บทที่ 2
เพ่ยเพ่ยยังคงสับสนกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า รวมถึงความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมที่พรั่งพรูเข้ามาในหัวสมองของเธออย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ความทรงจำหลั่งไหลเข้ามามากมายแต่กลับไม่มีความทรงจำที่บอกได้เลยว่าเจ้าของร่างนั้นตายไปได้อย่างไร รู้แค่ว่าวันนี้คือวันแต่งงานของอ๋องหมิงและหยางเพ่ยเพ่ย ความทรงจำสุดท้ายที่ปรากฏอยู่ในหัวของเพ่ยเพ่ยคือตอนที่คุณหนูหยางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวออกมาจากจวนสกุลหยาง
’อะไรกันเนี่ย‘
เพ่ยเพ่ยรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา เธอเพิ่งจะได้ข้ามภพมาอาศัยอยู่ในร่างใหม่ ได้รับโอกาสให้มีชีวิตอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าเธออาจจะต้องมาตายอีกรอบในเร็วๆ นี้
ไม่เชื่อก็ดูสายตาของอ๋องหมิงผู้นี้สิ ช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยโทสะและความเคียดแค้นในใจ และดูเหมือนว่ามันพร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ มือทั้งสองของเขากำแน่น แถมเธอยังถูกเขามัดแขนมัดขาเอาไว้ ไม่รู้ว่ามัดแน่นและนานเพียงใดจนแผลเหวอะหวะและยังเจ็บแสบได้ถึงเพียงนี้
ใช่แล้ว ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกแสบที่ข้อมือและข้อเท้าของตัวเอง เพ่ยเพ่ยไม่อยากจะคิดอะไรแล้วในตอนนี้ เธอรู้แค่ว่าตอนนี้เธอรู้สึกอ่อนล้าเต็มทน เหมือนร่างกายกำลังจะหมดแรงลง ร่างกายของเจ้าของร่างนี้อ่อนแอเกินไป
เพ่ยเพ่ยเริ่มสัมผัสได้ถึงเปลือกตาอันหนักอึ้งที่กำลังจะปิดลง
"ซ่า!"
เสียงน้ำที่สาดกระทบลงบนใบหน้าของเพ่ยเพ่ย เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะความเย็นสายหนึ่งที่ปะทะเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แต่เมื่อเพ่ยเพ่ยลืมตาขึ้นเธอก็ถึงกับต้องสบถออกมา
"นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ จะอะไรกันนักหนา ท่านเป็นบ้าไปแล้วรึ ทำไมต้องทำกับข้าถึงเพียงนี้!"
แม้จะโมโหมากแต่เพ่ยเพ่ยก็ยังไม่ลืมที่จะปรับเปลี่ยนคำพูดให้เข้ากับสถานการณ์หรือจะเรียกว่ายุคสมัยก็ว่าได้
‘เจ้าของร่างนี้ไปทำอะไรให้ตาอ๋องนี่โกรธกันนะ’
เพ่ยเพ่ยได้แต่คิดทบทวนความทรงจำของหยางเพ่ยเพ่ยในหัวแต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
"ตอบมาสิ ข้าไปทำอะไรให้ท่านกัน"
เพ่ยเพ่ยเอ่ยถามออกมาด้วยความโมโห สายตาของนางไม่มีความกลัวเลยแม้แต่นิด
อู๋เหยาหมิงเมื่อเห็นสายตาต่อว่าของเพ่ยเพ่ยและยิ่งได้ฟังคำพูดของนาง เขาก็เริ่มรู้สึกเหลืออดกับสตรีตรงหน้าผู้นี้
"หึ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใครกัน เจ้าไม่มีสิทธิ์มาถามคำถามนั้นกับเปิ่นหวางด้วยซ้ำ ทำเรื่องน่าอายเช่นนั้นได้แต่กลับมิกล้ายอมรับความจริง"
เขาตะโกนใส่นางเสียงดังด้วยโทสะเต็มเปี่ยม
"ท่านต้องบอกข้ามาก่อนว่าข้าทำสิ่งใดผิด หากว่าข้าทำผิดจริงคนอย่างข้าย่อมต้องกล้ายอมรับผิด แต่หากข้าไม่ผิดท่านจะมาทำอย่างนี้กับข้าไม่ได้ ข้าไม่ใช่สัตว์นะ!"
เพ่ยเพ่ยเอ่ยเสียงดังฟังชัดด้วยความโมโห นางเองก็ไม่ไหวแล้วเช่นกัน
"เจ้าใช้อุบายมากมายเพื่อที่จะแต่งเข้ามาเป็นชายาข้า อิจฉาริษยาจนดวงตามืดบอด หากไม่ใช่เพราะสตรีใจดำอำมหิตอย่างเจ้า เหวินเอ๋อคงจะไม่เป็นเช่นนี้ หากนางไม่ฟื้นขึ้นมาล่ะก็ ข้าจะให้เจ้าชดใช้แน่"
อู๋เหยาหมิงกัดกรามแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนตรงขมับ เขาอยากจะฆ่านางให้ตายด้วยมือของเขานัก สตรีเจ้าเล่ห์ นางยังมีหน้ามาลอยหน้าลอยตากล้าเถียงเขา
อ๋องหมิงเงื้อมือขึ้นด้วยความโมโหก่อนที่จะใช้มือข้างนั้นบีบไปที่คางของนางอย่างไม่ออมแรงเลยสักนิด เพ่ยเพ่ยร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด
"อื้อ...ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ"
"ท่านอ๋องโปรดยั้งมือด้วยพะยะค่ะ!"
ชายร่างสูง รูปร่างกำยำผู้หนึ่งตะโกนทัดทานเขาไว้ พอเพ่ยเพ่ยหันไปมองหน้าบุรุษผู้นั้นนางก็จำเขาได้ในทันทีจากความทรงจำของเจ้าของร่าง เขาคือ 'เหลยคัง' องครักษ์คนสนิทและยังเป็นมือขวาของอ๋องหมิง
"ท่านอ๋องโปรดยั้งมือก่อนพะยะค่ะ หากพระชายาเป็นอะไรไปองค์ไทเฮาและฝ่าบาทอาจต้องผิดใจกับสกุลหยาง ท่านอ๋องได้โปรดไตร่ตรองดูอีกทีเถิด อย่างไรท่านเสนาบดีก็เป็นคนของฝ่ายเรานะพะยะค่ะ"
แม้เหลยคังจะกล้าๆ กลัวๆ แต่เขาก็ต้องยอมเสี่ยงที่จะเอ่ยคำทัดทาน เพราะเขาไม่อยากให้ท่านอ๋องบันดาลโทสะจนนำพาปัญหาใหญ่ตามมาให้แก้ในภายหลัง
อ๋องหมิงสะบัดมือออกจากคางของเพ่ยเพ่ยอย่างหงุดหงิดแล้วกำมือแน่นด้วยโทสะที่ยังไม่ลดลงเพียงสักนิด เขาหมุนตัวพลางสะบัดแขนเสื้อลงอย่างเดือดดาล
"หึ…ดูท่าแล้วนางคงสบายดี ปิดตำหนักของนาง ห้ามผู้ใดเข้าออกและห้ามผู้ใดตามหมอถ้าเปิ่นหวางไม่สั่ง"
พูดจบอ๋องหมิงก็เดินจากไปในทันที
"ไอ้บ้านี่!"
เพ่ยเพ่ยสบถออกมา เพราะแรงที่มีอันน้อยนิดจึงไม่มีใครได้ยินที่นางพูด
‘จะลีลาอะไรกันนักหนา หยางเพ่ยเพ่ยไปทำอะไรผิดมาเจ้าอ๋องบ้านั่นก็ไม่ยอมบอก มัวแต่อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ได้’
ยังไม่ทันที่เพ่ยเพ่ยจะคิดอะไรไปไกลกว่านี้ เสียงสะอื้นไห้เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ
"คุณหนู คุณหนูของข้า ท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ฮือๆ เจ็บมากไหมเจ้าคะ"
'ชิงชิง' สาวรับใช้คนสนิทของหยางเพ่ยเพ่ย นางวิ่งเข้ามาในห้องอย่างรีบร้อนทันทีที่อ๋องหมิงเดินออกไปจากตำหนัก
สาวน้อยอายุรุ่นราวคราวเดียวกับหยางเพ่ยเพ่ยผู้นี้ได้ติดตามป้าของนางเข้ามาอยู่ในจวนสกุลหยางตั้งแต่ยังเล็ก ชิงชิงคอยรับใช้และเป็นเพื่อนเล่นให้กับเพ่ยเพ่ยมาตั้งแต่นางอายุได้แปดหนาวและนางก็เป็นสาวใช้คนเดียวที่ติดตามมารับใช้เพ่ยเพ่ยที่จวนอ๋องด้วย
"ชิงชิง เจ้าช่วยแก้มัดให้ข้าก่อน พาข้าไปที่เตียงที ข้ารู้สึกว่าขาของข้าไม่มีแรงแล้ว"
เพ่ยเพ่ยเอ่ยเสียงเบา เธอไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะเดิน เธออ่อนล้าเต็มทนและเธอต้องการการพักผ่อน
ชิงชิงรีบเข้ามาแก้มัดให้คุณหนูของตน นางยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุดเมื่อได้ยินเสียงโอดครวญของผู้เป็นนายดังออกมาเป็นระยะในขณะที่นางกำลังแก้มัดให้
"ข้าดูแลคุณหนูได้ไม่ดี เป็นความผิดของข้าเอง ฮือ…"
"ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอกชิงชิงอย่าได้โทษตัวเองไปเลย พาข้าไปนั่งที ช่วยรินน้ำให้ข้าด้วยนะ"
เพ่ยเพ่ยกล่าวเสียงแหบแห้ง นางไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแล้วจริงๆ
ชิงชิงพาเพ่ยเพ่ยไปนั่งลงบนเตียง นางจัดการรินน้ำชาให้เพ่ยเพ่ยอย่างร้อนรนก่อนจะเริ่มถอดเครื่องประดับอันหนักอึ้งบนหัวของนางออก
ชิงชิงนึกอนาถใจต่อคุณหนูยิ่งนัก คุณหนูของนางคือสตรีผู้งามเป็นหนึ่งในแคว้นอู๋ เหล่าคุณชายน้อยใหญ่ต่างหมายปองที่จะได้นางมาครอบครองกันทั้งนั้น แต่มิรู้ทำไมคุณหนูถึงได้ดึงดันที่จะแต่งเข้าตำหนักของท่านอ๋องใจร้ายผู้นี้กันนะ
"คุณหนูเจ้าคะ ข้าควรทำอย่างไรดี ท่านอ๋องไม่ให้ใครตามหมอ ข้าจะทำอย่างไรดี คุณหนูเจ็บมากไหมเจ้าคะ ฮึก…ฮือ"
ชิงชิงมองข้อมือของเพ่ยเพ่ย ข้อมือสวยที่ตอนนี้กลับกลายเป็นแผลเหวอะหวะ คุณหนูของนางต้องเจ็บมากแน่ๆ ขนาดนางยังแทบจะทนดูไม่ได้เลย
"ชิงชิงเจ้าหยุดร้องไห้ได้แล้ว เจ้าช่วยไปเอาน้ำอุ่น และผ้าสะอาดสำหรับพันแผลมาให้ข้าที ข้าต้องล้างแผลและเช็ดคราบเลือดพวกนี้ออกก่อน"
"เจ้าค่ะ" ชิงชิงรับคำเสียงสั่นก่อนจะรีบลุกขึ้นจากไปตามคำสั่ง
"เดี๋ยวชิงชิง ข้าจำได้ว่าในหีบสินเดิมของข้า ท่านพ่อได้จัดเตรียมสมุนไพรและยาสรรพคุณล้ำค่ามากมายไว้ให้ข้าด้วย เจ้าช่วยไปเอาออกมาที เอาออกมาทั้งหมดเลยนะ"
เพ่ยเพ่ยต้องรีบฆ่าเชื้อและทำแผลให้เรียบร้อยก่อนที่นางจะเป็นลมไปเสียก่อน
‘เหอะ…ไอ้เจ้าอ๋องบ้านั่น ไม่ให้คนตามหมอแล้วยังไง ใครสนกันล่ะ ก็ข้านี่ไงหมอ’
ไม่รู้เสียแล้วว่านี่หยางเพ่ยเพ่ย แพทย์หญิงประจำหน่วยรบพิเศษ แผลสาหัสกว่านี้นางก็เคยเจอมาแล้ว คนอย่างเธอจะเอาชีวิตรอดจากแผลแค่นี้ไม่ได้ก็คงต้องส่งคืนความรู้ให้เหล่าอาจารย์หมอแล้วล่ะ
ถึงแม้จะไม่มีพวกยาทันสมัยเหมือนในยุคปัจจุบัน แต่สมุนไพรจีนต่างๆ ก็มีสรรพคุณที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ายาปฏิชีวนะพวกนั้นเลย อาจจะเห็นผลช้าหน่อยแต่เธอก็มั่นใจว่าเธอจะต้องมีชีวิตรอดอย่างแน่นอน เพียงแค่ต้องคอยกำชับชิงชิงให้เตรียมรับมือกับอาการต่างๆ ที่จะตามมายามที่แผลอักเสบ เพราะเธออาจจะสลบไปเพราะพิษไข้เล่นงาน
ต้องกำชับนางไว้ก่อน ยิ่งเจ้าอ๋องบ้านั่นห้ามไม่ให้ใครเข้าออกเรือนของนาง ก็คงมีเพียงชิงชิงที่เป็นความหวังเดียวของนางแล้ว
คิดไปคิดมาเพ่ยเพ่ยก็ดีใจไม่น้อยที่เธอเคยได้ผ่านการเรียนรู้และฝึกฝนให้รู้จักสมุนไพรชนิดต่างๆ รวมถึงวิธีการใช้ เธอต้องเรียนรู้เอาไว้เผื่อในยามที่ต้องไปปฏิบัติภารกิจในป่า หรือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินที่ไม่สามารถหายาปฏิชีวนะมาใช้ได้ทัน