บทที่ 4
จูเลียตั้งอาหารชุดแรกบนโต๊ะแล้ว ตอนที่ธันยาเดินเข้าไปในครัว คำพูดขออภัยในการที่ลงมาล่าช้าที่เตรียมไว้ติดอยู่แค่ริมฝีปาก เมื่อมารดาของสามีบอกว่าอาหารตั้งโต๊ะพร้อมแล้ว จอห์นเข้าไปนั่งอยู่ในเก้าอี้ตัวที่ต่อจากคุณย่าเรียบร้อยแล้วและเจ.ดี. ก็ช่วยเลื่อนเก้าอี้ทางด้านขวามือของตนให้เธอ เธอส่งยิ้มให้กับบุรุษที่นั่งอยู่ฟากตรงข้ามและเขาก็ยิ้มตอบมาให้อย่างอบอุ่น
“คุณดูสดใสมากที่แต่งชุดนี้ แต่นั่นแหละนะอย่างคุณแต่งอะไรก็สวยทั้งนั้น”
ธันยาอดยิ้มไม่ได้ เมื่อกล่าวตอบว่า
“ขอบคุณมากเลยค่ะ อันที่จริงผู้หญิงทุกคนก็ชอบฟังคำพูดเพราะๆ อย่างนี้ด้วยกันทั้งนั้นละ ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่จริงสักแค่ไหนก็ตาม”
เธอปรายตามองใบหน้าคมสัน และเรือนผมดำสนิทหยักสลวย ที่ตรงช่วงขมับเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาเงินแล้วแถบหนึ่ง
มันคล้ายกับมีประจุของกระแสไฟฟ้าที่สื่ออยู่ระหว่างกันความรุนแรงของพลังนั้นแทบจะสัมผัสได้และจะมองข้ามไปเสียมิได้ เนื่องจากสองสามีภรรยาแลสสิเตอร์ ได้ให้การต้อนรับเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงของบริษัทคนนี้อยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นธันยากับแพทริคจึงคล้ายกับถูกจับคู่เข้ากันโดยอัตโนมัติ
ขณะนี้สามีของเธอก็อยู่ในแอฟริกาอย่างไม่มีกำหนดว่าจะกลับมาเมื่อใด ส่วนแพทริคเองนั้นก็หย่าขาดจากภรรยามาเป็นเวลาถึงสามปีแล้ว และอดีตภรรยาของเขาก็แต่งงานใหม่ไปแล้วด้วย ธันยาพยายามที่จะระมัดระวังความรู้สึกของตัวเองเสมอมา ในทุกครั้งที่รู้สึกว่าหัวใจจะพองโตขึ้นยามที่ดวงตาคมเข้มคู่นั้นปรายมองมายังเธอพยายามที่จะควบคุมปฏิกิริยาของตนเองด้วยการเตือนใจว่า แพทริคเป็นผู้ชายคนเดียวที่เธอสนิทสนมคุ้นเคยด้วยเพราะฉะนั้น มันย่อมจะทำให้เธอบังเกิดอารมณ์โรแมนติคขึ้นมาได้ ขณะเดียวกัน เธอก็ยอมรับกับตนเองว่า มันมีธรรมชาติบางอย่างที่เร่งเร้าอยู่ในหัวใจ และมีส่วนช่วยสร้างความเพ้อฝันที่เกี่ยวกับบุรุษผู้งามสง่าหน้าตาคมสันและมีเสน่ห์เช่นแพทริคนี้ได้เช่นกัน
แม้จะไม่มากครั้งนักที่เธอกับเขาได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง แต่กระนั้น เธอก็ไม่ยอมที่จะให้ตัวเองพูดคุยกับเขาอย่างขาดความรอบคอบระมัดระวังเลย เพราะธันยารู้แน่แก่ใจว่า ระหว่างเธอกับเขานั้น มันเป็นความสัมพันธ์ที่มิได้ตั้งอยู่บนรากฐานของความเป็นเพื่อนเช่นที่ควรจะเป็น เพราะดูเหมือนต่างฝ่ายต่างก็ตระหนักในความเป็นเพศตรงข้ามอยู่ แต่จะอย่างไรก็ตาม ธันยาก็จะไม่ให้ตัวเองหลงลืมแหวนแต่งงานที่ร้อยรัดอยู่ในนิ้วนางข้างซ้าย รวมทั้งคำปฏิญาณที่เธอได้เคยให้ไว้ต่อหน้าแท่นบูชา ไม่ว่าบุรุษผู้มอบแหวนวงนี้ให้กับเธอจะมีความประพฤติหรือปฏิบัติต่อเธออย่างไรก็ตาม
เธอหยิบช้อนสำหรับตักซุปขึ้นมาถือไว้ ละสายตาจากใบหน้าของเขา พร้อมกับเอ่ยว่า
“เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิคะ ว่าคราวที่ผ่านมานี้คุณเดินทางไปถึงไหน ฉันไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าคุณเดินทางคราวนี้”
