สำรอง ที่ 3 แผนลองใจ
สำรอง ที่ 2
เยือนจวนท่านอ๋อง
ห่วงใย
ฟางเหม่ยดึงมีดสั้นออกจากปลอกมีด แล้วใช้ปลายนิ้วแตะที่คมแหลม กวัดแกว่งไปมาอย่างชำนาญ พลางเหลือบตามองหมิงจูด้วยสายตาว่างเปล่า ไร้ความรู้สึกใดๆ แผ่ออกมาจนสาวใช้รับจ้างรู้สึกใจคอไม่ดี
“มีดเล่มนี้มีไว้เพื่อข่มขู่ข้าสินะ”
“เจ้าค่ะ”
หมิงจูเสียงแผ่ว ลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ไหนคุณหนูหลัวน่าบอกว่าให้นางคอยควบคุมความประพฤติของสาวใช้ฟางเหม่ยผู้นี้อย่างใกล้ชิด เป็นงานง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก อีกทั้งยังบอกอีกว่าฟางเหม่ยผู้นี้เป็นหญิงอ่อนแอ ขี้ขลาดจนถึงขั้นขลาดเขิน เป็นเหมือนหุ่นเชิดที่ไม่ว่าคุณหนูหวงสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำอย่างไรเล่า
ทว่าสิ่งที่นางเห็นกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย
ภายนอกดูเหมือนแมวน้อยไร้พิษภัย แต่ความจริงเป็นเสือสาวที่ซ่อนกรงเล็บร้ายเอาไว้ได้อย่างมิดชิด
“อยู่ด้วยกันสองคนไม่ต้องเรียกข้าว่าคุณหนูก็ได้ เจ้าเองก็คงรู้ฐานะของข้าดี ว่าข้าเป็นเพียงแค่สาวใช้ของคุณหนูหวงหลัวน่าเท่านั้น”
ฟางเหม่ยใช้หลังมือเปิดม่านหน้าต่างแล้วสอดสายตามองออกไป เมื่อเห็นสองข้างทางที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนแทนที่จะเป็นป่ารกชัฏก็เดาได้ในทันทีว่าคงจะถึงจวนท่านอ๋องในอีกไม่ช้า
“ข้าควรเรียกให้ติดปาก จะได้ไม่เป็นที่สังเกตเจ้าค่ะ คุณหนูหวงกำชับว่าเรื่องนี้ห้ามผิดพลาดเด็ดขาด เพราะเกี่ยวพันกับความสัมพันธ์ของตระกูลหวงและองค์ไทเฮา อีกอย่างคุณหนูหวงกำชับย้ำหลายครั้งว่าจะให้ประมุขหวงทราบสลับตัวไม่ได้โดยเด็ดขาดเจ้าค่ะ”
“ตามใจเถอะ”
ฟางเหม่ยถอนหายใจอีกรอบ แสดงว่าหวงหลัวน่ารู้ทั้งรู้ว่าเรื่องที่ทำอยู่เป็นเรื่องใหญ่ และอาจมีโทษอาญาแผ่นดินฐานหลอกลวงเชื้อพระวงศ์ กระนั้นก็ยังทำเพราะรักสนุกรักสบายโดยไม่สนใจเลยว่าผลลัพธ์ที่ตามมาภายหลังนั้นร้ายแรงจนไม่อาจคาดคิด
โทษที่คุณหนูได้รับแม้จะมาก แต่ก็ย่อมมีการลดหย่อนโทษเพราะเป็นบุตรสาวของใต้เท้าหวงผู้ซึ่งเป็นบุคลากรที่ประกอบไปด้วยคุณงามความดีมากมาย
ทว่าโทษของสาวใช้ที่เป็นเพียงชาวบ้านสามัญชนอย่างนาง คงไม่พ้นโทษประหารหากถูกจับได้ว่าหลอกลวงเชื้อพระวงศ์
หลัวน่าไม่เคยสนใจว่าใครจะมีชีวิตอย่างไรจากการกระทำของตน กี่ครั้งกี่หนที่ผลักนางให้ออกไปยืนอยู่บนเส้นด้าย เผชิญชะตากรรมต่างๆ อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง คุณหนูหวงไม่เคยเห็นนางเป็นมนุษย์เทียบเท่ากับตน แต่มองนางราวกับสัตว์ตัวหนึ่งที่มีไว้ใช้แรงงานเท่านั้น
มือเล็กผสานกันไว้แน่นด้วยความกังวลใจ แต่มาถึงขั้นนี้แล้วนางคงไม่อาจย้อนกลับ เพราะตามหมายกำหนดการเดิมคุณหนูหวงหลัวน่าต้องเดินทางไปถึงจวนท่านอ๋องสิบเอ็ดในวันนี้
เดาได้เลยว่าคนที่จวนคงกำลังเตรียมการต้อนรับอยู่
ฟางเหม่ยหลับตาลงช้าๆ ราวกับกำลังรวบรวมสติและสมาธิก่อนจะหันไปค้นห่อผ้าแล้วหยิบผ้าสีชมพูหวานผืนบางมาปิดบังใบหน้าไว้กว่าครึ่งหนึ่ง
ได้แต่ภาวนาขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี...
