บทย่อ
ราชินีแห่งหน่วยพิเศษสมัยปัจจุบันทะลุมิติไปในร่างของคุณหนูใหญ่มู่จิ่วซีแห่งจวนแม่ทัพ อันดับแรกโดนใส่ร้ายป้ายสีว่าคบชู้ เลยถูกขังกรงหมูถ่วงน้ำ ต่อมาเซ่อเจิ้งอ๋องก็ยกเลิกงานแต่งและทำลายชื่อเสียงนางย่อยยับ ใครๆต่างคิดว่าคุณหนูใหญ่จะกลายเป็นคนโง่เขลาจากการโดนประณาม ไม่คิดว่านางจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย จัดการกับอีผู้หญิงไร้ยางอาย สยบอีนังตอแหลทั้งหลาย จับทุ่มไอพวกเล่ห์เหลี่ยมจัด รวมคุมเหล่านักฆ่าทั้งหลาย ทุกท่าไม้ตาย ทักษะเด็ดๆทั้งหลายเอามันออกมาให้หมด ใช้ชีวิตให้มันมีแต่ดีขึ้น สำเร็จในทุกด้าน เซ่อเจิ้งอ๋องเห็นเขาดีเลิศหาใดเปรียบมิได้ รูปลักษณ์งามสง่าอรชรอ้อนแอ้น ตกหลุมอ่อยนางไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ทำเอาใจลุกซู่ “จิ่วซี ให้โอกาสข้าอีกครั้งได้หรือไม่?” “ถุย!”
บทที่ 1
“พระเจ้าช่วย มีคนตายอยู่บนผิวน้ำในทะเลสาบ!”
“เร็วเข้า รีบช่วยคน! โอ้แม่เจ้า ทางนั้น ทางนั้นยังมีอีกคน!”
มู่จิ่วซีรู้สึกเพียงว่าร่างกายของตนถูกคนลากไปอย่างต่อเนื่อง...
“คุณหนูใหญ่มู่ลักลอบมีความสัมพันธ์กับหมอหลวงเวินหรือ?”
“ใช่แล้ว หลังจากถูกจับได้ ทั้งสองจึงกระโดดทะเลสาบเพื่อฆ่าตัวตายตามกัน ต่อให้ช่วยชีวิตกลับมาได้ เกรงว่าจะต้องถูกจับถ่วงน้ำ!”
“รีบไปเอากรงมา สตรีไร้ยางอาย!”
“ชู่ว เซ่อเจิ้งอ๋องหน้าดำคล้ำไปหมดแล้ว”
“จะไม่ให้หน้าดำคล้ำได้อย่างไร? ฮ่องเต้เพิ่งจะพระราชทานการแต่งงาน มู่จิ่วซีก็ก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาเสียแล้ว”
“มู่จิ่วซีนี่โง่หรือไม่ ไม่เอาเซ่อเจิ้งอ๋อง แต่กลับไปชอบหมอหลวงกระจอกๆ ?”
มู่จิ่วซีรู้สึกเหมือนทั้งร่างถูกจับพลิกไปพลิกมาไม่หยุด ข้างหูได้ยินเสียงต่างๆ ดังขึ้นเป็นระยะ ทำให้สมองที่ขาดออกซิเจนของนางขยับเล็กน้อย และลืมตาขึ้นทันที
สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือแสงไฟสลัวและพื้นหญ้า รอบด้านเต็มไปด้วยผู้คน
ร่างกายของนางสวมชุดกระโปรงยาวที่เปียกโชกและสกปรก มือและเท้าถูกมัดไว้ นอนขดตัวอยู่บนพื้นหญ้าเหมือนกุ้ง ไม่ไกลออกไปมีร่างไร้วิญญาณของบุรุษคนหนึ่ง
มุมปากของนางค่อยๆ ยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน
นางผู้เป็นราชินีแห่งรัตติกาลของกลุ่มทหารรับจ้างอันดับหนึ่งของโลก มีแต่จับคนอื่นมัด แล้วจะมีตอนที่นางถูกคนอื่นมัดด้วยหรือ?
