บทที่ 5
ขณะที่จูเลียกำลังใช้ความคิดอย่างหมกหมุ่น ธันยาก็ถือโอกาสพิจารณาบุรุษผู้มีเรือนผมสีดำที่นั่งอยู่ตรงข้าม ความหวังที่ว่าเจคจะเดินทางกลับมาสหรัฐฯ นั้นดูเป็นความหวังที่ลางเลือนเสียเหลือเกิน ตลอดเวลาหลายปีที่เธอใช้ชีวิตร่วมกับสองสามีภรรยาที่บิดาและมารดาของสามีเธอสังเกตเห็นได้ว่าผู้คนในวงสังคมต่างๆ ให้ความเคารพนับถือในด้านของฐานะความเป็นอยู่ และอิทธิพลที่ เจ.ดี. สร้างขึ้น สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอบังเกิดความรู้สึกประทับใจในตัวแพทริคก็คือ เขาปฏิเสธการที่จะรับใช้เพื่อเป็นการเอาใจ เจ.ดี. และภรรยา ในลักษณะของการประจบประแจง แพทริค เรนเนส เป็นบุรุษผู้มีความเป็นตัวของตัวเอง และไม่เคยรั้งรอที่จะเสนอความคิดเห็นที่ขัดแย้งกับความต้องการของบุรุษผู้เป็นนายจ้างและยึดมั่นอยู่กับการที่จะกระทำเช่นนั้น ถ้าทัศนะของเขาไม่ตรงกันกับเจ้าของบริษัท แต่กระนั้นเขาก็ยังต้องพึ่งพาในคำแนะนำและประสบการณ์ที่ เจ.ดี. มีอยู่มากกว่าและเขาจำเป็นที่จะต้องศึกษาหาความรู้ไว้ ดังนั้นในความรู้สึกของธันยาแล้ว เขาเป็นบุคคลที่มีเสน่ห์มากกว่าที่ผู้ชายพึงมี อย่างน้อยก็เป็นความฉลาดหลักแหลมและความสามารถ มีมือเล็กมาแตะตรงไหล่ เธอเหลือบตาไปมองและก็สบกับตาคู่สีฟ้าแจ่มแจ๋วของลูกชาย
“เราลงมือกันเดี๋ยวนี้เลยดีไหมฮะ แม่” เสียงจอห์นเอ่ยถามขึ้น
“จะชวนแม่เขาไปทำอะไรล่ะลูก” จูเลียเอ่ยถามขึ้นทันทีเสียงถามที่ค่อนข้างดังนั้น ทำให้บุรุษทั้งสองต้องหันมามองด้วยความสนใจ
“ผมกำลังจะเขียนจดหมายไปหาพ่อฮะ จะขอให้พ่อกลับมาเยี่ยมบ้านบ้าง ตอนหยุดพักร้อนคราวที่จะถึงนี้นะครับ” ธันยาจับตามองศีรษะของลูกชายที่เชิดขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ นวลแก้มของเธอแดงเรื่อขึ้นเมื่อรู้สึกว่าสายตาทุกคู่กำลังจ้องมองมา ดูเหมือนแพทริคเองก็คงจะพอเดาได้ว่าทำไมเธอถึงถามเรื่องสามีเมื่อครู่ และความสงสัยใคร่รู้ว่า เธอจะตอบจอห์นอย่างไรนั้น ทำให้บรรยากาศภายในห้องเครียดขึ้น
“ย่าคิดว่านั่นเป็นความคิดที่ดีทีเดียวลูก จอห์นนี่” จูเลียเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและธันยาก็อดที่จะคัดค้านความเห็นของมารดาสามีอยู่ในใจไม่ได้
แต่เธอก็หันหน้าไปมองมารดาของสามีด้วยแววตาเยือกเย็น สีหน้าสงบราวกับไร้ความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้นเมื่อกล่าวตอบออกไปว่า
“ดิฉันเองก็เห็นด้วยกับแกค่ะ จูเลีย” น้ำเสียงของเธอไร้ความรู้สึกด้วยโดยสิ้นเชิง “ฉันเองแหละค่ะที่เป็นคนแนะนำแก”
และเธอก็ไม่ต้องการที่จะให้มีการพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไปอีก ไม่ต้องการที่จะรับฟังความคิดเห็นใดๆ จากจูเลีย หรือ เจ.ดี.ทั้งสิ้น ดังนั้น เธอจึงผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ วางมือลงบนไหล่เล็ก ๆ ของลูกชาย พาเดินออกไปจากห้องนั่นเล่น
