บทที่ 15
มู่จิ่วซีเห็นชายอ้วนขมวดคิ้ว นางก็กล่าวเสริมอีกประโยค “ทำไม ว่าที่พระชายาเซ่อเจิ้งอ๋องอย่างข้ายังไม่สามารถพบเจ้าสำนักของพวกเจ้าได้หรือ? หอดาวจันทร์ไม่อยากจะทำธุรกิจในแคว้นเกาหยุนแล้วหรือ?”
ชายอ้วนจึงเปลี่ยนสีหน้า รีบเอ่ยขึ้น “คุณหนูใหญ่มู่โปรดระงับความโกรธ โปรดให้ข้าน้อยเข้าไปแจ้งสักครู่” พูดจบก็รีบเดินเข้าไปด้านใน
มู่จิ่วซีนั่งลงอย่างไม่เกรงใจ เย่หานที่ยืนอยู่ด้านหลังนางเหงื่อออกฝ่ามือแล้ว
ไม่นาน ชายอ้วนก็วิ่งออกมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “คุณหนูใหญ่มู่เชิญขอรับ” จากนั้นก็มองไปที่เย่หานแล้วกล่าวว่า “น้องชายคนนี้ไม่ต้องเข้าไป”
เย่หานกำลังจะพูด มู่จิ่วซีก็กล่าวว่า “เย่หาน เจ้ารออยู่ที่นี่”
จากนั้นนางก็เดินตามเถ้าแก่อ้วนเข้าไปในห้องด้านใน ด้านในค่อนข้างมืด แต่การจัดวางนั้นดีมาก การตกแต่งก็สวยงามมากเช่นกัน
แต่ไม่ได้เข้าไปในห้องใดๆ กลับพานางตรงไปยังเรือนด้านหลัง
เรือนด้านหลังค่อนข้างใหญ่ เชื่อมต่อกับทะเลสาบลู่ ริมทะเลสาบมีแท่นตกปลาและเรืออูเผิงแบบเรียบง่าย
สองข้างมีทางเดินบันไดไม้ ตรงกลางเป็นสวนดอกไม้ มีศาลาหกเหลี่ยม
มู่จิ่วซียืนอยู่ที่ทางออก ก็เห็นบุรุษสวมชุดคลุมยาวสีม่วงแดงอยู่ในศาลาหกเหลี่ยม เพียงแต่เขากำลังมองไปทางทะเลสาบ
“คุณหนูใหญ่มู่ นั่นคือเจ้าสำนักของพวกเรา ท่านเข้าไปเถิด” ชายอ้วนพูดจบก็กลับไป และยังปิดประตูเรือนด้านหลังด้วย
กำแพงล้อมรอบสูงและลึก และบนกำแพงก็มีของแหลมคมป้องกัน ด้านในเป็นเหมือนโลกอีกใบหนึ่ง
มู่จิ่วซีเดินไปยังศาลาหกเหลี่ยมอย่างรวดเร็ว
บุรุษชุดม่วงก็ค่อยๆ หันหน้ากลับมา
มู่จิ่วซีตกตะลึงกับรูปร่างหน้าตาของเขาในทันที
ใบหน้าอ่อนโยนแต่ก็ไม่ทิ้งความแข็งแกร่ง คิ้วเรียวยาวราวกับภูเขาที่ทอดไกล เฉียงขึ้นไปถึงขมับ
ดวงตาหงส์เรียวยาวคู่นั้นเชิดขึ้นเล็กน้อย แฝงไปด้วยเสน่ห์อันไร้ขอบเขต ในดวงตามีสีดำขลับ ไม่มีความรู้สึกใดๆ โดดเดี่ยวและเย็นชา
รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวผุดผ่อง มือที่เรียวยาวและมีข้อกระดูกชัดเจนนั้นดึงดูดสายตาอย่างยิ่ง สามารถใช้เป็นแบบหล่อมือได้
ชุดคลุมสีม่วงหลวมบาง คอเสื้อเปิดกว้าง เผยให้เห็นไหปลาร้าที่เย้ายวน ตอนนี้เขากำลังพิงราวระเบียงศาลาอย่างเกียจคร้าน เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง ดูแล้วเหมือนปีศาจที่น่าหลงใหลชวนให้ผู้คนจินตนาการไปไกลจริงๆ
“ไม่อยากได้ดวงตาแล้วหรือ?” น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้น
