สำรอง ที่ 5 นางรักข้า
สำรอง ที่ 5
นางรักข้า
ข้าจะดูแลท่านพี่
กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของหญิงสาวทำให้คนตัวโตไม่อยากจะลุกออกไปจากอ้อมกอดของนางเลยแม้แต่น้อย วงแขนนุ่มนิ่มที่โอบประคองเอาไว้อย่างอ่อนโยนทำให้เขาเกือบจะเผลอยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาเสียหลายครา
“น้องหญิง เป็นเจ้าจริงๆ ใช่หรือไม่ หรือว่าข้าเพียงแค่ฝันไป น้องหญิงจะมาหาข้าผู้กลายเป็นชายพิการจริงๆ นะหรือ...”
ซุนจ้าวเฟิงยื่นมือราวกับจะไขว่คว้าด้วยมองไม่เห็นสิ่งใด ฟางเหมยเห็นดังนั้นจึงค่อยๆ รวบมือเขามากุมเอาไว้อย่างแสนรัก
“น้องเองเจ้าค่ะท่านพี่”
ยิ่งได้มองใกล้ๆ หัวใจของนางยิ่งปวดแปลบ ใบหน้างดงามของเขามีรอยแผลเป็นบากยาวไปทั้งใบหน้าซีกขวา แล้วไหนจะดวงตาที่ไม่อาจมองเห็น อีกทั้งยังบาดเจ็บที่ขาซ้ายอย่างหนักจนไม่สามารถเดินเหินได้ดังเดิม
เขาคงทุกข์ใจมากสินะ
โถว... ทูนหัวของฟางเหมย ข้าไม่อยากเห็นท่านต้องเจ็บปวดทั้งกายและใจเช่นนี้เลย หากข้าเจ็บแทนท่านได้ข้าคงทำไปเสียนานแล้ว
ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสารคนในอ้อมกอดจับขั้วหัวใจ ราวกับมีก้อนแข็งๆ แล่นมาติดอยู่ที่ลำคอ ขอบตาร้อนผ่าว ก่อนที่จะรู้สึกถึงแรงสะอื้นที่แล่นมาจุกอยู่ที่กลางอก
‘อดทนไว้สิ เจ้าจะร้องไห้ไม่ได้เด็ดขาดนะ จะแสดงด้านอ่อนแอให้คนป่วยเห็นไม่ได้ เจ้าต้องแข็งแรงสดใสเพื่อเป็นพลังบวกให้แก่ท่านอ๋อง’
หญิงสาวพยายามสั่งตัวเอง เม้มปากกลั้นสะอื้น ทว่าน้ำตากลับร่วงเผาะๆ เป็นสายอย่างไม่อาจสะกดกลั้นเอาไว้ได้อีกต่อไป
“น้องหญิงเจ้าร้องไห้หรือ”
มือหนาแปะป่ายไปตามนวลแก้ม สัมผัสถูกผ้าผืนบางที่ปิดบังใบหน้าเอาไว้กว่าครึ่งหนึ่ง แสร้งขมวดคิ้วทำเป็นงุนงงไม่เข้าใจว่าเหตุใดหญิงสาวจึงใช้ผ้าปิดบังใบหน้าแต่กลับไม่ได้เอ่ยถามออกไป ก่อนจะค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยหยดน้ำตาให้อย่างเบามือ
จงฟางเหมยไม่ทันเล่ห์เหลี่ยม จึงรีบปลดผ้าปิดใบหน้าออก เพราะถึงอย่างไรภายในเรือนป่าไผ่นี้ก็มีเพียงเขาและนางอยู่กันตามลำพังสองต่อสอง อีกทั้งเขายังตาบอดมองไม่เห็น จึงไม่ควรให้เขาต้องระแคะระคายใจว่าเหตุใดนางจึงต้องใช้ผ้าปิดบังใบหน้าตลอดเวลา
“ขะ...ข้าไม่ได้ร้องไห้เจ้าค่ะท่านพี่ เพียงแค่ฝุ่นเข้าตาเท่านั้นจึงเกิดการระคายเคืองก็เท่านั้นเอง”
หญิงสาวปฏิเสธเสียงสั่น พยายามกลั้นสะอื้นไม่ให้ร่ำไห้จนตัวโยน
“ค่อยๆ ลุกนะเจ้าคะ เดี๋ยวข้าจะช่วยประคองเท่าพี่ไปที่รถเข็น”
หญิงสาวค่อยๆ ประคองร่างสูงใหญ่จากพื้นอย่างทุลักทุเล โชคดีที่ขาอีกข้างของเขายังใช้การได้อยู่ไม่ได้แสร้งพิการ จึงถ่ายเทน้ำหนักไปที่ขาข้างนั้นเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่คนตัวเล็กจนเกินไปนัก
เมื่อนางประคองให้เขานั่งเรียบร้อยแล้ว นางก็ใช้หลังมือของตนเองปาดน้ำตาบนใบหน้าออกอย่างเร่งรีบ จากนั้นจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนมาเช็ดคราบดินคราบฝุ่นที่ติดตามเสื้อผ้าสีขาวริ้วน้ำเงินของเขาอย่างทะนุถนอม
ทุกอิริยาบถเต็มไปด้วยความอ่อนโยน นางปัดฝุ่นออกแล้วค่อยจัดเส้นผมดำขลับยุ่งเหยิงที่ยาวตกกลางหลังให้เขาอย่างเบามือ
นางรักข้า...