“แม่ก็อยากจะเขียนจดหมายถึงพ่อเหมือนกันใช่ไหมฮะ” น้ำเสียงถามนั้นเหมือนจะมีความไม่แน่ใจอะไรบางอย่างอยู่ ตอนที่สองแม่ลูกเดินมาถึงห้องนอนห้องเล็ก ๆ ซึ่งเป็นห้องส่วนตัวของธันยา
“ใช่จ้ะ จอห์น” เธอก้มลงยิ้มให้ลูกชาย กล้ำกลืนความรู้สึกขมขื่นในใจตัวเองลงไว้จากเรื่องที่แพทริคเล่าให้ฟัง ดูเหมือนจะมีโอกาสอยู่น้อยมากที่เจคจะสามารถปลีกตัวมาได้ หรือตั้งความหวังที่จะกลับมาบ้าน มันมีความรู้สึกละอายใจในอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นในจิตใจเธอจึงแต่งน้ำเสียงให้แจ่มใสเข้าไว้เมื่อตอบลูกชายว่า
“เราสองคนจะช่วยกันเขียนจดหมายไปหาพ่อนะลูก”
จอห์นก้มหน้าลงล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อและแล้วก็ส่งรูปใบหนึ่งให้เธอดู
“ผมคิดว่าจะส่งรูปนี้ไปให้พ่อด้วยนะฮะแม่ รูปนี้คุณปู่เป็นคนถ่าย ตอนที่ผมได้จักรยานคันใหม่ ... พ่อจะได้เห็นว่า ตอนนี้หน้าตาผมเป็นยังไงแล้วไงล่ะครับ”
ในรูปดังกล่าว มิได้มีเพียงจอห์นเท่านั้น มีรูปของธันยารวมอยู่ด้วย และกำลังหัวเราะให้กับกล้อง เรือนผมปลิวสยายอยู่ในสายลม ทุกกระเบียดนิ้วบ่งบอกถึงความเป็นผู้ดีที่ได้รับการอบรมมา สามารถที่จะเข้าร่วมในวงสังคมชั้นสูงได้อย่างสบายและแทบจะไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเป็นมารดาของเด็กชายที่กำลังอยู่บนรถจักรยาน
“ก็... พ่อเขามีรูปนักเรียนของหนูแล้วนี่ลูก... จอห์น” ธันยาพูดเป็นเชิงเตือนอย่างอ่อนโยน มีความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นคล้ายกับเธอไม่เต็มใจที่จะส่งรูปของตัวเองไปให้สามีดูเลย
“แต่รูปนั้นไม่ค่อยเหมือนผมเลยนี่ฮะ และผมก็ยังฟันหลออีกด้วย” แกแย้งขึ้น “ได้ไหมฮะแม่ ... ผมขอส่งรูปนี้ไปนะ”
ธันยาใจอ่อนลงทันที โดยเฉพาะดวงตาคู่สีฟ้าแจ่มแจ๋วที่กำลังเงยขึ้นมองเธออย่างจะอ้อนวอน เธอรู้ว่าถึงอย่างไรก็จะต้องยอมตามใจลูกชายอยู่ดี แม้ว่าจะไม่เต็มใจนักแต่ใจหนึ่งก็อดที่จะเห็นด้วยไม่ได้ว่า บัดนี้ จอห์นได้ก้าวขึ้นสู่วัยที่จำเป็นจะต้องมือที่แข็งแกร่งมาช่วยชี้แนะแนวทางให้ และมันเป็นอะไรบางอย่างที่อยู่ในหน้าที่ความรับผิดชอบของคนที่เป็นพ่อ
และแล้ว อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา ความรู้สึกที่ว่ามันไม่เป็นการถูกต้องนัก ที่ลูกจะเป็นฝ่ายเขียนจดหมายถึงพ่อก็จางหายไป ธันยาปิดซองจดหมายฉบับนั้นลงอย่างประณีต ในนั้นคือจดหมายจากจอห์นและตัวเธอเองที่ส่งไปถึงเจค มันเป็นความผูกพันที่เด็กเล็ก ๆ คนหนึ่ง ต้องการจะขอร้องจากผู้เป็นบิดา อยากจะรู้ว่า เขาจะกลับมาเยี่ยมแกในฤดูร้อนที่จะมาถึงนี้บ้างได้หรือไม่ และสำหรับเธอนั้นการที่ต้องเขียนก็เนื่องมาจากการที่จอห์นตั้งคำถามเอากับเธอตรงว่าแกมีพ่อจริงๆ เช่นใครอื่นเขาหรือเปล่าพร้อมกับเสริมไปด้วยว่า ที่จริงแล้ว เจคควรจะหาโอกาสกลับมาเยี่ยมบ้านบ้างเมื่อมีเวลา
