บทที่ 7
"เงยหน้าขึ้นชิงชิง! เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าทำอะไรผิด"
หยางเฟยดุชิงชิงจนตอนนี้นางตัวสั่นเสียยิ่งว่าเดิม
"ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ"
ชิงชิงกล่าวพร้อมทิ้งตัวลงไปนั่งคุกเข่ารอรับโทษ
"ข้าต้องโบยเจ้าสักกี่ไม้ดีชิงชิง เจ้าถึงจะหลาบจำ"
หยางเฟยเอ่ยกับชิงชิง แต่เขากลับหันมาส่งสายตาดุให้น้องสาวตัวแสบของเขา
"พี่ใหญ่ เป็นความผิดข้าเอง ข้าบังคับนางให้พาข้าออกมาเองเจ้าค่ะ ท่านเลิกข่มขู่นางได้แล้ว นางกลัวจนหน้าซีดหมดแล้วท่านไม่เห็นรึ"
เพ่ยเพ่ยเดินไปสมทบที่โต๊ะของหยางเฟยด้วยอีกคน ท่าทางนางเอาเรื่องน่าดูและดูเหมือนว่านางจะไม่พอใจที่เขาข่มขู่คนสนิทของตน
"หึ ทำไมเจ้าถึงทำตัวพิเรนทร์เช่นนี้เพ่ยเพ่ย เจ้าลืมไปแล้วหรือไรว่าตัวเองเพิ่งจะออกเรือนมิใช่เด็กๆ ดังเช่นเมื่อก่อนแล้ว ทำไมจึงออกมาเที่ยวสนุกเช่นนี้ แล้วนี่อะไร ไยต้องแต่งตัวเป็นบุรุษ อย่าบอกข้าเชียวนะว่าเจ้าแอบออกมา"
หยางเฟยชี้พัดไปที่นางตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วเอาพัดกลับขึ้นมาเคาะลงบนหัวเพ่ยเพ่ยเบาๆ หนึ่งที
"โอ้ย!…พี่ใหญ่ ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะเจ้าคะ อย่ามาเคาะหัวข้าเช่นนี้"
เพ่ยเพ่ยยืนเถียงเขาตาใส
"ก็ใช่น่ะสิ เจ้ามิใช่เด็กแล้ว ทำไมจึงทำตัวไร้หัวคิดเช่นนี้"
หยางเฟยได้แต่ส่ายหัวไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย
"ทำให้เจ้าต้องหัวเราะแล้วหลิงฟง คุณหนูสกุลหยางทำตัวน่าขายหน้าเสียจริง"
หยางเฟยหันไปสนทนากับบุรุษชุดน้ำเงินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา
"เจ้าอย่าได้คิดมากไปอาเฟย เพ่ยเพ่ยก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้ขายหน้าเสียหน่อย นางคงจะเบื่อเจ้าอ๋องนั่น ถึงต้องออกมาปลดปล่อยเสียบ้าง"
หลิงฟงกล่าวไม่ไว้หน้าอ๋องหมิงเลยแม้แต่น้อยจนเพ่ยเพ่ยจ้องเขาตาค้าง
"เอ๋ ทำไมท่านถึงรู้ล่ะเจ้าคะว่าเขาน่าเบื่อ"
เพ่ยเพ่ยมองบุรุษรูปงาม พร้อมกับทำหน้าสงสัย
เขาสนิทสนมคุ้นเคยกับอ๋องหมิงอย่างนั้นรึ ไม่ยักรู้ว่าเจ้าอ๋องนั่นจะมีเพื่อนที่ดูน่าคบหากับเขาอยู่เหมือนกัน
"ก็เจ้านั่นมันน่าเบื่อจะตายไป แล้วเหตุใดเจ้าจึงเรียกข้าห่างเหินเช่นนั้น เรียกพี่หลิงฟงเหมือนแต่ก่อนเถิด"
เพ่ยเพ่ยเริ่มรู้สึกได้ว่านางใจเต้นแรงผิดปกติ
ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆ กับบุรุษตรงหน้ากันนะ ทำไมใจเต้นแรงแบบนี้
ใช่อยู่ว่าเขารูปงาม รอยยิ้มของเขาเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แบบหนุ่มขี้เล่น แต่มันเหมือนมีความรู้สึกอะไรลึกๆ บางอย่างที่ทำให้นางละสายตาจากเขาไปไม่ได้ พลันความทรงจำเกี่ยวกับไป๋หลิงฟงก็แวบเข้ามาในหัว