ไม่ผิดแน่! แววตาของมนุษย์เป็นสิ่งที่ปิดซ่อนความรู้สึกไม่ได้ ยิ่งนางเข้าใจว่าข้าตาบอดนางยิ่งไม่เก็บซ่อนสีหน้าและความรู้สึก
หัวใจของแม่ทัพจ้าวเฟิงฟูฟ่องจนแทบคับอก ยิ่งรู้ว่านางผู้เป็นเพียงสาวใช้มีใจตรงกับเขา ก็แทบจะเผลอฉีกยิ้มจนปากกว้างถึงใบหู ทว่าไม่อาจทำได้ดั่งใจจำต้องแสร้งทำเป็นคนป่วยไร้พิษภัยต่อไป
ผ้าปิดตาสีขาวนั้นเป็นผ้าที่ผ่านการถักทอมาอย่างพิเศษ ด้านนอกของผ้านั้นเมื่อมองมาจะทึบแสง ทว่าหากมองอีกด้านกลับโปรงแสงและมองเห็นทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง ซึ่งผ้าชนิดนี้กำลังเป็นที่นิยมในวังหลวง นิยมนำมาทำเป็นผ้าม่านหน้าต่างเพื่อปิดบังซ่อนเร้นจากสายตา อีกทั้งยังมีราคาแพงระยับเพราะขั้นตอนการถักที่ลำบาก ไทเฮาจึงโปรดปรานเป็นพิเศษและได้ส่งผ้ามาให้เขาหลายพับ
ไม่คิดเลยว่าเจ้าผ้าผืนนี้จะได้ใช้ประโยชน์อย่างไม่คาดคิด เพราะเวลานี้เขาเห็นใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาของสาวใช้ฟางเหมยอย่างแจ่มชัด ใบหน้าของนางซีดขาว ดวงตาของนางตื่นตระหนกตกใจระคนหม่นเศร้าอย่างน่าใจหาย
ยามเมื่อเขาล้มกลิ้งลงไปกับพื้น นางก็ถลาเข้ามาประคองโดยไม่สนใจว่าตนเองจะเปื้อนฝุ่นดินจนเสื้อผ้ามอมแมมแม้แต่น้อย
นางเป็นเช่นนี้เสมอมา เฉกเช่นครั้งแรกที่เขาและนางได้พบกัน จนเขาเข้าใจผิดว่านางคือคุณหนูแห่งสกุลหวง จึงได้อ้อนวอนให้องค์ไทเฮาทำเรื่องหมั้นหมายกับธิดาสกุลหวงเพราะกลัวว่าจะมีชายอื่นมาช่วงชิงนางไปเสียก่อน
แต่แล้วเรื่องกลับตาลปัตรเมื่อนางหาใช่คุณหนูหวงหลัวน่า แต่เป็นเพียงสาวใช้ที่รับสมอ้างเป็นตัวแทนเท่านั้น
เขาสู่ขอหมั้นหมายผิดคนงั้นเหรอ!
เจ็บใจนัก!