“ถึงจวนสกุลซุนแล้วขอรับ!”
เกี้ยวลากหยุดอยู่หน้าจวนพร้อมๆ กับหัวใจของคนตัวเล็กที่เริ่มสั่นไม่เป็นจังหวะ แม้ว่าลึกลงไปในก้อนเนื้ออกด้านซ้ายนั้นแอบดีใจที่จะได้พบชายผู้เป็นรักแรก กระนั้นจิตสำนึกกลับกำชับย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับจะจารจารึกฝังไว้ในหัวใจว่าท่านอ๋องเป็นคู่หมั้นของคุณหนูหลัวน่า
เขามีเจ้าของแล้ว...
วันที่รู้ข่าวว่าไทเฮามีรับสั่งให้ใต้เท้าเจียงสงเข้าเฝ้าเพื่อพูดคุยทาบทามหมั้นหมายคุณหนูหลัวน่าให้กับอ๋องสิบเอ็ด วันนั้นคือวันที่ฟางเหม่ยถึงกับต้องเก็บตัวเองอยู่ในห้องนอนด้วยใบหน้าอาบน้ำตา
ทว่าโลกก็โหดร้ายกับนางยิ่งกว่า
เมื่อจู่ๆ อ๋องสิบเอ็ดต้องยกทัพไปทำสงครามกะทันหัน ยาวนานนับปี
คุณหนูผู้เกียจคร้านหลัวน่าสั่งให้ฟางเหม่ยเป็นผู้เขียนจดหมายตอบคู่หมั้น แรกๆ ก็นั่งอยู่ด้วยกันเพื่อคอยบอกว่าจะต้องเขียนอะไรตอบกลับไป
แต่พอนานวัน...
หลัวน่าก็ไม่เคยใส่ใจจดหมายอีกเลย ราวกับว่าเป็นของเล่นที่นางเบื่อเสียแล้ว จึงปล่อยให้การตอบจดหมายทั้งหมดเป็นหน้าที่ของสาวใช้ฟางเหม่ย การเป็นตัวแทนคอยตอบจดหมายนั้น สร้างความเจ็บช้ำอย่างสุดแสน หัวใจที่ปวดร้าวราวกับถูกทิ่มแทงด้วยเข็มปลายแหลมทุกๆ วัน จนด้านชาไร้ความรู้สึก
นางมุ่งมั่นจะตัดใจหลังจากเขาหมั้นหมาย แต่กลับมีเหตุให้ต้องส่งจดหมายหาเขายาวนานถึงสองปี หัวใจที่พยายามหักจึงยิ่งถลำลึก หลงรักอ๋องสิบเอ็ดอย่างไม่อาจถอนตัวถอนใจ
แล้วครั้งนี้นางต้องใกล้ชิดดูแลเขาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หัวใจของนางจะสามารถทานทนได้แน่หรือ
ไม่เลย!
นางไม่มั่นใจเลยสักนิด!
“ช่วงนี้คุณหนูแพ้แสงแดดเจ้าค่ะ ใบหน้าที่แสนบอบบางเห่อแดงได้ง่าย จึงต้องใช้ผ้าปิดบังใบหน้าเอาไว้ครึ่งหนึ่งตามคำแนะนำของท่านหมอ หวังว่าท่านพ่อบ้านจะไม่ถือสาและช่วยกำชับเหล่าสาวใช้ให้ช่วยกางร่มบังแสงแดดให้คุณหนูทุกครั้งเมื่อมีโอกาส”
ฟางเหม่ยได้ยินหมิงจูแก้ตัวกับพ่อบ้านของท่านอ๋องด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีแม้ท่าทางเคอะเขิน ราวกับว่าการโกหกเป็นธรรมชาติของนาง ทำให้ฟางเหม่ยแอบลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะอย่างน้อยๆ คุณหนูหลัวน่าก็คัดเลือกคนมาทำงานได้อย่างฉลาดเฉลียว
หญิงสาวนิ่วหน้าน้อยๆ ก่อนจะฉุกใจคิดได้ว่า คุณหนูหลัวน่านั้นไม่ถนัดในการใช้สมองสักเท่าไหร่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่คุณหนูหลัวน่าจะคิดอะไรซับซ้อน และเลือกใช้คนได้อย่างแยบคายเช่นนี้
แล้วใครกันเล่าเป็นผู้เลือกใช้คน...