ให้ตายเถอะ บุรุษผู้นี้เขาเป็นรักแรกของแม่นางหยางนี่
มิน่าเล่า นางถึงใจเต้นแบบนี้ ไม่นะ ทำไมข้าถึงรู้สึกร้อนๆ ที่ใบหน้า อย่าบอกเชียวนะว่าข้าหน้าแดง เป็นไปได้ว่าความรู้สึกนี่มาจากจิตใต้สำนึกของแม่นางหยางหรือเปล่า หากเป็นตัวนาง นางคงไม่ออกอาการเขินอายเขาง่ายดายเช่นนี้
ย้อนไปยามที่หยางเพ่ยเพ่ยอายุได้เพียงแปดหนาว นางจำได้ว่า ไป๋หลิงฟงเป็นสหายรักของหยางเฟย เขามักมาหาพี่ใหญ่ที่จวนอยู่เป็นประจำ นางแอบชอบเขามานานแล้ว เขาเองก็มักจะใจดีกับนางเสมอ
ยามที่พี่ใหญ่กับพี่รองล้อเลียนนาง ก็มีเพียงเขาเท่านั้นที่ไม่เล่นตามน้ำไปกับพวกพี่ชายจอมเกเรของนาง แต่กลับคอยปลอบใจนางทุกครั้งที่โดนพี่ชายแกล้ง
สมัยเด็กหยางเพ่ยเพ่ยนั้นถือว่าเป็นเด็กที่จ้ำม่ำมีเนื้อหนังเกินเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่สักหน่อย มีเพียงพี่หลิงฟงที่คอยพูดปลอบนางเสมอไม่ให้นางคิดว่าเรื่องนี้เป็นปมด้อยแล้วคิดมาก
"ข้าเห็นว่านางก็น่ารักดีออกอาเฟย" "จริงไหมเพ่ยเพ่ย"
เขามักจะหันมาส่งยิ้มอบอุ่นให้นางแล้วกล่าวชื่นชมนางเสมอเวลาที่นางร้องไห้เพราะโดนพี่ชายของนางล้อเลียนเรื่องรูปร่าง
จากนั้นมานางก็แอบชอบเขามาโดยตลอด แต่แล้วอยู่ๆ วันหนึ่งพี่หลิงฟงของนางก็จากไป ตอนนั้นเขาอายุได้สิบห้าหนาวก็โดนท่านแม่ทัพไป๋บิดาของเขาส่งไปร่ำเรียนวิทยายุทธ์ที่เขาหลิงซาน เขาหายไปถึงสี่ปีเต็ม
เมื่อเขาสำเร็จวิชาความรู้กลับมายังเมืองหลวง เพ่ยเพ่ยยังไม่ทันจะได้พบเจอเขาเลยด้วยซ้ำเขาก็เข้ารับการทดสอบและอาสาไปเป็นทหารออกทัพจับศึกยังชายแดนเสียแล้ว
เจ็ดปีแล้วที่นางไม่ได้พบเขาเลย จนภาพของเขาค่อยๆ เลือนรางไปจากใจของนางทีละนิด ก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยอู๋เหยาหมิงเมื่อไม่นานมานี้
"ท่านพี่หลิงฟงเองหรือเจ้าคะ เพ่ยเพ่ยต้องขออภัยที่ข้าจำท่านพี่หลิงฟงมิได้"
เพ่ยเพ่ยกล่าวทักทายเขาอย่างขัดเขิน
"ข้าไม่ติดใจหรอกเพ่ยเพ่ยเจ้ายังเด็กนักยามนั้นจะจำข้ามิได้ก็มิแปลก ข้าเองก็จำเจ้ามิได้เช่นกัน แต่เจ้ายังน่ารักเหมือนตอนเด็กไม่เปลี่ยนเลยนะ"
เขาเอ่ยอย่างเอ็นดู พร้อมกับส่งยิ้มหวานจริงใจให้นาง
บ้า…มาชมกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ จะไม่ให้เขินได้อย่างไรกันเล่า
ฮือ…ดาเมจรุนแรงมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแม่นางหยางถึงได้ชอบเขา ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นโรแมนติกสุดๆ
เพ่ยเพ่ยยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งงง แม่นางหยางไปชอบอีตาอ๋องโหดนั่นที่ตรงไหนกันนะ นอกจากหน้าตาแล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีเลยสักนิด คิดแล้วเพ่ยเพ่ยก็หงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
ทำไมเจ้าบ่าวของข้าถึงไม่ใช่คนนี้ล่ะ…เฮ้อ!