เธอยอมรับว่า จนกระทั่งทุกวันนี้ เธอก็ยังมีความเคืองแค้นกับการกระทำของเจคที่ผ่านมาในอดีตอยู่ แต่เพื่อเห็นแก่จอห์น ถึงอย่างไร เธอก็จะต้องลืมความรู้สึกเช่นนั้นลงเสียชั่วคราวถ้าเจคจะเดินทางมา...แต่ธันยาก็เชื่อว่ามันเป็นความหวังที่ลางเลือนมาก
“โอ้โฮ... ชุดนี้ของแม่สวยจังเลยฮะ” เสียงจอห์นร้องเอะอะขึ้นเมื่อธันยาวางเครื่องรับโทรทัศน์ขนาดกระเป๋าหิ้วลงบนโต๊ะเล็กในห้องนอนของแก
“ลูกว่าเสื้อสวยอย่างนั้นหรือจ๊ะ” มันเป็นชุดราตรีสั้นสีส้มสดใสปลายกระโปรงบานระอยู่แค่เข่า เรือนผมสีน้ำตาลแกมทองหวีเสยไปจรดแผ่นหลัง ต่างหูทองคู่เล็ก ๆ ทิ้งตัวพราวพริ้งอยู่กับติ่งหู “ชุดนี้น่ะแม่ซื้อมาเป็นพิเศษสำหรับใส่ในวันพิเศษของคุณปู่คุณย่าวันนี้เชียวนะ”
“สวยจริงๆฮะแม่ แม่ผมสวยทั้งตัวเลย แหม... ผมอยากออกไปร่วมฉลองงานเลี้ยงนี่ด้วยจัง” จอห์นถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างแสนเสียดาย
“โธ่เอ๊ย นอนดูโทรทัศน์รายการดีๆ ที่ลูกชอบยังจะดีเสียกว่าอีก คืนนี้มีหนังชีวิตตะวันตกด้วยนะลูก” ธันยาพูดล้อ ๆ
“หรือฮะ” ดวงตาของหนุ่มน้อยเป็นประกายขึ้นมาทันทีจอห์นชอบเรื่องราวของภาพยนตร์ตะวันตกนักอาจจะเป็นเพราะว่าเด็กชายเบื่อหน่ายกับรายการอื่น ๆ มากกว่า และต้องการที่จะสรรค์สร้างความฝันเกี่ยวกับการผจญภัยของตนเองให้เกิดขึ้น
“เอาล่ะจ้ะ ตอนนี้ แขกเริ่มจะมากันแล้ว ลูกอยู่คนเดียวได้แน่นอน ใช่ไหมจ๊ะ” เธอยิ้มให้ลูกชาย
“ได้สิครับ” เด็กชายตอบอย่างมั่นใจ
“อย่าลืมนะจ๊ะ” ว่าแม่ให้เวลาหนูเพียงสี่ทุ่มเท่านั้น และเมื่อถึงตอนนี้แม่จะกลับเข้ามาดูว่า หนูทำตามคำสั่งของแม่หรือเปล่าด้วย” ธันยาเตือน
“โอเคฮะ แม่” เด็กชายยิ้มกว้างขณะที่ผู้เป็นมารดาเข้ามาจุมพิต ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง
ต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่าการที่ธันยากล่าวว่าจะกลับเข้ามาดูตอนสี่ทุ่มเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น เพราะจอห์นถือว่าตนเองโตเกินกว่าที่แม่จะต้องกกให้นอนแล้วไม่จำเป็นที่จะต้องฟังนิทานหรือร้องเพลงกล่อมกันอีกต่อไป
ห้องในบ้านชั้นเดียวที่ปลูกขึ้นในลักษณะของบ้านไร่ ถูกยกให้เป็นส่วนที่อยู่ของสองแม่ลูกนั้นอยู่อีกปีกหนึ่งของตัวเรือนครั้งหนึ่ง เคยใช้เป็นห้องพักรับรองสำหรับแขก โดยที่มีห้องนอนใหญ่ ของสองสามีภรรยาเจ้าของบ้านอยู่ทางปีกฟากตรงข้ามแต่บัดนี้ เรือนพักสำหรับแขกได้ถูกปลูกสร้างขึ้นและมีการต่อเติมฟากของธันยากับบุตรชายให้มีครัวและห้องน้ำเพิ่มขึ้น เพื่อที่สองแม่ลูกจะได้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นกว่าเดิม