มู่จิ่วซีถึงได้รู้สึกว่าตนเองเสียมารยาท รีบเอ่ยขึ้นทันที “นี่จะโทษข้าไม่ได้ ต้องโทษที่ท่านเจ้าสำนักรูปงามเกินไป แต่เมื่อเทียบกับคู่หมั้นของข้าแล้วก็ยังด้อยกว่าเล็กน้อย”
ระหว่างที่กล่าว นางก็เดินตรงไปนั่งที่โต๊ะหิน
บนโต๊ะหินมีเนื้อเพลงขิมวางอยู่ บนนั้นมีการขีดฆ่าแก้ไข ดูเหมือนว่ากำลังสร้างสรรค์เพลงใหม่ ด้านข้างยังมีขิมโบราณสีขาวหยกวางอยู่
“เจ้าสำนักเป็นคนที่รักในขิมจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่เพลงหงส์ฟ้าหาคู่ในตอนนั้นจะทำให้หกแคว้นตกตะลึงได้” มู่จิ่วซีพลันพูดขึ้นมา
ดวงตาหงส์ของฮั่วหยุนเทียนจ้องมองใบหน้างดงามที่ยิ้มกว้างของมู่จิ่วซีอย่างเย็นชา อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
สตรีผู้นี้ไม่กลัวเขาเลยแม้แต่น้อย และยังทำเหมือนกับว่าได้เจอคนรู้จัก
“เรื่องการแต่งงานของคุณหนูใหญ่มู่และเซ่อเจิ้งอ๋องมีอุปสรรคมากมาย ท่านแน่ใจหรือว่าท่านจะสามารถแต่งเข้าจวนเซ่อเจิ้งอ๋องได้สำเร็จ?” ฮั่วหยุนเทียนยั่วยุนาง
“ไม่ได้ ข้ากับเขาถอนหมั้นกันแล้ว” มู่จิ่วซีพูดอย่างตรงไปตรงมา
ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของฮั่วหยุนเทียนมืดมนลงในทันที
“คุณหนูใหญ่มู่ หอดาวจันทร์ไม่ใช่สถานที่ที่คุณหนูใหญ่อย่างท่านจะมาเล่น” น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยคำเตือนอย่างชัดเจน
“ข้าไม่ได้มาเล่น ข้ามาคุยธุรกิจกับท่าน เพียงแต่กลัวว่าท่านจะไม่มาพบข้า จึงต้องอาศัยนามของโม่จุน ตอนนี้มาเข้าเรื่องกันเถอะ” ทันใดนั้น มู่จิ่วซีก็เปลี่ยนท่าทีไปอย่างสิ้นเชิง
ฮั่วหยุนเทียนรู้สึกตกตะลึงในทันที เพราะเขาสัมผัสได้ถึงรังสีฆ่าฟันอันเยือกเย็นที่แผ่ออกมาจากร่างของมู่จิ่วซี เขารู้สึกเหมือนถูกกดดันเล็กน้อย
ดวงตาประสานกัน บรรยากาศราวกับหยุดนิ่งไป
มู่จิ่วซีเห็นความประหลาดใจที่ฉายผ่านดวงตาของฮั่วหยุนเทียน และนี่ก็เพียงพอแล้ว
เมื่อรังสีนั้นถูกเก็บกลับไป อากาศก็อบอุ่นขึ้นมา
“คุณหนูใหญ่มู่ดูจะไม่เหมือนกับข่าวลือเท่าไรนัก” ฮั่วหยุนเทียนเริ่มสนใจในตัวมู่จิ่วซีแล้ว รังสีบนตัวสตรีผู้นี้ เขาคุ้นเคยดี นางเป็นมือสังหาร และยังฆ่าคนไปไม่น้อย
“คนฉลาดไม่เคยเชื่อข่าวลือ สิ่งที่ตาเห็นต่างหากจึงจะเป็นเรื่องจริง” มู่จิ่วซียิ้มอย่างร่าเริง
“ถูกต้อง เป็นข้าเองที่ตื้นเขิน” ฮั่วหยุนเทียนถูกโน้มน้าวด้วยประโยคสั้นๆ เพียงประโยคเดียว