หลังจากได้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เพ่ยเพ่ยก็ลืมเวลาไปเสียสนิท กระดกเหล้าชนแก้วกับพี่ชายไปหลายจอก นางคิดว่าคงไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ได้กินเยอะอะไรมากมาย แต่ตอนนี้นางเริ่มรู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุน
อื้อหือ เหล้าของคนสมัยโบราณนี่มันแรงมากจริงๆ
"พี่ใหญ่ ข้าว่าข้าเริ่มจะมึนๆ หัวแล้วล่ะเจ้าค่ะ ข้าคงต้องขอตัวกลับก่อน"
"เจ้าเพิ่งจะเริ่มมึนหรอ ข้านึกว่าเจ้าจะเมาไปตั้งแต่จอกแรกเสียอีก"
หยางเฟยอดทึ่งในน้องสาวของตนไม่ได้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางจะดื่มเหล้าเก่งถึงเพียงนี้แล้ว ครั้งหลังสุดที่ดื่มด้วยกันที่จวนตอนงานวันเกิดท่านพ่อ นางดื่มได้ไม่เกินหนึ่งจอกก็หน้าแดงเดินไม่ตรงทางเสียแล้ว แล้วนี่อะไร วันนี้นางดื่มไปพอๆ กับพวกเขาเลยด้วยซ้ำ
เพ่ยเพ่ยลุกขึ้นยืน แต่ดูโงนเงนอย่างไรชอบกล
"คุณหนูเดินไหวไหมเจ้าคะ ระยะทางยังอีกไกลนะเจ้าคะ"
ชิงชิงรีบเข้าไปประคองเพ่ยเพ่ยเอาไว้ก่อนที่นางจะล้มไปเสียก่อน
"ทำไมถึงบอกว่าเดินไกล นี่พวกเจ้าไม่ได้นั่งรถม้ามารึ"
"ข้ากับคุณหนูเดินมาเจ้าค่ะคุณชายใหญ่ คุณหนูแอบออกมาเจ้าค่ะเลยไม่มีรถม้าคอยรับส่ง"
"เพ่ยเพ่ย ข้าว่าให้ข้าเอารถม้าไปส่งเจ้าที่ตำหนักอ๋องจะดีกว่า ท่านอ๋องจะได้ไม่ตำหนิเจ้าด้วยหากเห็นเจ้ากลับไปสภาพนี้ หากเขาต่อว่าพี่จะได้ช่วยพูดให้ว่าเรามิได้พบหน้ากันนานจึงอยู่สนทนากันนานเสียหน่อย"
"ดีเจ้าค่ะ ข้าก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเดินกลับไหว ระยะทางมิใกล้เลยจริงๆ "
เพ่ยเพ่ยเห็นด้วยกับหยางเฟยอย่างยิ่งนางลืมเสียสนิทว่านางแอบหนีออกมา และตอนนี้นางก็รู้สึกง่วงนอนมาก อยากจะไปให้ถึงเตียงเสียไวๆ
"เช่นนั้นข้าขอติดรถม้าเจ้าไปด้วยคนนะอาเฟย" หลิงฟงกล่าวถามสหาย
"เชิญ"
-ตำหนักอ๋องหมิง-