เขาต้องเร่งจัดการเรื่องนี้ให้ถูกต้อง และลงโทษคนทำผิดที่บังอาจหลอกลวงมาลงโทษให้จงได้
“เจ็บตรงไหนบ้างหรือไม่เจ้าคะท่านพี่”
จงฟางเหมยเอ่ยถามพลางสอดส่ายสายตาสำรวจไปตามเนื้อตัวของแม่ทัพหนุ่ม ยิ่งเห็นเขานิ่งเงียบไปนางก็ยิ่งเป็นห่วง กลัวว่าจังหวะที่ล้มเมื่อสักครู่เขาจะได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่กล้าบอกนางเพราะกลัวว่านางจะเป็นห่วง
“ไม่เลย...ข้าไม่เจ็บตรงไหนเลย หากจะเจ็บก็คงมีเพียงตรงนี้”
พูดพลางยื่นมือแปะป่ายออกไปแล้วคว้ามือเล็กขึ้นมาวางไว้บนอกแกร่งข้างซ้ายของตนอย่างเบามือ
สาวใช้จงหัวใจเต้นแรงเมื่อฝ่ามือเล็กๆ วางลงบนแผงอกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างชายชาตรีที่เชี่ยวชาญในการรบ
นางรับรู้ได้ว่าหัวใจของคนตัวโตก็กำลังเต้นแรงไม่น้อยไปกว่าหัวใจของนาง แต่เมื่อคิดว่าเขาไม่ได้รู้สึกกับตนแต่เป็นความรู้สึกที่มีต่อคุณหนูหวงหลัวน่า หัวใจเจ้ากรรมก็ปวดแปลบจนเผลอเม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง
“ทะ...ท่านพี่”
“ข้าคิดว่าน้องหญิงจะรังเกียจข้าเสียอีก”
คนตัวโตยังคงสวมบทบาทคนป่วยที่มีบาดแผลทางจิตใจ ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยรอยบากลากยาว ซึ่งเป็นรอยบากปลอมที่เขาให้หมอยาผู้เชี่ยวชาญช่วยทำขึ้นเพื่อให้เรียบเนียนไปกับผิวหน้าและมีเหมือนรอยแผลเป็นน่าเกลียดมากที่สุด
“ไม่เลยเจ้าค่ะท่านพี่ ข้าไม่เคยรังเกียจท่านเลย”
ฟางเหมยรีบปฏิเสธเสียงสั่น ใบหน้าของนางเหยเกราวกับจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา ยิ่งเห็นเขาตัดพ้อรูปลักษณ์ของตนเองกลัวว่านางจะรังเกียจ หัวใจของนางก็ยิ่งปวดแปลบด้วยรู้ดีว่าคู่หมั้นตัวจริงรังเกียจเดียจฉันท์ความพิการและรอยแผลบนใบหน้ามากเพียงใด
รังเกียจจนประกาศออกมาว่าจะถอนหมั้น หากใต้เท้าเจียงสงไม่ห้ามไว้เรื่องคงบานปลายไปกระทบกระเทือนจิตใจท่านอ๋องสิบเอ็ดมากแน่ๆ
แล้วถ้า...
หากคุณหนูหลัวน่ากลับมา แล้วเผลอแสดงน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด รำคาญ หรือรังเกียจออกมา ท่านอ๋องสิบเอ็ดคงจะหนีไม่พ้นความเจ็บปวดอยู่ดี
โถ...ท่านอ๋องของข้า... เหตุใดคนดีๆ เช่นนั้นจึงถูกตาต้องใจคุณหนูหวงผู้นั้น หากท่านรักคุณหนูสกุลอื่นที่มีจิตใจงดงาม นางคงจะตัดใจได้ง่ายกว่านี้ คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยความเป็นห่วงจนใจแทบขาดรอนๆ
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...
ถือว่ายังโชคดีในโชคร้ายที่นางต้องมาเป็นตัวสำรองของคุณหนูหลัวน่า ทำให้นางมีโอกาสประคับประคองช่วงที่ท่านอ๋องอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจให้ผ่านพ้นไปเสียก่อน หลังจากนี้ค่อยคิดหาทางแก้ไขในภายหลัง
“ข้าดีใจเหลือเกิน ที่น้องหญิงเดินทางมาหาข้า”
“ทันทีที่ข้ารู้ข่าวว่าท่านพี่เดินทางออกจากกองทัพมาพักรักษาตัวที่จวน ข้าก็เร่งเดินทางมาทันทีเลยเจ้าค่ะ”
“ชื่นใจเหลือเกิน”
ไม่พูดเปล่าแต่กุมมือบอบบางที่วางไว้บนอกข้างซ้ายขึ้นมากุมแก้ม
“อ๊ะ!”
แล้วโดยที่ฟางเหมยยังไม่ทันตั้งตัวเขาก็ฝังริมฝีปากร้อนลงบนหลังมือของนางอย่างเชื่องช้า และนั่นทำให้คนตัวเล็กถึงกับอ้าปากค้าง ใบหน้าแดงก่ำระเรื่อไปจนถึงใบหู รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งสรรพางค์กาย
ตึก! ตึก! ตึก!
“ทะ...ท่านพี่”
หัวใจเจ้ากรรมร่วงหล่นลงไปในหลุมลึกที่เรียกว่าความรักจนไม่อาจถอนตัวถอนใจอีกต่อไปแล้ว นางมองริมฝีปากที่ประทับอยู่บนหลังมือด้วยความรู้สึกหลากหลายและตื้อตัน
หากท่านอ๋องรู้ว่า...มือที่กำลังบรรจงจูบอยู่นี้ไม่ใช่มือของคุณหนูหลัวน่า เขาคงโกรธ เกลียด ผู้หญิงเห็นแก่ตัวที่ฉกฉวยความอ่อนโยนยามที่เขาอ่อนแอจับขั้วหัวใจ