สงสัยว่าคงเป็นฮูหยินหวงผู้เป็นมารดาของคุณหนูหลัวน่ากระมัง เพราะทั้งรักทั้งตามใจบุตรสาวจนเคยตัว ขนาดถูกใต้เท้าหวงต่อว่าอยู่หลายครา กระนั้นความรักที่มีต่อบุตรสาวกลับมากล้นจนผิดที่ผิดทาง
เรียกได้ว่าที่คุณหนูหลัวน่าโตมาเป็นหญิงสาวนิสัยเสีย เอาแต่ใจ และยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งอย่างก็เพราะมีมารดาคอยให้ท้ายนั่นเอง
“ท่านอ๋องพักอยู่ที่เรือนป่าไผ่ขอรับ”
พ่อบ้านเอ่ยขึ้นปลุกหญิงสาวให้หลุดจากภวังค์ความคิด
“เรือนป่าไผ่หรือ”
“ขอรับ นับตั้งแต่กลับมาจากสงคราม ท่านอ๋องก็ปลีกตัวไปอยู่ที่เรือนป่าไผ่ และกำชับไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งวุ่นวาย เรียกได้ว่าค่อนข้างเก็บตัวเลยทีเดียวขอรับ ไม่ยอมพบปะผู้คน ไม่ยอมพูดคุยกับผู้ใด ทั้งจวนก็มีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้นที่เข้าออกเรือนป่าไผ่ได้”
หัวใจของฟางเหม่ยไหววูบด้วยความห่วงใยเมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาคู่สวยเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาจนพ่อบ้านสังเกตเห็น จึงยกแขนเสื้อขึ้นปิดบังริมฝีปากที่ยกยิ้มเอาไว้ นึกดีใจที่เห็นว่าคุณหนูหลัวน่ายังคงรักและห่วงใยเจ้านายของตน ไม่ทอดทิ้งไปยามที่กำลังลำบากเช่นนี้
“ผลจากสงครามคงกระทบต่อจิตใจท่านอ๋อง เอ่อ...ท่านพี่มาก”
หญิงสาวเกือบจะเผลอเรียกขานซุนจ้าวเฟิงอย่างห่างเหิน ทั้งที่ความจริงแล้วนางต้องเรียกเขาว่า ‘ท่านพี่’ เพราะทั้งคู่หมั้นหมายกันมาเกือบสองปีแล้ว อีกทั้งยังส่งจดหมายพูดคุยกันอย่างสนิทสนมมาโดยตลอด
“แม้จะได้รับชัยชนะกลับมาจนองค์ฮ่องเต้ทรงปูนบำเหน็จรางวัลมากมาย กระนั้นหัวใจที่ต้องจมอยู่กับกองเลือดและเศษซากชีวิตคงทำให้ท่านพี่ปวดร้าวใจยิ่งนัก”
“เป็นเช่นนั้นขอรับ”
พ่อบ้านพยักหน้าน้อยๆ ตีสีหน้าหม่นเศร้า ห่อไหล่ลู่หลงราวกับว่ากำลังแบกความทุกข์ไว้บนบ่าทั้งสองข้าง
“แล้วอาการบาดเจ็บเล่า ท่านหมอว่าอย่างไรบ้าง”
“ล่าสุดท่านหมอบอกว่ากระดูกขาข้างที่หักเริ่มเชื่อมประสานกันแล้วขอรับ แผลที่ใบหน้าเริ่มดีขึ้น แต่ว่าดวงตาถูกพิษร้ายแรงอาจต้องใช้เวลาในการรักษา ซึ่งไม่อาจบอกได้ว่าจะยาวนานสักแค่ไหน จะกลับมามองได้อีกครั้ง หรือตาบอดไปตลอดชีวิต ก็คงต้องหวังพึ่งปาฏิหาริย์เท่านั้น”
“ขอแค่มีหนทาง ไม่ว่าจะยาวนานเท่าไหร่ก็จะต้องรักษาอย่างเต็มที่ ข้าเชื่อว่าท่านพี่ต้องกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง ท่านพ่อบ้านเองก็อย่าเพิ่งท้อนะเจ้าคะ ข้าจะช่วยท่านพ่อบ้านดูแลท่านพี่อีกแรง”
“โชคดีของท่านอ๋องเหลือเกินที่มีคู่หมั้นใส่ใจเช่นนี้ ข้าเชื่อว่าคุณหนูจะช่วยให้ท่านอ๋องกลับมาแข็งแรงและร่าเริงอีกครั้งขอรับ”
ฟางเหม่ยได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ หัวใจของนางหนักอึ้ง สงสารอ๋องจ้าวเฟิงจับขั้วหัวใจที่ถูกคู่หมั้นคู่หมายหลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณหนูหลัวน่าหลอกลวงท่านอ๋อง...