นั่นเป็นเพราะว่านางข้ามเวลามาแล้ว ข้ามเวลามาอยู่ในร่างของคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่แห่งแคว้นเกาหยุน นามว่ามู่จิ่วซี
“เซ่อเจิ้งอ๋อง โปรดไว้ชีวิตคุณหนูใหญ่ด้วยเถิด คุณหนูใหญ่และหมอหลวงเวินถูกใส่ร้ายเจ้าค่ะ” สาวใช้คนหนึ่งคุกเข่าโขกศีรษะร้องไห้อยู่ข้างๆ
มู่จิ่วซีเงยหน้าขึ้นมองทันที เพ่งมองอย่างตั้งใจ
เบื้องหน้าห่างออกไปสามเมตรมีบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่ รัศมีอันทรงพลัง ยากที่จะมองข้ามไปได้
เขาคือโม่จุน เซ่อเจิ้งอ๋องแห่งแคว้นเกาหยุนผู้มีอำนาจเหนือคนทั้งปวง เป็นรองเพียงฮ่องเต้เท่านั้น
ใบหน้าหล่อเหลาของเขามีโครงหน้าที่คมชัด ราวกับถูกแกะสลักอย่างประณีต
สันจมูกโด่งเป็นคมสัน ริมฝีปากบาง ดวงตาสีดำคมกริบคู่นั้นทอประกายเย็นเยียบ
ผมสีดำขลับยาวตรงจรดเอว บนศีรษะสวมกวานหยกประดับทองคำม่วง ชุดคลุมยาวลายมังกรปักด้วยดิ้นทอง คาดเข็มขัดหยกสลักลายมังกรพันรอบเอว รูปร่างสูงใหญ่กำยำเต็มไปด้วยเสน่ห์ของบุรุษ
เพียงแต่ว่าในเวลานี้ใบหน้าของเซ่อเจิ้งอ๋องนั้นดำคล้ำราวกับหมึก ดวงตาฉายแววเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง
“แค่กๆๆ ” มู่จิ่วซีไอออกมา
“เซ่อเจิ้งอ๋อง มู่จิ่วซีไร้ยางอาย สมควรถูกจับถ่วงน้ำ ใครก็ได้ เอากรงมา” เสียงแหลมสูงของสตรีคนหนึ่งดังขึ้น
มู่จิ่วซีมองไป เห็นสตรีผู้หนึ่งสวมชุดกระโปรงยาวสีเหลืองอ่อนแบบในวัง บนศีรษะประดับด้วยปิ่นและเครื่องประดับมากมาย คือคุณหนูรองแห่งจวนเฉิงเซี่ยง ไป๋เฟิ่งหว่าน
นางยังไม่ทันได้หายใจหายคอ ก็ถูกองครักษ์ลากตัวขึ้นมา และยัดเข้าไปในกรง เมื่อนางมองไปยังเซ่อเจิ้งอ๋อง ก็เห็นเพียงความมืดมิดและโหดเหี้ยมในดวงตาของเขา
“มู่จิ่วซี เจ้าคนชั้นต่ำ เหตุใดถึงทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ เจ้าจะให้ท่านพ่อทำอย่างไร! เจ้าจะให้จวนมู่ทำอย่างไร?” สตรีอีกคนหนึ่งร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ
มู่จิ่วซีเห็นว่าเป็นน้องสาวคนรองของเจ้าของร่างเดิม มู่เจินจู
“อย่านะ หยุดเถิด คุณหนูใหญ่ ท่านพูดอะไรบ้างสิ ท่านกับหมอหลวงเวินไม่ได้ลักลอบมีความสัมพันธ์กัน!” สาวใช้ลู่เอ๋อร์พุ่งเข้ามาจับกรงไว้ ร้องไห้ปานจะขาดใจ
“ไสหัวไป! นังชั้นต่ำ!” เท้าข้างหนึ่งยื่นมาเตะลู่เอ๋อร์จนร้องเสียงหลงและกลิ้งออกไป
สายตาของมู่จิ่วซีมองไปยังบุรุษผู้สูงศักดิ์ที่อยู่เบื้องบน ซึ่งเฝ้ามองเหตุการณ์นี้อย่างเงียบงัน
“เซ่อเจิ้งอ๋อง ท่านเป็นคนโง่หรือ?”
