไม่ใจดีมีเมตตา และทะนุถนอมอ่อนโยนอย่างแน่นอน!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉากที่อนุภรรยาทั้งสี่ไม่เห็นมู่จิ่งซีอยู่ในสายตาก็ผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มอันเยือกเย็นบนริมฝีปาก
ต่อไปอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขจะดีกว่า มิเช่นนั้นเอะอะอะไรก็มาหาเรื่องนาง อย่าคิดว่านางจะปล่อยไปง่ายๆ!
แต่......ตอนนี้ ตำแหน่งในยามนี้ของนางช่างน่าอายเกินไป ไม่ได้รับความโปรดปราน ไม่มีอำนาจ แต่ยังคงเป็นพระชายาเอก!
แม้ว่าคนรับใช้ในจวนจะหน้าไหว้หลังหลอก และต่างพากันยืนอยู่ข้างพระชายารองเสิ่น แต่ดีว่ากฎเกณฑ์สมัยโบราณนั้นเข้มงวด สำหรับนางแล้วนับว่าเป็นประโยชน์
นางก้มลงจิบชา และคิ้วที่ขมวดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก
เมื่อหงหลิงที่ยืนรับใช้อยู่ข้างหลังนางเห็นว่านางดื่มชาอย่างเงียบๆ จึงเงียบไม่พูดไม่จามาโดยตลอด
อันที่จริงหงหลิงชอบ ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมานางได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของพระชายา และแอบดีใจที่หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้น พระชายาก็คิดได้
“ตอนนี้ร้านค้าหลายแห่งของข้าที่อยู่ในเมืองหลวงเป็นอย่างไรบ้าง?” มู่จิ่งซีถามเสียงใส
จากความทรงจำ ตอนที่มู่จิ่งซีแต่งงานกับฉู่เทียนฉือ นางมีร้านค้าสิบแห่ง แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา มู่จิ่งซีมัวแต่ชิงรักหักสวาทมาโดยตลอด และไม่เคยบริหารจัดการร้านค้าเหล่านี้เลย
หากอยากปีกกล้าขาแข็งก็สามารถบินได้ทุกเมื่อ ไม่มีกำลังสนับสนุนอยู่เบื้องหลังแล้วจะไหวรึ!
หงหลิงประหลาดใจเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่พระชายาพูดถึงเรื่องร้านค้า
“ร้านค้าทั้งสิบแห่งล้วนเป็นสินเดิมของพระชายาเพคะ แม้ว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมาจะบริหารจัดการได้ไม่ดีนัก แต่กำไรรวมกันก็ประมาณหนึ่งพันตำลึงต่อปี” หงหลิงบอกตามความเป็นจริง
รายรับไม่มาก แต่ก็ยังดีกว่าขาดทุน
“เอาสมุดบัญชีในช่วงสองปีที่ผ่านมาของร้านค้าเหล่านี้มาให้ข้าดูหน่อย หลังจากนั้นให้เถ้าแก่ที่ดูแลร้านค้าเหล่านี้มาพบข้าด้วย” มู่จิ่งซีออกคำสั่งหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ไม่สนใจถามไถ่มาเป็นเวลาสองปี คงไม่ง่ายที่จะจัดการร้านค้าหลายแห่งอย่างแน่นอน ตอนนี้นางทำได้เพียงดูสมุดบัญชีก่อนแล้วค่อยวางแผน
แม้ว่าหงหลิงจะประหลาดใจเล็กน้อยที่จู่ๆ มู่จิ่งซีก็เข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องร้านค้า แต่ก็ไม่ได้อะไรคิดมากนัก เรื่องของเจ้านายถามให้น้อยจะดีกว่า
“เพคะ”
เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม หงหลิงก็เอาสมุดบัญชีมา
หลังจากที่มู่จิ่งซีเปิด นางก็ดื่มชาไปพลางตรวจสอบไปพลาง
นางดูรายรับรายจ่ายทุกอย่างอย่างละเอียดรอบคอบ และทำการประเมินในใจ
ยิ่งดูคิ้วของนางก็ยิ่งขมวดแน่นมากยิ่งขึ้น
มีรายการในบัญชีหลายเล่มยุ่งเหยิง ไม่จำเป็นต้องดูมากนัก เปิดดูแค่ไม่กี่หน้าก็ทำให้มู่จิ่งซีดูออกว่าในนั้นมีการปิดบังซ่อนเร้น
มิน่าเล่าถึงไม่สนใจถามไถ่มาเป็นเวลาสองปี ทำไมคนไม่กี่คนที่ดูแลบ้านชั่วคราวถึงไม่มีความคิดอื่นเลยสักนิด?
