บทที่ 6
เพ่ยเพ่ยมองดูถนนสายหลักที่ทอดยาวในตลาดอย่างตื่นตาตื่นใจ เธอแวะเข้าออกร้านนู้นทีร้านนี้ที อันที่จริงแล้วเธอเดินเข้าแทบจะทุกร้าน เรียกได้ว่าเป็นการสำรวจตลาดแบบทุกซอกทุกมุมเลยก็ว่าได้
เพ่ยเพ่ยเดินเข้าออกหลายร้านก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่ร้านขายมีดร้านหนึ่ง
"คุณชาย ท่านต้องการมีดแบบไหนรึขอรับ ร้านข้ามีมีดหลายแบบหลายขนาดเลย ท่านสนใจมีดแบบไหนเป็นพิเศษ ข้าช่วยแนะนำให้ท่านได้นะขอรับ"
"เถ้าแก่พอจะมีมีดสั้นที่เอาไว้ใช้สำหรับป้องกันตัวหรือไม่ข้าขอดูหน่อย"
เพ่ยเพ่ยถามด้วยความสนใจ
"มีขอรับคุณชาย"
ไม่นานเถ้าแก่ก็นำมีดสี่ห้าเล่มออกมาจากหลังร้านให้เพ่ยเพ่ยได้เลือกสรร
เพ่ยเพ่ยจับมีดพลิกไปพลิกมา เธอลองโยนมีดไปมาเพื่อหาเล่มที่นางใช้ถนัดมือมากที่สุด
"ข้าเอาเล่มนี้ก็แล้วกันเถ้าแก่"
"แล้วท่านพอจะมีมีดบินหรือไม่ ขอมีดเล็กสักสองสามเล่มที่พอจะซ่อนไว้ใช้เป็นอาวุธลับได้บ้างไหม"
เพ่ยเพ่ยลดเสียงขณะถามคำถามกับเถ้าแก่ร้านมีด
"มีขอรับคุณชาย ท่านต้องการอะไรเพิ่มอีกหรือไม่ขอรับ"
เถ้าแก่ถามพลางส่งมีดบินให้เพ่ยเพ่ยดู
"เอาแค่เท่านี้ก่อนเถ้าแก่"
"ขอรับคุณชาย"
เพ่ยเพ่ยจ่ายเงินเสร็จก็เดินออกจากร้านไป พร้อมกับชิงชิงที่ทำหน้าฉงน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยคำถามมากมายว่าคุณหนูจะเอามีดพวกนี้ไปทำอะไรกัน
หึ…ช่างเป็นสตรีที่น่าสนใจนัก
บุรุษรูปงามในชุดสีน้ำเงินยกยิ้มในใจ เขาพอจะดูออกว่าพวกนางเป็นสตรีที่ปลอมเป็นชาย ขนาดปลอมเป็นชายยังดูรูปงามขนาดนี้ หากแต่งเป็นหญิงนางจะงดงามขนาดไหน
ท่าทางที่นางโยนมีดไปมานั้นดูชำนาญอย่างมาก เหมือนคนที่เคยใช้มีดในการต่อสู้มาก่อน อีกทั้งรูปโฉมของนางที่ดูสะดุดตา จึงทำให้เขานึกสนใจนางอยู่ไม่น้อยเลย
เขาลอบมองดูเพ่ยเพ่ยตั้งแต่ที่พวกนางเดินเข้ามาในร้านขายมีดแล้ว แต่ด้วยความตื่นเต้นเพ่ยเพ่ยจึงไม่ได้สังเกตเห็นเขา
"คารวะท่านรองแม่ทัพไป๋ มีดที่ท่านสั่งทำไว้ได้แล้วขอรับ ไม่คิดว่าท่านจะมารับด้วยตัวเอง ข้ากำลังจะให้ลูกน้องนำไปให้ที่จวนอยู่พอดีเลยขอรับ"
เถ้าแก่ร้านมีดกล่าวทักทายบุรุษชุดน้ำเงินผู้นั้น
"ไม่ลำบากท่านหรอกเถ้าแก่ ข้าผ่านมาแถวนี้พอดีจึงแวะเข้ามาดูว่าของที่สั่งไว้ทำเสร็จแล้วหรือยัง"
"ไม่ลำบากอะไรเลยขอรับ นี่ขอรับมีดที่ท่านรองแม่ทัพสั่งทำ เชิญท่านตรวจสอบได้เลยขอรับ"
เถ้าแก่ยื่นมีดให้เขาอย่างนอบน้อม
'ไป๋หลิงฟง' รับมีดเล่มนั้นมา เมื่อตรวจสอบจนพอใจแล้วจึงเดินออกมาจากร้านขายมีด เขากวาดสายตามองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของสตรีปลอมเป็นบุรุษสองนางนั้นแล้ว
"หากมีวาสนาคงได้เจอกันอีก"