"ถึงแล้วขอรับ" เสียงคนขับรถม้าเอ่ยบอกผู้เป็นนายข้างในเมื่อมาถึงที่หมาย
"คุณหนูเจ้าคะ ตื่นเถิดเจ้าค่ะ ถึงตำหนักอ๋องแล้วเจ้าค่ะ"
ชิงชิงพยายามปลุกเพ่ยเพ่ยเมื่อรถม้ามาถึงหน้าจวนอ๋องแล้ว
เพ่ยเพ่ยค่อยๆ ลืมตาและลงจากรถม้าอย่างทุลักทุเลโดยมีชิงชิงและไป๋หลิงฟงคอยช่วยประคองคนละข้าง
ชิงชิงตกใจเมื่อเห็นว่าคนขับรถม้าพาพวกนางมาส่งที่ประตูใหญ่หน้าตำหนักอ๋องหมิง
แย่แล้ว…ข้าลืมบอกคนบังคับม้าให้ไปส่งที่ประตูหลัง
ชิงชิงแสดงสีหน้ากังวลออกมาอย่างปิดไม่มิด แต่ยามนี้ก็คงจะเปลี่ยนอะไรไม่ทันเสียแล้ว
พ่อบ้านเปิดประตูตำหนักออกเพื่อมาดูว่าใครกันที่มาเยือนตำหนักอ๋องในยามวิกาลเช่นนี้
"ท่านรองแม่ทัพไป๋เองหรอกหรือขอรับ เชิญท่านเข้ามาก่อน เดี๋ยวข้าน้อยจะไปเรียนท่านอ๋องให้ว่าท่านมาขอรับ"
พ่อบ้านกล่าวทักทายพร้อมกับผายมือให้ไป๋หลิงฟงตามเขาเข้าไปข้างใน ไป๋หลิงฟงเป็นสหายและยังเป็นลูกน้องคนสนิทของอ๋องหมิงจึงเข้านอกออกในตำหนักอ๋องอยู่บ่อยๆ
"ส่งข้าที่นี่แหล่ะอาเฟย"
"ถ้าอย่างนั้นข้าฝากเพ่ยเพ่ยด้วยก็แล้วกัน ข้าคงต้องขอตัวก่อน แล้วพบกันใหม่"
ยามนี้หยางเฟยไม่ห่วงเพ่ยเพ่ยแล้ว หลิงฟงน่าจะช่วยเพ่ยเพ่ยหาข้อแก้ตัวได้ อย่างไรเสียเขาก็เป็นสหายและศิษย์ร่วมสำนักเดียวกันกับท่านอ๋องนี่
พ่อบ้านลอบมองดูหน้าบุรุษหนุ่มที่รองแม่ทัพไป๋พยุงเดินเข้ามาสลับกับมองหน้าบุรุษชุดขาวที่นั่งอยู่บนรถม้า
ดูเหมือนบุรุษในชุดสีขาวนั่นจะเป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหยาง
เขาจำได้ว่าบุรุษผู้นี้คือพี่ชายของเจ้าสาวในพิธีแต่งงานของนายเหนือหัวที่เพิ่งจัดขึ้นเมื่อสองเดือนก่อน
คุณชายหยางเรียกบุรุษหนุ่มน้อยหน้าหวานที่ท่านรองแม่ทัพพามาว่าเพ่ยเพ่ย…หรือว่าจะเป็นหมิงหวางเฟย มีส่วนคล้ายอยู่มากทีเดียว...แต่ทำไมพระชายาถึงได้อยู่ในสภาพนี้ได้ หากท่านอ๋องรู้เข้าจะต้องเป็นเรื่องแน่!
เพียงแค่คิดพ่อบ้านหม่าก็ขนลุกขนชันแล้ว