บท
ตั้งค่า

บทที่ 18

มู่เทียนซิงมองไปที่ป้าจ้าว แล้วมองไปยังลู่เวยหย่าที่อยู่บนเตียง ก็รู้สึกผิดจนดวงตาแดงก่ำ

มู่จิ่วซีเหลือบมองป้าจ้าว แล้วพลิกเปลือกตาของฮูหยินรอง หลังจากที่ตรวจดูอาการแล้วก็เอ่ยขึ้น “ท่านแม่อนุไม่เป็นไร พักผ่อนหน่อยก็หายแล้ว”

“ชนจนเป็นขนาดนี้แล้ว ยังไม่เป็นไรอีกหรือ?” ป้าจ้าวหันมามองมู่จิ่วซีด้วยความไม่พอใจในทันที

มู่จิ่วซีเหลือบมองป้าจ้าวด้วยสายตาเย็นชา

ป้าจ้าวชะงักไปครู่หนึ่ง พบว่าสายตาของคุณหนูใหญ่ผู้นี้เหตุใดจึงแตกต่างจากเมื่อก่อน

“ท่านพ่อ ท่านอย่ากังวลมากเกินไป แม่อนุจะฟื้นในไม่ช้าเจ้าค่ะ” มู่จิ่วซีพูดจบก็ลุกขึ้นยืน “ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน พวกเราออกไปข้างนอกกันก่อนเถิด”

มู่เทียนซิงมองไปที่เตียง จากนั้นก็หันไปกล่าวกับป้าจ้าว “ให้หมอดูอาการให้ดี ดูแลฮูหยินให้ดี”

ป้าจ้าวรับคำ มองดูสองพ่อลูกเดินออกไปด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่ง

“ท่านพ่อ ท่านเชื่อที่ป้าหวังพูดหรือ? เป็นนางที่ต้องการจะทำร้ายท่านแม่?” มู่จิ่วซีเอ่ยถาม

มู่เทียนซิงมองนางแล้วเอ่ยถาม “เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

“พูดตามตรง ข้าไม่เชื่อ ป้าหวังจะแก้แค้น ไม่จำเป็นต้องรอถึงสิบกว่าปีกระมัง”

“เช่นนั้นเจ้าคิดว่ามีคนบงการนางหรือ?”

มู่จิ่วซีมองบิดาที่ท่าทางดูเหมือนจะห่อเหี่ยวลงในทันที ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร

“เจ้าสงสัยแม่อนุของเจ้าใช่หรือไม่?”

มู่จิ่วซีเงียบ มู่เทียนซิงถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้พ่อก็สงสัยแม่อนุของเจ้า แต่พอคิดทบทวนดูแล้ว แม่อนุของเจ้าจะทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร? นางมีฐานะเท่าเทียมกับแม่ของเจ้า หลายปีมานี้ ก็เป็นนางที่ดูแลทุกอย่างในจวน นอกจากตำแหน่งฮูหยินใหญ่แล้ว นางก็ไม่ขาดอะไรเลย”

“เป็นเช่นนั้นหรือ? ท่านพ่อ ถึงแม้ว่าแม่อนุและแม่ใหญ่จะมีฐานะเท่าเทียมกัน แต่ตราบใดที่ท่านแม่ของข้ายังอยู่ นางก็ไม่ใช่ฮูหยินใหญ่ มู่เจินจูและมู่หยางชุนก็เป็นได้แค่บุตรอนุภรรยา”

มู่เทียนซิงถึงกับตกตะลึง

“แต่ทุกสิ่งต้องมีหลักฐาน พิษที่ท่านแม่ของข้าได้รับเรียกว่าเหลียนเซียงอิ่ง สิ่งนี้มีแต่ในวังเท่านั้น” มู่จิ่วซีกล่าว “ข้าใช้เงินหนึ่งหมื่นตำลึงซื้อยาแก้พิษมาจากหอดาวจันทร์”

มู่เทียนซิงตกตะลึง จากนั้นก็กล่าวด้วยความดีใจ “เช่นนั้นแม่ของเจ้าก็ไม่เป็นไรแล้ว?”

“พิษแก้ได้ แต่ร่างกายที่ทรุดโทรมมาสิบกว่าปีจะต้องบำรุงให้ดี” มู่จิ่วซีกล่าว

“อืม ซีเอ๋อร์ โชคดีที่มีเจ้านะ ดีเหลือเกิน จริงสิ เงินหนึ่งหมื่นตำลึงเป็นเงินที่เซ่อเจิ้งอ๋องให้เจ้าใช่หรือไม่?”