มู่จิ่วซีเอ่ยปากแล้ว เพียงประโยคเดียวก็ทำให้คนที่อยู่ ณ ที่นี้ถึงกับกลั้นหายใจ
“มู่จิ่วซี เจ้ากล้าด่าเซ่อเจิ้งอ๋องหรือ?” ไป๋เฟิ่งหว่านตะโกนขึ้นอีกครั้ง “เร็วเข้า ยังไม่รีบจับนังคนชั้นต่ำนี่โยนลงไปในทะเลสาบอีก!”
“ช้าก่อน!” มู่จิ่วซีร้องห้ามด้วยตนเอง
ขยับมือและเท้าเล็กน้อย หัวเราะเยาะในใจ การมัดแค่นี้ไม่ได้ผลกับนางเลย
แต่ว่านางก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะหนี อย่างไรเสียร่างกายนี้ก็ไม่ใช่ร่างกายเดิมของนาง นางยังปรับตัวไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ความผิดเช่นนี้ ถึงแม้นางจะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่ก็ไม่อยากจะแบกรับไว้
“มู่จิ่วซี เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก ชู้รักของเจ้าตายไปแล้ว เจ้ายังไม่รีบฆ่าตัวตายตามไปอีก? ไม่กลัวว่าเขาจะเหงาอยู่ใต้ดินหรือ?” ไป๋เฟิ่งหว่านเยาะเย้ยขึ้นอีกครั้ง
รอบด้านมีแต่เสียงเย้ยหยันและด่าทอ
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นชู้รักของข้า? เจ้าเห็นกับตาว่าข้ากับเขาขึ้นเตียงด้วยกันหรือ?” คำพูดของมู่จิ่วซีทำให้ทุกคนร้องอุทานด้วยความตกใจ
“ไร้ยางอาย ต่ำช้า พูดจาเช่นนี้ออกมาได้!”
มู่จิ่วซีกลับมองไปยังโม่จุนด้วยสายตาเย็นชา แล้วเอ่ยขึ้น “เซ่อเจิ้งอ๋อง ข้าและท่านมีสัญญาหมั้นหมายกัน ท่านคิดว่าข้าตาบอดหรือ? ไม่ชอบท่านที่เป็นบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งของแคว้นเกาหยุน แต่กลับไปชอบหมอหลวงธรรมดาๆ คนหนึ่ง?”
ทุกคนต่างเบิกตากว้าง หลายคนหันไปมองโม่จุน
โม่จุนเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ดวงตาสีดำที่เย็นชาจ้องมองมู่จิ่วซี มุมปากกระตุกยิ้มเยาะเย้ยอย่างชั่วร้าย “คุณหนูใหญ่มู่ ตั้งแต่เมื่อไรที่เจ้ารู้จักพูดจาดีๆ กับข้า?”
“เซ่อเจิ้งอ๋อง ถึงแม้ว่าท่านจะหยิ่งผยอง ขาดคุณธรรมทั้งห้า แต่เมื่อเทียบกับหมอหลวงเวินแล้ว ท่านก็ยังดีกว่าเล็กน้อย แม้ว่าข้าจะลักลอบมีชู้ ก็ต้องหาคนที่ดีกว่าท่านมิใช่หรือ?” ขณะที่มู่จิ่วซีพูด ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ภาพเหตุการณ์นี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูแปลกประหลาด
ใบหน้าหล่อเหลาของโม่จุนบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองข้างหรี่ลง มองมู่จิ่วซีด้วยสายตาอันตราย
“ข้าหยิ่งผยอง? ขาดคุณธรรมทั้งห้า?”