“ไปธุระเรื่องงานของบริษัทที่สก๊อตแลนด์” แพทริคหยุดเว้นระยะ ราวกับจะสำรวจคำพูดในประโยคต่อไปของตนเอง “แต่ไปที่นั่นเดี๋ยวเดียวเท่านั้นแหละเพราะจุดประสงค์ใหญ่คือแอฟริกา”
ธันยารู้สึกวูบวาบขึ้นมาทันทีตัวแข็งไปในบัดดล ดูเหมือนจะมีแต่ เจ.ดี. เท่านั้นที่สังเกตเห็น เขาปรายตามองไปทางภรรยาที่นั่งอยู่หัวโต๊ะอีกฟากหนึ่งอย่างจะรู้ความนัยอยู่
“แม่เขาไม่ชอบให้มีการพูดเรื่องงานในโต๊ะอาหาร เขาตั้งขึ้นเป็นกฎของบ้านไว้นะแพทริค แต่รับรองว่า มันไม่ทำให้เสียรสชาติของซุปหัวหอมที่เธอปรุงขึ้นในวันนี้แน่ แม่...อร่อยกว่าทุกครั้งเลย” คำพูดประโยคนั้นแสดงให้เห็นว่า เขาต้องการจะเปลี่ยนหัวข้อที่สองหนุ่มสาวกำลังสนทนากันอยู่อย่างตั้งใจ
“เอ๊ะ ... เมื่อกี้นี้คุณลุงบอกว่าไปแอฟริกามาด้วยหรือครับ” จอห์นหยิบประเด็นที่กำลังอยู่ในความสนใจขึ้นมากล่าวทันทีน้ำเสียงของแกบอกความตื่นเต้นและสนใจอยู่ไม่น้อย
“จอห์น” ธันยาเรียกชื่อลูกเป็นเชิงปรามเบา ๆ “หนูก็ได้ยินที่คุณปู่พูดแล้วนี่ลูก ว่าเราจะไม่พูดเรื่องงานกันในโต๊ะอาหารรอให้เราทานเสร็จกันก่อนดีกว่า”
“ครับ” เด็กชายก้มหน้ามองถ้วยซุปที่ตั้งอยู่ตรงหน้าธันยารู้ดีว่า ความสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับเรื่องพ่อนั้นจะทำให้แกต้องวิ่งเข้าไปหาแพทริคทันทีที่การรับประทานของหวานสิ้นสุดลงและเธอเองก็ยังไม่พร้อมที่จะบอกเล่าให้ทุกคนในครอบครัวได้ทราบ ถึงความตั้งใจที่จะเขียนจดหมายไปถึงเจค เพื่อขอร้องให้เขากลับมาเยี่ยมบ้านบ้าง
สายตาของจูเลีย แลสสิเตอร์ ที่ปรายมองมานั้นราวกับคมแห่งความเย็นเยือกที่เฉือนลงในบรรยากาศยามนี้ธันยาได้แต่ทอดถอนใจอยู่เดียวดาย อันที่จริงเธอเองก็ไม่ควรจะห้ามปรามจอห์นเมื่อแกต้องการที่จะรู้เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับพ่อของแกบ้าง แต่อย่างน้อย เธอก็ไม่อยากให้ชื่อของเจคเข้ามาเป็นเครื่องทำลายความรื่นรมย์ของการรับประทานอาหารมื้อนี้ลง
ในที่สุด เจ.ดี.ก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นด้วยการกล่าวว่า
“ก่อนหน้าที่เธอกับจอห์นกลับมานั่นน่ะ เรากำลังปรึกษาหารือกันถึงเรื่อง ที่จะจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำง่ายๆขึ้นมา เพื่อฉลองครบรอบแต่งงานปีที่ 35 ของเราอยู่ ซึ่งก็วันที่ 8 พฤษภาคมที่จะถึงนี่แล้ว” บรรยากาศที่ค่อนข้างจะอึดอัดคลายตัวลงทันที
“โอ...เป็นความคิดที่ดีมากเลยเชียวค่ะ” ธันยาคล้อยตามทันที
“ฉันก็ดีใจที่เธอคิดอย่างนั้น” เจ.ดี.ผงกศีรษะรับ ดวงตาเป็นประกายสดใสขึ้น รอยยิ้มพรายปรากฏขึ้นบนใบหน้า “แม่เขาคิดว่า มันไม่เข้าท่าเลยที่เราจะจัดงานเลี้ยงฉลองวันครบรอบแต่งงานให้มันหรูหราจนเกินไปเพราะฉะนั้น การจัดขึ้นเงียบ ๆ มันจะได้เป็นข้ออ้างได้สำหรับการที่เราจะไม่เชิญคนให้มันมากจนเกินไปนัก”