“ท่านพ่อจะคืนให้ข้าหรือ? นี่เป็นเงินที่ข้าได้มาจากการถอนหมั้นนะ” มู่จิ่วซีรีบยื่นมือออกมา

“แค่กๆ ” มู่เทียนซิงเกือบจะสำลักน้ำลายของตนเอง “คือว่า เด็กผู้หญิงอย่างเจ้าจะเอาเงินมากมายขนาดนั้นไปทำอะไร เงินจะไม่ขาดมือเจ้าแน่นอน เอามาฝากไว้ที่พ่อก่อน ถึงเวลาก็จะให้เจ้าเป็นสินเดิม”

“ท่านพ่อ แม่อนุเป็นคนดูแลเรื่องเงินใช่หรือไม่?” มู่จิ่วซีดูถูกบิดาของตนเอง “รอให้ท่านแม่หายดีแล้ว ท่านแม่จะเป็นคนดูแลเรื่องเงินใช่หรือไม่?”

มู่เทียนซิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนแล้วกล่าวว่า “แน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่าแม่ของเจ้าต้องพักฟื้นร่างกายสักระยะ อย่าให้นางเหนื่อยมากเกินไป”

มู่จิ่วซีกลอกตาแล้วเอ่ยขึ้น “ก็ถูก แต่ท่านพ่อ ท่านอย่าลืมบอกท่านแม่อนุเรื่องเงินหนึ่งหมื่นตำลึงนี้ด้วย”

“ได้ๆๆ เจ้าเด็กคนนี้นี่ สนใจเรื่องเงินทองขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน” มู่เทียนซิงตบศีรษะนางเบาๆ สองพ่อลูกพูดคุยกันไปพลางเดินไปยังเรือนส่วยหยุนเจียน

วันรุ่งขึ้น หลังจากการประชุมเช้า ขุนนางทั้งฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นต่างก็รู้ว่ามู่จิ่วซีถูกเซ่อเจิ้งอ๋องถอนหมั้น จากนั้นข่าวก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวง

“คุณหนูใหญ่มู่ก็ไม่คู่ควรกับเซ่อเจิ้งอ๋องอยู่แล้ว”

“นั่นสิ คุณหนูใหญ่มู่ชอบไปหอนางโลม และยังเกี้ยวพาราสีท่านอ๋องหก เซ่อเจิ้งอ๋องจะทนได้อย่างไร?”

“เซ่อเจิ้งอ๋องปรีชาสามารถ หากคุณหนูเหลวไหลผู้นั้นได้เป็นพระชายาเซ่อเจิ้งอ๋อง เช่นนั้นมันสมเหตุสมผลหรือ?”

“แม่ทัพใหญ่มู่ใฝ่สูง คราวนี้เสียหน้าหมดแล้ว”

“ว้าว ไม่รู้จริงๆ ว่าสุดท้ายแล้วคุณหนูตระกูลไหนจะได้เป็นพระชายาเซ่อเจิ้งอ๋อง?”

“คุณหนูรองไป๋กระมัง ใครๆ ก็รู้ว่านางชอบเซ่อเจิ้งอ๋องมานานแล้ว”

“พวกเจ้าไม่รู้อะไร พระชายาเซ่อเจิ้งอ๋องจะต้องเป็นคนที่ไทเฮาโปรดปรานถึงจะได้”

“ข้าอยากรู้ว่าสุดท้ายแล้วใครจะกล้าแต่งงานกับคุณหนูใหญ่มู่จิ่วซีผู้นั้น”

“สตรีใจง่ายเช่นนี้ สุดท้ายคงจะไม่สามารถแต่งงานออกไปได้กระมัง...”

“ฮ่าๆๆ ...”

ทั้งเมืองหลวงต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ มู่จิ่วซีกลายเป็นตัวตลกไปจริงๆ

มีเพียงฮั่วหยุนเทียนแห่งหอดาวจันทร์และเย่อู๋เหิงแห่งศาลต้าหลี่ที่ได้ยินข่าวลือเหล่านี้แล้ว ต่างก็ส่ายหน้า

ทั้งสองคนต่างก็สั่งให้สืบเรื่องมู่จิ่วซีอีกครั้ง ดูว่าสตรีผู้นี้ซ่อนความลับไว้ลึกแค่ไหนกัน

แน่นอนว่ายังมีอีกคนหนึ่งที่กำลังทำเช่นนี้ นั่นคือเซ่อเจิ้งอ๋องโม่จุน

ถึงแม้จะถอนหมั้นได้สำเร็จ แต่การแสดงออกของมู่จิ่วซีทั้งสองครั้งนี้ ทำให้เขาต้องมองนางใหม่ เขาก็เกิดความสงสัยอย่างยิ่งต่อข่าวลือของมู่จิ่วซี ดังนั้น จึงสั่งให้องครักษ์ลับไปสืบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง

ภายในตำหนักฉือลู่ของไทเฮา มู่จิ่วซีที่ถอนหมั้นอย่างเป็นทางการแล้ว และโม่จุนที่กลับจากการประชุมเช้า ต่างก็ยืนอยู่เบื้องหน้าไทเฮาที่กำลังแสดงสีหน้าไม่พอพระทัย

ปีนี้ไทเฮาเพิ่งจะพระชนมายุยี่สิบแปดพรรษา เดิมทีก็ทรงเป็นหญิงงามล่มเมือง ถึงแม้จะทรงดำรงตำแหน่งไทเฮาแล้ว แต่สตรีในช่วงวัยนี้ ก็เป็นช่วงที่งดงามและมีเสน่ห์ที่สุด