“ท่านไม่ได้นามว่าจิ้งจอกสีม่วงหรือ? ไม่ได้แซ่จื่อหรือ(จื่อ หมายถึง สีม่วง)?” มู่จิ่วซีประหลาดใจเล็กน้อย
ฮั่วหยุนเทียนตามความคิดที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของนางไม่ทัน แต่ก็ส่ายหน้าทันทีแล้วกล่าวว่า “จิ้งจอกสีม่วงเป็นเพียงฉายาที่เพื่อนในยุทธภพตั้งให้เท่านั้น”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง กลับเข้าเรื่องกันเถอะ ข้ารู้ว่าท่านมีเคล็ดวิชากำลังภายในที่แข็งแกร่งมาก และไม่ได้ด้อยไปกว่าเคล็ดวิชากำลังภายในของเซ่อเจิ้งอ๋อง”
“หืม?” ฮั่วหยุนเทียนเลิกคิ้ว “เซ่อเจิ้งอ๋องบอกท่านหรือ?”
“ใช่แล้ว เจ้าหมอนั่นขี้งกเกินไป ข้าอยากได้เคล็ดวิชากำลังภายในที่ดีหน่อย เขาก็ไม่ยอมให้ ดังนั้นจึงให้ข้ามาหาท่าน”
“ฮ่าๆๆ แล้วเจ้าคิดว่าข้าจะให้ท่านหรือ?” ฮั่วหยุนเทียนหัวเราะออกมา เพียงแต่ในเสียงหัวเราะนั้นไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย
“ข้าก็แค่มาลองเสี่ยงโชคดูไม่ใช่หรือ?” มู่จิ่วซียักไหล่
ท่าทีของฮั่วหยุนเทียนพลันเย็นชาลง ดวงตาแดงก่ำ มีความรู้สึกอยากจะลงมือสังหารมู่จิ่วซีในทันที
“คุณหนูใหญ่มู่ ข้าไม่ชอบการล้อเล่น”
“ข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น เรามาพนันกันดีหรือไม่?” มู่จิ่วซีมองไปที่เนื้อเพลงขิมของเขา
“ข้าไม่อยากพนันกับเจ้า เชิญตามสบาย” ฮั่วหยุนเทียนหมดความสนใจแล้ว
“หากข้าบอกว่าข้าสามารถบรรเลงเพลงหงส์ฟ้าหาคู่ของท่านเล่า?” มู่จิ่วซีรู้ว่าบุรุษผู้นี้ไม่มีความอดทน และไม่สามารถล้อเล่นได้จริงๆ
“เพลงหงส์ฟ้าหาคู่ปรากฏขึ้นเมื่อสามปีก่อน มีคนเลียนแบบมากมาย สามารถบรรเลงได้แล้วเก่งมากหรือไร?” ฮั่วหยุนเทียนจ้องมู่จิ่วซีอย่างเย็นชา
“แล้วถ้าข้าบรรเลงได้ดีกว่าท่านเล่า?” มู่จิ่วซียิ้มกว้าง
ดวงตาของฮั่วหยุนเทียนหรี่ลงในทันที จากนั้นก็หัวเราะเสียงต่ำแล้วเอ่ยขึ้น “คุณหนูใหญ่มู่ช่างมีความมั่นใจมากเสียจริง”
“มิบังอาจน้อมรับ แต่ข้าไม่เพียงแต่จะบรรเลงได้ดีกว่าท่านเท่านั้น ข้ายังสามารถช่วยท่านเติมเต็มเพลงที่ไม่สมบูรณ์นี้ได้ และยังสามารถมอบบทเพลงอันยอดเยี่ยมให้แก่ท่านได้อีกหนึ่งบทเพลงด้วย” มู่จิ่วซีเปล่งประกายความมั่นใจอย่างยิ่งออกมาทั่วร่าง
“เจ้าต้องการแลกเปลี่ยนกับเคล็ดวิชากำลังภายในของข้าหรือ?” ฮั่วหยุนเทียนพบว่ามู่จิ่วซีไม่ได้ล้อเล่นจริงๆ
“ถูกต้อง แต่ข้ารู้ว่าความสามารถแค่นี้ไม่สามารถทำให้ท่านประทับใจได้ นี่เป็นเพียงความจริงใจเล็กๆ น้อยๆ ของข้า” มู่จิ่วซียักไหล่
“คุณหนูใหญ่มู่นำขิมมาด้วยหรือ?”
