บทที่ 3
-เรือนรับรองตำหนักอ๋องหมิง-
"ท่านหมอกู้ เหวินเอ๋อเป็นอย่างไรบ้าง ทำไมนางจึงยังไม่ฟื้นขึ้นมาอีก"
อ๋องหมิงนั่งลงข้างเตียงของฝูเหวิน เขาคอยจับมือนางเอาไว้ไม่ห่าง เสียงที่ฟังดูเคร่งเครียดของอ๋องหมิงนั้นทำให้หมอหลวงกู้ถึงกับหน้าซีด
"ร่างกายของนางไม่ค่อยจะแข็งแรงอยู่ก่อนแล้ว แล้วยังมาตกน้ำไปอีก คงต้องรอให้นางฟื้นขึ้นมาเองพะยะค่ะ กระหม่อมทำสุดความสามารถแล้ว"
หมอหลวงกู้หมอบราบอยู่ที่พื้น ตอบคำถามอ๋องหมิงเสียงสั่น
สิ้นเสียงของหมอหลวงกู้ สีหน้าของอ๋องหมิงก็ดำคล้ำขึ้นมาทันที ดวงตาสีเข้มของเขาฉายแววกรุ่นโกรธขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะหยางเพ่ยเพ่ยคนเดียว นางสมควรตายนัก
บรรยากาศในห้องเริ่มอึมครึมอย่างบอกไม่ถูก ทุกคนรู้สึกกดดันและสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสังหารจากตัวอ๋องหมิง หมอหลวงกู้หมอบคลานจนหน้าของเขานั้นแทบจะแนบติดไปกับพื้น หยาดเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้าทั้งที่อากาศตอนนี้ก็ไม่ได้ร้อนแต่อย่างใด
อ๋องหมิงพยายามสกัดกั้นความโมโหไม่ให้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนพิธีส่งตัวเข้าหอ จู่ๆ พ่อบ้านก็วิ่งโร่มาแจ้งแก่เขาว่าฝูเหวินนั้นตกน้ำจนสลบไปไม่ได้สติตั้งแต่ช่วงหัวค่ำแล้ว
"เหตุใดจึงเพิ่งมาแจ้งแก่ข้า"
"กระหม่อมเพิ่งทราบเรื่องจากแม่นางอิงหลัวพ่ะยะค่ะ"
พ่อบ้านหม่าตอบเสียงสั่น
"แม่นางฝูเข้าไปแสดงความยินดีกับพระชายาที่ห้องเพคะ แต่ไม่ทราบว่าคุยอันใดกัน พอแม่นางฝูออกมาพระชายาก็เดิมตามออกมาจนถึงศาลาริมน้ำ หม่อมฉันเห็นว่าเหมือนทั้งสองคนกำลังทะเลาะกัน หมายจะเข้าไปห้าม แต่ยังไปไม่ถึงก็เห็นแม่นางฝูตกน้ำลงไปแล้วเพคะ"
'อิงหลัว'สาวใช้ในตำหนักที่ได้รับหน้าที่ให้มารับใช้ฝูเหวินไขความกระจ่างให้แก่เขา
"เป็นความผิดของหม่อมฉันเองเพคะที่ไม่ได้ดูแลแม่นางฝูให้ดี ขอทรงลงอาญาด้วยเพคะ"
สิ้นเสียงของนาง ท่านอ๋องที่ขณะนั้นกำลังเมาได้ที่จากฤทธิ์ของสุราที่ถูกเหล่าขุนนางคะยั้นคะยอให้ดื่มนั้นทำให้เขาบบันดาลโทสะ แล้วมุ่งตรงไปที่เรือนของผู้เป็นชายาโดยไม่รั้งรอ
เขาโกรธนางมาก เหตุใดนางจึงอิจฉาริษยาจนต้องทำร้ายกันถึงชีวิตเช่นนี้ เป็นสตรีที่จิตใจคับแคบไม่พอนางยังโหดร้ายกับชีวิตคนอื่นได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ
เมื่อเขามาถึงตำหนักจันทราจากที่เต็มไปด้วยโทสะอยู่แล้วนางยังกล้าทำให้เขายิ่งโมโหมากกว่าเดิม
หึ…ถึงขนาดกล้าใช้ธูปสเน่หากับข้า
แค่เขาได้กลิ่นมันเขาก็รู้แล้ว ชั่วชีวิตนี้เขาโดนสตรีวางยากำหนัดใช้เล่ห์กลใส่มานับไม่ถ้วน สตรีไร้ยางอายมากมายที่หมายจะมาเป็นผู้หญิงของเขา นี่ยังไม่นับรวมเหล่าข้าศึกที่คิดใช้กลยุทธ์สาวงามกับแม่ทัพอย่างเขา