ไป๋หลิงฟงกล่าวกับตัวเอง สายตาก็จับจ้องไปบนถนนที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน
เพ่ยเพ่ยเดินเล่นในตลาดจนเริ่มเหนื่อยและเริ่มหิว เธอจึงชวนชิงชิงเข้าไปหาอะไรทานในโรงเตี๊ยมหรูหราที่ตั้งอยู่ใจกลางตลาด
เพ่ยเพ่ยมองสถานที่ตรงหน้า 'โรงเตี๊ยมมู่เหอ'
ทำเลดีไม่น้อยเลย กิจการก็ใหญ่โต หากข้าสามารถมีกิจการแบบนี้ได้บ้างก็คงดี
"คุณหนูจะรับสำรับที่นี่หรือเจ้าคะ"
ชิงชิงถามขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล
"ใช่สิ ทำไมล่ะ ไม่ได้หรือ ข้าหิวมากแล้ว อีกอย่างเจ้าห้ามเรียกข้าว่าคุณหนู เจ้าต้องเรียกข้าว่าคุณชาย เข้าใจไหม"
"เอ่อ…ขอรับคุณชาย ข้าเพียงคิดว่าที่นี่เป็นร้านดัง ผู้คนพลุกพล่านมากเกินไป ข้ากลัวว่าคุณชายอาจจะพบปะคนรู้จักเข้าได้ขอรับ"
"จริงสิ ข้าก็ลืมไป แต่กินที่นี่แหล่ะ ไม่มีใครจำเราได้หรอกอย่าลืมสิว่าวันนี้เราปลอมตัวเป็นบุรุษ"
เพ่ยเพ่ยพูดจบก็ไม่รอให้ชิงชิงคัดค้าน เธอหมุนตัวแล้วรีบเดินเข้าไปในร้านทันที เธอหิวมากและไม่อยากเสียเวลาเปลี่ยนร้านแล้ว
"คุณชายมากันสองท่านใช่ไหมขอรับ"
เสี่ยวเอ้อเอ่ยถามอย่างนอบน้อม
"ใช่แล้ว ช่วยหาที่นั่งเงียบๆ ให้ข้าที แล้วช่วยจัดชาชั้นดีกับอาหารขึ้นชื่อของที่นี่มาให้ข้าสักสองสามอย่างด้วย"
เพ่ยเพ่ยกดเสียงเข้ม สั่งอาหารฉะฉานราวกับว่าเป็นคนในยุคสมัยนี้ แต่หารู้ไม่ นางนั้นพูดตามบทในนิยายจีนที่ตัวเองเคยอ่านมาเป๊ะๆ
เพ่ยเพ่ยและชิงชิงนั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่าง
อืม…วิวดีมากจริงๆ
เพ่ยเพ่ยคิดแล้วก็มองออกไปชมวิวนอกร้านสอดส่ายสายตาดูวิถีชีวิตของชาวบ้านในตลาด
ที่มุมหนึ่งไม่ไกลจากโต๊ะที่พวกนางนั่งอยู่ บุรุษรูปงามสองคนก็กำลังนั่งสนทนากันอยู่ บุรุษในชุดสีน้ำเงินสอดส่ายสายตาไปมองเพ่ยเพ่ยทันทีที่นางเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสอง
หรือเราจะมีวาสนาต่อกันจริงๆ สาวน้อย
เขายกยิ้มมุมปากขึ้นจนบุรุษชุดขาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามต้องหันไปมองตามสายตาของเขาด้วยความสงสัยใครรู้
หืมบุรุษงั้นรึ นึกว่าจะมองคุณหนูบ้านไหนเสียอีก
แล้วทำไมบุรุษร่างบางสองคนนั้นจึงดูคุ้นตานัก ชายชุดขาวมองบุรุษสองคนไปมาจนหัวคิ้วเริ่มย่นเข้าหากัน
หึ…คงจะไม่ใช่อย่างที่ข้าคิดหรอกนะ!
เพ่ยเพ่ยรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังจ้องมองเธออยู่ เธอจึงได้หันหน้าไปมองอย่างไม่เกรงกลัว เธอสบสายตาเข้ากับบุรุษชุดขาว พลันความทรงจำของหยางเพ่ยเพ่ยก็ปรากฏชัดขึ้นมาในหัว
"ซวยแล้ว! ชิงชิงนั่นคงจะไม่ใช่พี่ชายของข้าหรอกใช่ไหม"
เพ่ยเพ่ยหน้าตาบูดเบี้ยวแทบจะดูไม่ได้ ชิงชิงหันไปมองตามเพ่ยเพ่ย ก่อนที่จะตกใจจนเกือบจะทำจอกน้ำชาหล่นลงพื้น
"คุณชายใหญ่!”