“คราวนี้อากาศมันก็เป็นใจด้วยนะคะ จูเลีย” ธันยาเรียกมารดาของสามีด้วยสรรพนามเช่นนี้เสมอมา “เราออกไปเลี้ยงกันที่ลานเฉลียงก็ยังได้ ตอนนั้น ดอกไม้ที่ปลูกไว้กำลังบานสะพรั่งพอดีทีเดียว ดิฉันว่าเป็นความคิดที่ดีจริงๆ นะคะ” ธันยาสังเกตเห็นแววแห่งความเห็นด้วยและพอใจปรากฏขึ้นในแววตามารดาของสามี
“คุณจะได้ทำปลาเทร้าท์อย่างชนิดที่ผมชอบกินกันด้วยไงล่ะ” เจ.ดี. เสริม “แล้วเราก็จัดเลี้ยงอาหารแบบบุฟเฟต์ง่ายๆ
หลังจากนั้น หัวข้อของการสนทนาก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับแขกที่จะเชิญ เรื่องอาหาร เรื่องการจัด ตบแต่งสถานที่ไปจนตลอดช่วงเวลารับประทานอาหารค่ำคืนวันนั้น
เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้น ตอนที่ธันยาเตรียมจะเสิร์ฟกาแฟหลังอาหารพอดี จูเลียเป็นผู้เดินไปรับโทรศัพท์ดังนั้นธันยาจึงต้องทำหน้าที่ในกาแฟแทน เนื่องจากผู้ที่โทรศัพท์มาต้องการจะพูดกับ เจ.ดี.ดังนั้น ธันยากับแพททริคจึงถูกปล่อยให้อยู่ด้วยกันตามลำพังชั่วขณะหนึ่ง ส่วนจอห์นก็วิ่งออกไปจากห้องเพื่อทำธุระส่วนตัว
“แพทริคคะ ... ” ธันยาประคองถ้วยกาแฟไว้ในอุ้งมือปรายตามองไปทางบุรุษผู้มีหน้าที่สำคัญในบริษัท ของครอบครัว “ตอนที่คุณอยู่ที่แอฟริกานั้นน่ะ...คุณได้พบกับเจคบ้างหรือเปล่าคะ”
เขาตวัดสายตาคมปลาบมองหน้าเธอแวบหนึ่งเอนหลังลงพิงอยู่กับพนักโซฟา
“ก็...พบ” เขาตอบเพียงแค่นั้น ดวงตาจับจ้องอยู่กับน้ำสีดำๆ ในถ้วยที่ถืออยู่ในมือ ราวจะสนใจกับมันมากกว่า
“แล้วโครงการที่เขาทำอยู่นั่นน่ะ มันไปถึงไหนแล้วล่ะคะ” แม้เธอจะรู้อยู่ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้เลยสำหรับความหวังที่ว่าเจคจะพูดหรือสั่งเสียอะไรบางอย่าง เป็นทำนองว่า เขากำลังจะเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้าน แต่ถึงกระนั้น ธันยาก็ยังอยากจะรู้อยู่ดี
“โครงการไหนล่ะ” แพทริคถามเสียงห้วน “อันที่เขาเพิ่งทำเสร็จลง หรือว่าโครงการใหม่ที่เพิ่งเริ่มขึ้น”
ธันยารู้สึกโล่งใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ถึงกับถอนหายใจเบา ๆ ออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ฉันไม่ยักรู้หรอกค่ะ ว่าที่เขากำลังทำอยู่นั่นน่ะมันมีอยู่ถึงสองโครงการด้วยกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่า เขาจะต้องยุ่งอยู่กับงานตลอดเวลาเลยนะคะ
“ที่จริง ลอนนี่ แดนเวอร์ส ก็เป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถมากทีเดียว แต่ว่าเจคจะต้องมีหน้าที่ในการติดต่อระหว่างไซท์ต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่ยุ่งยากมาก อย่างน้อยก็ในเวลานี้”
ธันยาออกจะดีใจที่จูเลียเดินกลับเข้ามาในห้องเพราะอย่างน้อยเธอก็ไม่จำเป็นจะต้องหาเหตุผลมาอธิบายให้แพทริคฟังว่า ทำไมเธอจึงต้องไถ่ถามถึงสามีขึ้น และจากแววในดวงตาของแพทริคก็บอกอยู่แล้วว่า เขาตั้งใจจะถามอยู่เหมือนกัน เจ.ดี.เดินตามภรรยาเข้ามา ส่งยิ้มเป็นเชิงขออภัยมาทางเธอ และแล้วก็ลงมือพูดเกี่ยวกับเรื่องงานกับแพทริค ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับสตรีทั้งสอง