“มิใช่หรือ? ถ้าไม่ใช่ ก็ให้โอกาสข้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์” มู่จิ่วซีจ้องมองเข้าไปในดวงตาของโม่จุน ภายในนั้นมีความท้าทายอยู่เล็กน้อย
“เซ่อเจิ้งอ๋อง มู่จิ่วซีตั้งแต่เด็กก็เย่อหยิ่ง ชอบวางอำนาจ เหลวไหลไร้มารยาท แถมยังเข้าออกหอนางโลมหาบุรุษอยู่บ่อยๆ ท่านอย่าได้ถูกคำพูดเหลวไหลของนางหลอก” มู่เจินจูโพล่งขึ้นมา
คำพูดของมู่เจินจูทำให้ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน ต่างพากันพยักหน้า
“เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้ายังเห็นมู่จิ่วซีเกี้ยวพาราสีท่านอ๋องหกอยู่เลย ทั้งๆ ที่มีสัญญาหมั้นหมายกับเซ่อเจิ้งอ๋องแท้ๆ แต่ก็ยังโปรยเสน่ห์ไปทั่ว สมควรถูกจับถ่วงน้ำ”
“ใช่ จับถ่วงน้ำ! จับถ่วงน้ำ!” ทุกคนต่างตะโกนขึ้นมา
ใบหน้าของโม่จุนมืดมนราวกับห้วงน้ำลึก สายตาฉายแววแดงก่ำ
“โม่จุน ท่านคงไม่ได้ไม่อยากแต่งงานกับข้า จึงคิดจะฆ่าข้าหรอกกระมัง? ข้าพิสูจน์ได้ว่าข้าบริสุทธิ์!” มู่จิ่วซีพูดเสียงดัง
“ใช่ คุณหนูบริสุทธิ์! ถูกคนใส่ร้าย!” ลู่เอ๋อร์ก็ร้องตะโกนขึ้นมาทันที
“นังชั้นต่ำ ตีมันให้ตาย!” ไป๋เฟิ่งหว่านและมู่เจินจูสั่งให้พวกบ่าวไพร่รุมทุบตีลู่เอ๋อร์ทันที
“พอได้แล้ว!” มู่จิ่วซีตวาดเสียงดัง จ้องมองโม่จุนแล้วกล่าวอย่างเย็นชา “สรุปท่านจะฟังหรือไม่ฟัง!”
โม่จุนมองมู่จิ่วซีที่มีสีหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็ง กลับรู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่พุ่งเข้ามา
“หยุดมือ!” โม่จุนตะโกนสั่งเสียงดัง
เหล่าสตรีถึงได้หยุดมือ ไป๋เฟิ่งหว่านกล่าวอย่างน้อยใจว่า “เซ่อเจิ้งอ๋อง หากมู่จิ่วซีกับหมอหลวงเวินไม่ได้คบชู้ แล้วจะกระโดดลงทะเลสาบเพื่อฆ่าตัวตายตามกันทำไมเล่า ท่านอย่าได้ถูกนางหลอก”
โม่จุนหันกลับไปมองไป๋เฟิ่งหว่านทันที เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับภูเขาน้ำแข็ง “เจ้ากำลังสอนข้าว่าต้องทำอย่างไรหรือ?”
“ไม่ ไม่ หว่านเอ๋อร์ไม่กล้าเจ้าค่ะ” ไป๋เฟิ่งหว่านตกใจจนรีบคุกเข่าลง
สายตาเย็นเยียบของโม่จุนกวาดมองไปรอบๆ พวกสตรีก็รีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที
“ไป๋เฟิ่งหว่าน เจ้าเห็นข้ากับหมอหลวงเวินกระโดดทะเลสาบเพื่อฆ่าตัวตายตามกันหรือ?” มู่จิ่วซีเอ่ยถาม
ไป๋เฟิ่งหว่านชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วรีบเอ่ยขึ้น “ไม่ใช่ เป็นคนอื่นที่เห็น”
“ใครเห็น เจ้าให้เขาออกมา!” มู่จิ่วซีแค่นหัวเราะ “เซ่อเจิ้งอ๋อง คนที่เห็นคนนั้นก็คือฆาตกรที่ใส่ร้ายข้า!”