"เจ้ารู้จักพวกนางหรือ? "
หยางเฟยเอ่ยถามไป๋หลิงฟง เพราะเห็นอยู่ว่าสหายของตนจ้องมองพวกนางไม่วางตา แถมยังยิ้มแปลกๆ ดูมีพิรุจนัก
"เจ้าเรียกสองคนนั้นว่า 'พวกนาง' อย่างนั้นรึ"
ไป๋หลิงฟงถามหยางเฟยเพื่อไขความกระจ่างให้กับการคาดคะเนของตน
"ฮ่าๆ พวกนางเป็นสตรีจริงๆ สินะ ข้าก็ว่าข้ามองไม่ผิดแน่ ใบหน้าเรียวเล็ก รูปร่างก็บอบบางแต่กลับมีส่วนเว้าส่วนโค้ง ท่าทางการเดินก็มิเหมือนบุรุษเลยสักนิด ดูขัดๆ อย่างไรมิรู้"
"เจ้าจำนางไม่ได้ก็ไม่แปลกหรอกหลิงฟง"
"เจ้าถามเช่นนี้ หมายความว่าข้าเคยรู้จักนางมาก่อนอย่างนั้นรึ ทำไมข้ามิยักจะจำได้ว่าเคยรู้จักสตรีงดงามเช่นนี้เลย"
ไป๋หลิงฟงขมวดคิ้ว พยายามคิดให้ออกว่าตนเคยรู้จักพวกนางด้วยหรือ
"นั่นเพ่ยเพ่ยเจ้าก้อนซาลาเปาที่คอยวิ่งตามติดเจ้าตอนเด็กอย่างไรเล่า ใครจะไปคิดว่าโตขึ้นมาจะงดงามถึงเพียงนี้ใช่ไหมล่ะ"
หยางเฟยพูดจบก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจในความงดงามของน้องสาวตัวเอง
"เพ่ยเพ่ยงั้นหรือ น้องสาวของเจ้าที่เมื่อก่อนตัวกลมๆ แก้มป่องเหมือนซาลาเปาคนนั้นน่ะหรือ"
ไป๋หลิงฟงทำตาโต ทำไมเขาถึงจำนางไม่ได้กันนะ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเขาเอ็นดูนางออกขนาดนั้น ราวกับว่านางเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขา
"ถ้าเช่นนั้นนางก็คือหมิงหวางเฟยน่ะสิ? "
หยางเฟยเห็นสีหน้าผิดหวังของไป๋หลิงฟงแล้วก็ให้รู้สึกตะขิดตะขวงในใจ
นี่เจ้าคงไม่ได้นึกชอบน้องข้าหรอกใช่ไหม ช่างน่าเสียดายจริงๆ ทำไมพวกเจ้าถึงไม่เจอกันเร็วกว่านี้นะ
หยางเฟยได้แต่แอบเสียดายอยู่ในใจ เขาอยากได้สหายผู้นี้มาเป็นน้องเขยเขามากกว่าอ๋องหมิงเสียอีก
"คุณหนู บ่าวว่าคุณชายใหญ่ต้องจำพวกเราได้แน่ๆ เลยเจ้าค่ะ"
ชิงชิงเอ่ยเสียงสั่น ก้มหน้างุดไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมา
"ชิงชิง เจ้าอย่าเพิ่งแสดงอาการร้อนตัวไป พี่ใหญ่อาจจะแค่สงสัยเฉยๆ ถ้าพี่ใหญ่รู้ว่าเป็นพวกเรา ป่านนี้ก็ต้องเดินเข้ามาแล้วสิ"
เพ่ยเพ่ยเอ่ยยังไม่ทันขาดคำ เสียงคุ้นหูก็ดังขึ้น
"ชิงชิง! เจ้ามานี่"
ชิงชิงสะดุ้งตัวลุกขึ้นยืนในทันที นางเดินตรงไปหาหยางเฟย สั่นเทิ้มไปทั้งตัว นางก้มหน้าจนแทบจะเดินชนโต๊ะทุกตัวระหว่างทาง ก่อนที่จะไปหยุดอยู่ที่ข้างโต๊ะของหยางเฟย
โอ้ย…ชิงชิง จากแค่สงสัย เจ้าทำร้อนตัวขนาดนี้เขาก็รู้กันหมดแล้วไหม จะขวัญอ่อนอะไรขนาดนั้น
เพ่ยเพ่ยส่ายหัวไปมา นางจนใจกับสาวใช้จอมซื่อของนางจริงๆ สงสัยกลับไปต้องเกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่เสียแล้ว