มู่จิ่วซีคนเดิมสนิทสนมกับไทเฮาเป็นอย่างมาก แต่มู่จิ่วซีคนปัจจุบันเมื่อได้เห็นไทเฮาก็ยังต้องตกตะลึงในความงามของพระนาง

บุคลิกสง่างามสูงส่ง ใบหน้าคมคายงดงาม มีรัศมีความสง่างามของผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ไม่แปลกใจเลยที่จะทรงเป็นฮองเฮา และเป็นไทเฮาได้

เหตุใดไทเฮาจึงทรงโปรดปรานมู่จิ่วซีถึงเพียงนี้

ที่จริงแล้วตอนที่มู่จิ่วซีอายุเพียงสิบขวบ ไทเฮาซึ่งยังทรงดำรงตำแหน่งฮองเฮา ได้พาฮ่องเต้น้อยในวัยเยาว์ซึ่งยังทรงเป็นองค์ชายน้อยไปจุดธูปที่วัดเป้ากั๋ว ในวันนั้นฝนตกถนนลื่น ฮองเฮาทรงลื่นล้มที่ด้านหลังภูเขา

เป็นมู่จิ่วซีที่พุ่งเข้าไปเป็นที่รองรับให้ฮองเฮา ทำให้ฮองเฮารอดพ้นจากการตกเขาไปได้ แต่มู่จิ่วซีกลับขาหักเพราะเหตุนี้ หลังจากนั้นเป็นต้นมา มู่จิ่วซีก็กลายเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของฮองเฮา

ฮองเฮาทรงเอ็นดูมู่จิ่วซีเหมือนกับที่มู่เทียนซิงเอ็นดูบุตรสาว ทรงตามใจเป็นอย่างมาก

“เซ่อเจิ้งอ๋อง เจ้าไม่อยากแต่งงานกับซีเอ๋อร์จริงๆ หรือ?” ไทเฮาตรัสกับโม่จุนด้วยความไม่พอพระทัยเล็กน้อย

โม่จุนเป็นเสด็จอาห้าของฮ่องเต้น้อย หรือก็คือพระอนุชาของไทเฮา

เมื่อสามปีก่อน ท่านอ๋องสามอ้างว่ารัชทายาททรงพระเยาว์เกินไป จึงก่อกบฏชิงบัลลังก์ หากไม่ใช่เพราะโม่จุนใช้กำลังเข้าปราบปรามอย่างแข็งกร้าว ก็คงไม่มีไทเฮาและฮ่องเต้น้อยในวันนี้

มู่จิ่วซีมุมปากกระตุก เอ่ยขึ้น “ไทเฮา ซีเอ๋อร์เต็มใจถอนหมั้นเองเพคะ ท่านอย่าได้ลำบากพระทัยเซ่อเจิ้งอ๋องเลย สุภาษิตกล่าวไว้ว่า ความรักที่บังคับฝืนใจมักไม่ยั่งยืนเพคะ”

ขณะพูด นางก็เหลือบมองโม่จุน

ในเวลานี้ โม่จุนสวมชุดคลุมลายมังกรสี่เล็บสีเขียวเข้ม รูปร่างดีมาก ใส่ชุดอะไรก็ล้วนพอดีตัวและน่าดู ใบหน้าที่หล่อเหลาคมคายนั้น ยังเหนือกว่าดาราชื่อดังมากมายนัก

น่าเสียดายที่หน้าตายก็ยังคงเป็นหน้าตาย นอกจากจะไม่มีรอยยิ้มแล้ว ยังดูเย็นชาและมืดมนราวกับอยู่ในห้องดับจิต

“ซีเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงได้โง่เขลาเช่นนี้ การแต่งงานครั้งนี้ดีเพียงใด” ไทเฮาจ้องมู่จิ่วซีด้วยความไม่พอพระทัย

“ไทเฮาเพคะ ซีเอ๋อร์ไม่อยากแต่งงานเร็วเช่นนี้ ท่านอย่าได้ลำบากพระทัยเซ่อเจิ้งอ๋องเลย เขาก็ลำบากไม่น้อย”

คำพูดนี้ของมู่จิ่วซีทำให้โม่จุนหันกลับมามองนาง

มู่จิ่วซีรีบยิ้มกว้างให้เขาแล้วกล่าวว่า “เป็นข้าที่ไม่คู่ควรกับท่าน เต็มใจถอนหมั้นเอง เช่นนั้นก็ขอให้เซ่อเจิ้งอ๋องได้พบกับคนที่ถูกใจในเร็ววัน”

เมื่อไทเฮาได้ยินประโยคนี้ ใบหน้างดงามก็แข็งทื่อไปในทันที จากนั้นดวงตาก็หรี่ลงเล็กน้อยจ้องมองไปที่โม่จุน

“เซ่อเจิ้งอ๋อง เจ้าอย่าได้เสียใจภายหลัง!” น้ำเสียงของไทเฮาเคร่งขรึมและเฉียบคมขึ้นในทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel