บทที่ 3 ย้อนเวลากลับมา
แคว้นผิงเป่ย
รัชศกผิงอันปีที่ห้าสิบ
"คุณหนูรองเจ้าคะ ตื่นเถอะเจ้าค่ะ ตอนนี้สายมากแล้ว หากท่านยังไม่ยอมตื่นเสี่ยวฮูหยินต้องตำหนิท่านอีกเป็นแน่!!! คุณหนูรอง!!!"
เสียงเรียกที่คุ้นหูทำให้เสี่ยวจิ่วฮวาค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา นางขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาคู่สวยกลอกกลิ้งไปมาพลางมองดูไปโดยรอบ ก่อนจะครุ่นคิดในใจ
ข้าตายแล้วหรือนี่ แล้วที่นี่คือที่แห่งหนใดกัน?
"คุณหนู รีบตื่นเถอะเจ้าค่ะ"
เสียงเรียกที่คุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เสี่ยวจิ่วฮวาต้องหันไปมอง ก่อนจะพบกับสาวใช้ของนางนั่นก็คือหูเป่า เสี่ยวจิ่วฮวาลุกพรวดขึ้นมานั่ง ก่อนจะมองไปโดยรอบด้วยความตื่นตระหนก
ที่นีี่มัน?
ห้องนอนของข้ามิใช่หรือ?
ก่อนหน้านี้นางพลัดตกหน้าผาและขาดใจตายไปแล้ว พี่สาวพี่ชาย ท่านแม่ล้วนตายสิ้น ส่วนท่านพ่อก็ไม่ได้พบหน้ากันอีกตลอดกาล แล้วเหตุใดข้าจึงมานอนอยู่ในห้องนอนตนเองยามนี้ได้เล่า?
ยิ่งคิดเสี่ยวจิ่วฮวาก็ยิ่งปวดหนึบที่ศีรษะ นางยกมือขึ้นกุมศีรษะตนเอง พยายามครุ่นคิดเท่าใดก็ยิ่งปวดหัวหนักกว่าเดิม หูเป่าที่เห็นท่าทีเช่นนี้ของผู้เป็นนายจึงรีบเอ่ยถาม
"คุณหนูรองเจ้าคะ ท่านเป็นอันใดไป รอสักครู่บ่าวจะนำน้ำอุ่นมาให้ท่านเช็ดหน้า เผื่อว่าจะรู้สึกดีขึ้น"
หูเป่ายังไม่ทันได้ลุกขึ้นก็ถูกเสี่ยวจิ่วฮวาคว้าจับแขนเอาไว้ สาวใช้น้อยหันกลับมามองผู้เป็นนายด้วยแววตาที่หวาดหวั่น นี่มิใช่ว่าเพราะถูกนางปลุกจนทำให้คุณหนูรองอารมณ์เสียแล้วจะพาลมาตบตีนางหรอกนะ
เสี่ยวจิ่วฮวามัวแต่ครุ่นคิดจนไม่ทันสังเกตท่าทีหวาดกลัวของหูเป่าเลยแม้แต่น้อย
"หูเป่า ยามนี้รัชศกใด?"
หูเป่าที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วมุ่น นี่คุณหนูรองนอนเยอะไปจนสมองเลอะเลือนไปแล้วหรือ
แม้ในใจจะสงสัยแต่หูเป่ากลับไม่กล้าชักช้ารีบเอ่ยตอบทันที
"รัชศกผิงอันปีที่ห้าสิบเจ้าค่ะ"
รัชศกผิงอันปีที่ห้าสิบอย่างนั้นหรือ?
เสี่ยวจิ่วฮวาลุกพรวดพราดจากเตียงนอน ก่อนจะวิ่งออกไปที่ด้านนอกทันที
เมื่อวิ่งออกมา นางก็มองเห็นว่าตอนนี้ดอกหลานฮวากำลังออกดอกงดงามยิ่งนัก ทั่วทั้งจวนเต็มไปด้วยร่มไม้เขียวขจี ชิงช้าที่ผูกอยู่ใต้ต้นไม้แกว่งไกวไปมาตามสายลม เสี่ยวจิ่วฮวาดวงตาแดงก่ำ ก่อนจะยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
รัชศกผิงอันปีที่ห้าสิบ ฤดูใบไม้ผลิปีนั้น ปีที่นางมีอายุเพียงสิบสี่ปี ปีที่ฉินอี๋เหนียงเพิ่งจะตายจากไป ปีที่นางได้รู้ว่าตนเองคือบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอก ปีที่ยังไม่เกิดโศกนาฏกรรรมเลวร้ายขึ้น!!!
เสี่ยวจิ่วฮวายกมือขึ้นเช็ดน้ำตา อีกทั้งยังหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นหยิกเอวตนเองเต็มแรงเพื่อให้แน่ใจว่าภาพตรงหน้าไม่ใช่เพียงความฝันตื่นหนึ่งและอาจจะมลายหายไป ความเจ็บทำให้นางได้สติแจ่มชัดมากกว่าเดิม
สวรรค์ สวรรค์ยังเมตตาข้าอยู่ใช่หรือไม่!!!
เสี่ยวจิ่วฮวามองไปยังเรือนใหญ่ ซึ่งเป็นที่อยู่ของมารดาที่แท้จริงของนาง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย พร้อมกับครุ่นคิดในใจ
ท่านแม่เจ้าคะ ลูกกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!
เมื่อตั้งสติและรับรู้ได้ว่าสิ่งใดเป็นสิ่งใด เสี่ยวจิ่วฮวาจึงรีบกลับเข้ามาในห้องนอน และสั่งให้หูเป่าเตรียมน้ำมาให้นางล้างหน้า ก่อนจะรีบอาบน้ำและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ทันที เมื่อรับอาหารมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว นางก็รีบไปเรือนใหญ่อย่างไม่รอช้า
เสี่ยวจิ่วฮวาพยายามเก็บความลนลานในใจของตนเองและทำตัวให้เป็นปกติ การย้อนเวลากลับมาในครั้งนี้กระทันหันมากเกินไป นางยังไม่ทันได้เตรียมใจวางแผนตั้งรับสิ่งใดก็พบว่าตนเองได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนที่ีอายุเพียงสิบสี่ปีเสียแล้ว
เหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นต่อไปนางไม่อาจควบคุมมันได้และยังไม่มีแผนรับมือในตอนนี้ แต่สิ่งที่นางจะทำได้ในตอนนี้ก็คือ การทำตัวใหม่ ทำให้ทุกสิ่งเป็นไปในทางที่ดี ส่วนเรื่องอื่นนั้นค่อยว่ากันเถอะ!!!
เสี่ยวจิ่วฮวามองไปโดยรอบ ตอนนี่ทั่วทั้งจวนบ่าวไพร่กำลังเดินไปมา บ้างก็ไปทำความสะอาดสวน บ้างก็คอยเก็บกวาดเช็ดถูตามส่วนต่างๆของเรือน แต่ทว่าเมื่อเหล่าบ่าวรับใช้เห็นนางก็แทบจะไม่กล้าสบตา พากันทำความเคารพและก้มหน้างุด เสี่ยวจิ่วฮวาส่งเสียงเฮอะในลำคอ นางรู้ดีวาเพราะเหตุใดบ่าวรับใช้จึงมีท่าทีหวาดกลัวนางถึงเพียงนี้
ในชาติก่อนนั้นมีสาวใช้น้อยนางหนึ่งมองนาง เพียงแค่มองเท่านั้นแต่นางกลับไม่ชอบใจเสียแล้ว ถึงกับสั่งตบปากสาวใช้น้อยจนเลือดกลบปาก และบอกว่าอย่าคิดมาจ้องมองหน้านาง หัดรู้จักที่ต่ำที่สูงเจียมกะลาหัวเสียบ้าง!!!
เสี่ยวจิ่วฮวาหลับตาลง ก่อนจะครุ่นคิดในใจ
เสี่ยวจิ่วฮวาเอ๋ย เขาก็แค่มองเจ้า ไม่ได้ทำสิ่งใดให้เจ้าเจ็บแค้นขุ่นเคืองใจเลยแม้แต่น้อย!!
หากชาติก่อนข้าคิดได้เช่นนี้ ชีวิตข้าคงไม่จมปลักอยู่กับความทะเยอทะยานและริษยาที่นำพาข้าไปสู่หายนะและความน่าหวาดกลัวเหล่านั้น
หูเป่าที่เดินตามเจ้านายก็รู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อย นางเกรงว่าจะมีสาวใช้บางคนมายั่วโทสะคุณหนูรองเข้าจนเกิดการลงไม้ลงมือแล้วเสี่ยวฮูหยินอาจจะทำโทษคุณหนูรองได้
เสี่ยวจิ่วฮวาเดินมาเรื่อยๆจนถึงเรือนใหญ่ ในขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปด้านในนางก็ชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันไปเอ่ยกับสาวใช้ที่ยืนเฝ้าหน้าประตู
"ไปแจ้งท่านแม่ว่าข้ามาแล้ว"
หูเป่าหันขวับมามองเสี่ยวจิ่วฮวาทันที พร้อมกับสงสัยไม่น้อย แต่ไหนแต่ไรหากมาที่เรือนของเสี่ยวฮูหยินคุณหนูรองไม่เคยบอกกล่าว นึกจะเข้าไปก็เข้าไม่สนใจกฎระเบียบหรือสิ่งใด แต่วันนี้กับบอกสาวใช้ให้ไปแจ้งเสี่ยวฮูหยินก่อน
หรือว่านอนหลับมากไปจนสติพิกลพิการไปเสียแล้ว!!!
เสี่ยวจิ่วฮวาที่เห็นท่าทีสงสัยของสาวใช้ก็เอ่ยขึ้นมาทันที
"ทำไม ข้าสั่งพวกเจ้าก็ไม่ทำหรือ"
"ทำเจ้าค่ะ!!!บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้"
เมื่อสาวใช้เข้าไปแจ้งเสี่ยวฮูหยินแล้ว เสี่ยวจิ่วฮวาก็ปรายตามองหูเป่า ก่อนจะเอ่ย
"เหตุใดทำหน้าเช่นนั้น นี่เจ้ากำลังสงสัยว่าเหตุใดวันนี้ข้าจึงมีมรรยาทมากกว่าทุกวันใช่หรือไม่"
"เอ่อ บ่าวไม่กล้า"
"ปากบอกไม่กล้า แต่แววตาเจ้ามันฟ้อง"
“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ!!!”
"เอาเถิด!! จะมาบ่าวผิดบ่าวไม่ผิดอันใดกัน ข้าแค่ถามไม่ได้จะฆ่าเจ้าเสียหน่อย ทำไมกัน แค่คุณหนูของเจ้าอยากจะเป็นคนดีดูบ้างเจ้าว่ามันแปลกหรือ"
"ไม่เจ้าค่ะ"
เสี่ยวจิ่วฮวายิ้มออกมาเล็กน้อย หูเป่าที่เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเสี่ยวจิ่วฮวาเช่นนี้ก็ขนลุกขนชันขึ้นมาทันที
ทุกครั้งที่คุณหนูรองยิ้มเช่นนี้จะต้องมีคนเจ็บตัวเสมอ!!
รออยู่ไม่นานสาวใช้ก็เข้ามาแจ้งว่าเสี่ยวฮูหยินให้เสี่ยวจิ่วฮวาเข้าไปได้ นางไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงบอกให้หูเป่ารออยู่ด้านนอก ก่อนจะเดินเข้าไปในเรือนใหญ่
เสี่ยวฮูหยินที่กำลังนั่งปักผ้าเช็ดหน้าเมื่อเห็นว่าบุตรสาวเดินเข้ามาแล้วก็วางงานปักในมือลง ก่อนจะเอ่ย
"วันนี้เจ้านึกสนุกอันใดกัน จึงทำตามกฎระเบียบที่ข้าเคยสอน ทุกครั้งข้าเห็นเจ้านึกอยากจะเข้าออกเรือนใดก็ไปตามใจชอบ"
เสี่ยวจิ่วฮวาที่ได้ยินอย่างนั้นก็เพียงยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
"เมื่อคืนวิญญาณบรรพบุรุษมาเข้าฝันข้าน่ะเจ้าค่ะ บอกว่าให้ทำดีกับท่านแม่หน่อย ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้เป็นลูกรักของท่าน"
เสี่ยวฮูหยินที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ย
"นี่เจ้ากล้าเอาวิญญาณบรรพบุรุษมาล้อเล่นเชียวหรือ เจ้านี่มัน!!!"
เสี่ยวจิ่วฮวาลอบไว้อาลัยให้ตนเองในใจ ปากนางนี่มันไม่มีหูรูดจริงๆ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะพูดดีดีกับท่านแม่แต่นางกลับละทิ้งนิสัยต่อปากต่อคำไม่ได้
จะว่าไปแล้วคนที่น่าโดนตบฟันร่วงไม่น่าใช่สาวใช้ น่าจะเป็นนางเองมากกว่า!!!
เสี่ยวจิ่วฮวาที่ถูกดุด่าก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด นางปรายตามองเสี่ยวเย่วหยาที่ตอนนี้กำลังนั่งปักผ้าเช็ดหน้าในมือของละเมียดละไม พลันภาพเก่าๆก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง
ภาพที่เสี่ยวเย่วหยาป้อนข้าวป้อนน้ำป้อนยาให้นาง ภาพที่เสี่ยวเย่วหยาตายอย่างไม่เป็นธรรมเพราะปกป้องนางและท่านแม่ ภาพที่นางทำร้ายพี่สาวแต่พี่สาวคนนี้กลับไม่เคยต่อว่านางเลยสักคำ
ฉับพลันเสี่ยวจิ่วฮวาก็รู้สึกว่าดวงตาของตนร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ นางเงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ตอนนี้จะแสดงท่าทีลึกซึ้งสำนึกผิดก็คงยังไม่ใช่เวลา
เสี่ยวเย่วหยาปีนี้ก็มีอายุยี่สิบปีแล้ว แต่เพราะสุขภาพไม่ดีมาตั้งแต่วัยเยาว์ จึงให้ออกเรือนล่าช้ากว่าสตรีจวนอื่นๆ ตั้งแต่เล็กสุขภาพของนางก็สู้ แต่เพราะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากเสี่ยวฮูหยินสองสามปีมานี้สุขภาพของนางจึงดีขึ้นมาก ได้ยินมาว่าเสี่ยวฮูหยินเองก็เริ่มจะมองหาบุรุษที่ดีให้นางบ้างแล้ว
เสี่ยวเย่วหยาที่ถูกน้องสาวจ้องมองก็ทำตัวไม่ถูก นางรีบก้มหน้างุด หลีกเลี่ยงการปะทะกับเสี่ยวจิ่วฮวา วันก่อนเพราะสาวใช้นางใจกล้าทนเห็นนางถูกเสี่ยวจิ่วฮวารังแกไม่ได้จึงต่อว่าเสี่ยวจิ่วฮวาอย่างไม่รู้จักกฎระเบียบ จึงถูกเสี่ยวจิ่วฮวาสั่งโบยปางตาย
นางรู้ตัวดีว่านางเป็นเพียงบุตรสาวที่เกิดจากอดีตฮูหยิน ไร้ที่พึ่งพา จะสู้บุตรสาวที่แท้จริงของฮูหยินคนใหม่ได้อย่างไรกัน
เสี่ยวฮูหยินปรายตามองท่าทีของเสี่ยวจิ่วฮวาก่อนจะถอนหายใจออกมา บุตรสาวที่แท้จริงของนางคนนี้ถูกฉินอี๋เหนียงเลี้ยงดูจนเสียนิสัยไปแล้ว มีหรือนางจะไม่รู้ว่าเสี่ยวจิ่วฮวาๆวันนอกจะเอาแต่แต่งหน้าแต่งตัวแล้ว ยังชอบทุบตีบ่าวไพร่ หาเรื่องพี่สาว ใช้เงินมือเติบ ชอบออกไปแต่งตัวยั่วยวนบุรุษที่นอกจวน นางปวดหัวยิ่งนัก นี่ก็พยายามอบรมสั่งสอนมาร่วมหลายเดือนแล้วตั้งแต่ที่ฉินอี๋เหนียงตายจากไป แต่เสี่ยวจิ่วฮวาก็ยังไม่มีทีท่าจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งนานวันยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ!!!
ยิ่งได้เห็นท่าทีตอนนี้ของบุตรสาวที่แสร้งทำเป็นดวงตาแดงก่ำ นางก็ยิ่งปวดหัว
"อาจิ่ว เจ้าไม่ต้องมาทำท่าทางน่าสงสารเช่นนี้ วันก่อนที่เจ้าทำร้ายคนของพี่สาวเจ้าข้ายังไม่ได้กล่าวโทษเจ้าเลย เป็นเจ้านายคนเหตุใดไม่มีเมตตาบ้างเล่า ฉินอี๋เหนียงสอนเจ้ามาเช่นนี้หรือ!!!"
"ท่านแม่ อย่าตำหนิน้องรองเลยเจ้าค่ะ คนของลูกไม่รู้ที่ต่ำที่สูง เป็นบ่าวไม่ควรล่วงเกินนาย ถูกน้องรองสั่งสอนก็ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ"
เสี่ยวเย่วหยารีบเอ่ยขึ้นมาทันที ก่อนจะหันไปมองเสี่ยวจิ่วฮวาด้วยแววตาไม่สบายใจเท่าใด
เสี่ยวจิ่วฮวาที่ได้ยินอย่างนั้นก็กำมือแน่น ทุกครั้งที่ดุด่าท่านแม่ต้องเอาฉินอี๋เหนียงขึ้นมาอ้าง เหมือนต้องการจะย้ำเตือนนางอย่างไรอย่างนั้น โทสะในใจของเสี่ยวจิ่วฮวาเริ่มพลุ่งพล่าน แต่นางพยายามเก็บกดมันเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
"ข้าลงมือหนักไปหน่อย ต้องขออภัยพี่หญิงใหญ่ด้วยเจ้าค่ะ หากคนของพี่หญิงใหญ่ไม่พอใช้ ข้าจะมอบสาวใช้ของข้าทดแทนให้ท่านคนหนึ่ง หากไม่มีสิ่งใดแล้ว ข้าขอตัวก่อน"
นางเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินออกไป เสี่ยวเย่วหยาขมวดคิ้วมุ่น เสี่ยวด้านฮูหยินก็แปลกใจเช่นกัน บุตรสาวตัวดีของนางวันนี้นอกจะรู้มรรยาท ไม่อาละวาดทุบตีคนแล้ว อีกทั้งยังมีน้ำใจจะมอบสาวใช้ให้เสี่ยวเย่วหยาอีกต่างหาก
นางมีแผนใดอยู่ในใจกันแน่!!!
เสี่ยวฮูหยินถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปเอ่ยกับเสี่ยวเย่วหยา
"เย่วหยา เจ้าอย่าถือโทษนางเลยนะ แม่จะชดเชยให้เจ้าเอง"
"ท่านแม่ ลูกบอกแล้วว่าไม่ใช่ความผิดของน้องรองเลยเจ้าค่ะ นางคงน้อยใจจึงเดินออกไปเช่นนั้น"
เสี่ยวฮูหยินไม่เอ่ยสิ่งใด ทั้งที่ในใจร้อนรนไม่น้อย ครั้งนี้ที่เห็นว่าเสี่ยวจิ่วฮวาไม่อาละวาดอีกทั้งยังเดินออกไปโดยไม่มองนางอีก ในใจของนางก็ไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อคิดได้อย่างนั้นเสี่ยวฮูหยินจึงหันไปเอ่ยกับสาวใช้ของตนทันที
"เจ้าไปที่ห้องครัว ทำของกินไปส่งที่เรือนของคุณหนูรองให้มากหน่อย"
"เจ้าค่ะฮูหยิน"
เสี่ยวเย่วหยาที่ได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าก้มตาปักผ้าเช็ดหน้าในมือต่อไป