อ๋องหมิงเดินลมปราณสกัดกั้นพิษจากธูปหอม แล้วจับหยางเพ่ยเพ่ยมัดแขนมัดขาเอาไว้ ก่อนที่เขาจะเดินจากไปเพื่อดูอาการฝูเหวินโดยไม่หันมาดูดำดูดีนางอีก
ผ่านไปสองชั่วยามสาวใช้ของหยางเพ่ยเพ่ยก็ร้องห่มร้องไห้มาแจ้งเขาว่านางไม่หายใจแล้ว เมื่อเขาเร่งไปดูก็พบว่านางก็ยังสบายดีอยู่เลยนี่ ยังคิดจะใช้แผนอะไรกับเขาอีกหรือจึงให้สาวใช้มาหลอกเขาว่าตัวเองไม่หายใจแล้วเช่นนี้
นางสมควรโดนแล้ว
หากนางไม่มีใจคิดอิจฉาริษยา เหวินเอ๋อก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพนี้
ในขณะที่อารมณ์ของอ๋องหมิงกำลังดำดิ่งสู่ห้วงแห่งความโกรธแค้นอีกครั้ง อยู่ๆ เขาก็รับรู้ได้ถึงแรงบีบเบาๆ บนฝ่ามือของตัวเอง
"เหวินเอ๋อ เจ้าฟื้นแล้ว"
อ๋องหมิงเอื้อมมืออีกข้างเกลี่ยเส้นผมที่ไล้ลงบนใบหน้างามออก แม้ใบหน้าของนางจะดูซีดเซียว แต่ความงามของนางนั้นยังคงอยู่ไม่จางหาย เขาดีใจนักที่นางฟื้นขึ้นมา
"เจ้าฟื้นเสียที"
"ศิษย์พี่ ทำไมท่านถึงอยู่ที่นี่เล่า เวลานี้ท่านควรอยู่ที่ตำหนักของพระชายามิใช่หรือเจ้าคะ"
แม้ว่าฝูเหวินจะเอ่ยถามเขาด้วยแววตาใสซื่อ แต่ในแววตาและน้ำเสียงของนางนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
"เจ้าหยุดคิดเรื่องอื่นก่อนเถิดเหวินเอ๋อ เจ้าต้องพักผ่อนอย่าให้เรื่องใดมารบกวนจิตใจเจ้าเลย ศิษย์พี่จะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าที่นี่เอง"
เขาจับใบหน้าของนางไว้ในมือหนา ส่งผ่านความอบอุ่นและห่วงใยให้นาง
"ศิษย์พี่ แล้วพระชายาล่ะเพคะ คืนนี้เป็นคืนเข้าหอ หากศิษย์พี่มาอยู่กับข้าที่นี่ นางจะโกรธเคืองเอาได้นะเจ้าคะ ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว ให้อิงหลัวอยู่เป็นเพื่อนข้าก็พอ ท่านไปหานางเถอะเจ้าค่ะ"
นางช้อนตามองเขา ก่อนจะเอื้อนเอ่ยอย่างไร้เดียงสา
"หึ! สตรีมากเล่ห์เช่นนั้นข้าจะทำให้นางรู้ว่าคิดจะแต่งเข้ามาเป็นชายาแก่ข้า นางจะต้องครองตนเป็นหม้ายไปจนกว่านางจะทนทุกข์ไม่ไหวแล้วจากไปเสียเอง"
อ๋องหมิงเอ่ยเสียงเย้ยหยัน เขาไม่มีความคิดจะเข้าหอกับนางเลยสักนิด เขาคิดจะให้นางเป็นเพียงชายาในนามเท่านั้น หากนางรับได้ก็จะได้อยู่กันอย่างสงบ
"ศิษย์พี่ อย่าทำเช่นนี้เลยเพคะ ข้าไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ท่านต้องผิดใจกับฝ่าบาทและองค์ไทเฮา ข้ารู้ว่าท่านให้ความสำคัญกับข้ามากว่าใคร เท่านี้ข้าก็ดีใจมากแล้วเจ้าค่ะ"
ฝูเหวินพยุงตัวเองให้ลุกนั่ง นางโผเข้ากอดอ๋องหมิงซุกตัวเข้าสู่อ้อมอกของเขาโดยไม่ได้สนใจต่อสายตาของผู้คนที่อยู่ในห้องนี้
"พวกเจ้าออกไปให้หมด นางจะได้พักผ่อนท่านหมอกู้หลังจากท่านจัดการยาของเหวินเอ๋อเรียบร้อยแล้วก็จงไปดูที่ตำหนักพระชายาสักหน่อย"