ร้านค้าสิบแห่ง แต่ละแห่งมีเงินเฉลี่ยหนึ่งร้อยตำลึงต่อปี นี่ดูเหมือนว่าจะไม่สมเหตุสมผลเกินไป!
จากรายการในบัญชีจะเห็นว่าในสิบคนนี้ มีสี่ห้าคนที่ฉ้อโกง
จากการบันทึกในสมุดบัญชี นางลองคำนวณแล้ว อย่างน้อยแต่ละร้านค้าต้องได้หนึ่งพันตำลึงต่อปี!
ในนั้นมีหอสุราสามแห่ง โรงเตี๊ยมสองแห่ง ร้านผ้าไหมหนึ่งแห่ง ร้านเครื่องหยกสองแห่ง และยังมีร้านเสื้อผ้าสองแห่ง
แม้ว่าการบริหารจัดการจะไม่ดี แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหร็อมแหร็มเช่นนี้!
แต่ก่อนในหัวของมู่จิ่งซีใส่อะไรไว้กันแน่? แป้งเปียก? จิ๊กโฉ่วที่หมักไว้นาน? และไม่มีอะไรอีกแล้ว?
หากสักวันฉู่เทียนฉือขอหย่ากับนาง เกรงว่านางคงต้องกลับไปให้คนที่บ้านเดิมหัวเราะเยาะ!
เนื่องจากสมุดบัญชียุ่งเหยิงจึงโมโหเล็กน้อย หงหลิงที่อยู่ข้างๆ พูดเบาๆ “พระชายาต้องการใช้เงินหรือเพคะ? หากต้องการ บ่าวสามารถไปเบิกที่ห้องบัญชีได้”
“ไม่ต้อง” มู่จิ่งซีส่ายหัวแล้วเอ่ยปากตอบเบาๆ
หลังจากนั้นก็ยื่นสมุดบัญชีของร้านค้าทั้งห้าที่ฉ้อโกงให้หงหลิง และสั่งว่า “พรุ่งนี้เรียกเถ้าแก่ร้านค้าเหล่านี้มาด้วย”
หงหลิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ และตอบกลับทันที “เพคะ”
หลังจากฟื้นขึ้นมา พระชายาก็แตกต่างไปจากเดิม
มีความคิดเห็นในทุกเรื่อง เพียงแค่สายตาท่าทางก็ทำให้คนเคารพโดยไม่รู้ตัว
ในใจมั่นใจมากยิ่งขึ้น หลังจากเรื่องเมื่อครึ่งเดือนก่อนพระชายาก็เปลี่ยนไป
เงยหน้าขึ้นมองทิวทัศน์โดยรอบอีกครั้ง มุมปากโค้งงอเล็กน้อย และพูดกับหงหลิงว่า “เราไปเดินเล่นที่อื่นกัน”
ในช่วงที่ผ่านมานางอยู่แค่ในเรือนดอกเหมย แม้ว่าทิวทัศน์จะสวยงาม แต่ก็ยังมีความเหนื่อยล้าด้านสุนทรียภาพ
“เพคะ”
หลังจากที่ทั้งสองคนเดินออกมาจากเรือนเหมย หงหลิงก็นำทางไปยังสวนดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในอ๋อง
ระหว่างทางมู่จิ่งซีแอบสังเกตหงหลิงอย่างละเอียด
นางเป็นสาวใช้ของมู่จิ่งซีที่ติดตามมาด้วยตอนแต่งงาน และอยู่ข้างกายมู่จิ่งซีมาเป็นสิบปี
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา มู่จิ่งซีสับสนและทำเรื่องที่เลอะเลือนไว้มากมาย หากไม่ใช่เพราะหงหลิงสาวใช้ผู้นี้คอยเก็บกวาดอยู่ข้างหลัง บางทีตอนนี้มู่จิ่งซีอาจจะถูกขอหย่าและออกจากจวนไปแล้ว
ดังนั้นสำหรับหงหลิง......