“ไม่ ข้าไม่ได้แตะขิมมานานแล้ว” มู่จิ่วซีมองไปที่ขิมของเขาแล้วเอ่ยขึ้น “ใช้ของท่านได้หรือไม่?”
ฮั่วหยุนเทียนพลันรู้สึกว่าสมองของมู่จิ่วซีไม่ปกติเล็กน้อย
ไม่ได้แตะขิมมานาน ยังกล้าพูดจาโอ้อวด? นางน่าจะยังล้อเล่นอยู่ใช่หรือไม่?
คุณหนูใหญ่ที่เหลวไหลคงไม่รู้ว่าคำว่าตายเขียนอย่างไรกระมัง?
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรม พฤติกรรมและคำพูดของสตรีผู้นี้แปลกมากจริงๆ ไม่เหมือนกับคนปกติ
ฮั่วหยุนเทียนหยิบขิมขึ้นมาวางไว้ตรงหน้าของมู่จิ่วซี
มู่จิ่วซีเห็นว่าเป็นขิมห้าสายตั้งแต่แรกแล้ว ขิมประเภทนี้ไม่ค่อยได้ใช้ในยุคหลัง นางถนัดขิมเจ็ดสายมากที่สุด แต่ถึงแม้จะขาดไปสองสาย ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับนาง
เพลงหงส์ฟ้าหาคู่นี้ นางจำได้ขึ้นใจ เป็นวิชาบังคับตั้งแต่เด็ก
ฮั่วหยุนเทียนมองดูมือของมู่จิ่วซีวางอยู่บนสายขิม แล้วลองดีดดูสองสามครั้ง
ทำให้เขาขมวดคิ้ว ท่าทางแบบนี้เป็นท่าทางของคนที่บรรเลงขิมเป็นจริงๆ หรือ?
หากสตรีผู้นี้คิดจะเล่นตลกกับเขาจริงๆ เขาฮั่วหยุนเทียนจะจับนางโยนทะเลสาบลู่ แม้แต่โม่จุนก็ช่วยนางไม่ได้
ทันใดนั้น มู่จิ่วซีก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วยิ้มเห็นฟันให้ฮั่วหยุนเทียน
นิ้วเรียวเล็กก็เริ่มขยับอย่างคล่องแคล่ว น้ำเสียงทุ้มต่ำไพเราะดังขึ้น ราวกับภูตน้อยที่ซุกซน
เสียงขิมอ่อนหวานแต่ก็หนักแน่น ค่อยๆ ดังแผ่วมา ราวกับสายน้ำไหลเชี่ยว ไหลรินอย่างไม่ขาดสาย จังหวะไพเราะชัดเจน เสียงทุ้มต่ำราวกับร้องไห้และบอกเล่าบางอย่าง ขึ้นลงสลับหนักเบา หักเหหลากหลาย ชวนให้หลั่งน้ำตา
เบื้องหน้าของฮั่วหยุนเทียนราวกับปรากฏภาพสตรีผู้งดงามและอ่อนโยนคนนั้น ความขมขื่นในใจเอ่อล้นออกมา ดวงตาเริ่มชื้นเล็กน้อย
“ปรารถนาจะได้ใจคนผู้หนึ่ง เคียงคู่กันไปจนแก่เฒ่าไม่พรากจาก”
ทันทีที่เสียงขิมหยุดลง ประโยคที่มู่จิ่วซีเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกก็ทำให้ฮั่วหยุนเทียนได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เงยหน้าขึ้นมองสตรีที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกตะลึงอย่างยิ่ง