อ๋องหมิงเริ่มใจเย็นลงแล้วหลังจากที่ฝูเหวินฟื้นขึ้นมาจึงได้สั่งหมอหลวงอย่างขอไปทีพร้อมกับโบกสะบัดมือไล่ให้ทุกคนออกไป
ฝูเหวินส่งสายตาไปยังหมอหลวงกู้ ในขณะที่นางยังซบอกอยู่ในอ้อมกอดของอ๋องหมิง นางจ้องหมอหลวงกู้ ส่วนหมอหลวงกู้เองก็ส่งสายตากลับเป็นสัญญาณว่าเข้าใจที่นางต้องการจะสื่อ โดยหารู้ไม่ว่ากระทำของพวกเขานั้นตกอยู่ในสายตาของเหลยคังตลอดเวลา
เมื่อทุกคนออกจากห้องไปแล้ว ฝูเหวินที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของอ๋องหมิงจึงได้เอ่ยถามขึ้น
"ศิษย์พี่ พระชายาเป็นอะไรไปหรือเพคะ ทำไมท่านต้องให้ท่านหมอไปที่ตำหนักของนางด้วยเจ้าคะ"
"เจ้าอย่าได้ใส่ใจเลย นอนพักผ่อนเถิด ศิษย์พี่จะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเจ้า เจ้ามิต้องกังวลเรื่องใด"
พูดจบเขาก็จับตัวนางเอนลงนอน ก่อนที่จะนั่งลงข้างเตียงแล้วกอบกุมมือของนางเอาไว้ มืออีกข้างก็ลูบหัวนางแผ่วเบา ฝูเหวินนอนตะแคงข้างแล้วซุกหน้าไปยังมือข้างนั้นที่เขากอบกุมมันไว้อยู่ นางยกยิ้มมุมปากก่อนที่จะหลับตาลง
หากข้าไม่ได้เป็นชายาเอกของท่านพี่เหยาหมิง ข้าก็จะไม่ยอมให้ใครได้เป็นทั้งนั้น เจ้าอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ไม่นานหรอกหยางเพ่ยเพ่ย
-ตำหนักจันทรา-
"คุณหนูเจ้าคะ ท่านนอนพักผ่อนเถิด บ่าวจะรีบไปต้มยาตามที่ท่านบอกมาให้เจ้าค่ะ"
ชิงชิงกล่าวพร้อมกระชับผ้าห่มในมือแล้วห่มมันให้กับเพ่ยเพ่ยที่ตอนนี้ทำแผลและผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จเรียบร้อยและดูเหมือนว่าคุณหนูของนางนั้นพร้อมจะเข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว
แม้ชิงชิงจะสงสัยว่าคุณหนูของนางทราบได้อย่างไรว่าต้องใช้สมุนไพรตัวไหนบ้างมาต้มยา อีกทั้งยังรู้วิธีจัดการกับบาดแผลเหล่านั้นอีกด้วย นางแปลกใจยิ่งนัก แต่นางก็สลัดความสงสัยนี้ทิ้งไปและรีบเร่งออกไปต้มยาตามที่คุณหนูสั่งด้วยความเป็นห่วง
แต่ขณะที่เพ่ยเพ่ยกำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทรา เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
"พระชายา กระหม่อมพ่อบ้านประจำจวนอ๋อง ขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ"
โอ้ย…จะอะไรกันนักกันหนาคนพวกนี้ คนจะหลับจะนอนทำไมไม่ปล่อยให้ข้าได้นอนเสียที!
เพ่ยเพ่ยได้แต่สบถอยู่ในใจ
ตั้งแต่ไอ้อ๋องบ้านั่นแล้ว มาสาดน้ำใส่หน้านาง พอตอนนี้นางจะนอนพวกเขาก็ไม่ยอมให้นอนสักที ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ มันจะอะไรกันนักกันหนาเนี่ย เพ่ยเพ่ยตาขวาง หงุดหงิดอย่างถึงที่สุดจึงตอบกลับไปเสียงแข็ง
"เข้ามาได้!"