บท
ตั้งค่า

# 1

หมอผู้นี้นับว่าฝีมือดีอยู่ ผ่านไปไม่ถึงเดือนร่างกายของหงซิ่วก็กลับมาแข็งแรงดังเดิม แต่ทว่านั่นกลับทำให้นางรู้สึกอึดอัดกลัดกลุ้มเป็นที่สุด เพราะอีกสองวันจะเป็นวันฝังพระศพของเสวียนฮองเฮา ในฐานะพระชายาจวิ้นอ๋อง นางจำเป็นต้องไปร่วมงาน

ขณะที่หงซิ่วกำลังจมอยู่ในภวังค์ความคิด พลันที่ด้านนอก มีเสียงย่ำเท้าหนักๆ ดังแว่วเข้ามา ไม่นานหน้าประตูก็ปรากฏร่างหญิงสาววัยราวยี่สิบมาพร้อมกับใบหน้าบึ้งตึง ในมือถือถาดไม้ทรงกลมรองไว้ด้วยชามข้าว ก้าวเข้ามาในเรือนราวกับพายุ มาถึงก็วางถาดกระแทกโต๊ะอย่างแรงจนตะเกียบกระจัดกระจายร่วงออกจากถาด จากนั้นก็สะบัดหน้าเดินกลับออกไป

หงซิ่วขยับตัวลุกจากตั่งมานั่งที่โต๊ะ คว้าตะเกียบมาเช็ดทำความสะอาด นั่งกินข้าวด้วยใบหน้าเฉยชาไร้อารมณ์ ชามข้าวที่ราดด้วยผัดผักหนึ่งอย่างถูกนางกินจนเกลี้ยง ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมานางใช้ชีวิตราวกับตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่ง ไม่ก้าวออกจากเรือน ไม่เปิดปากพูดจากับผู้ใด

สองวันต่อมา ฟ้ายังไม่ทันสว่าง สาวใช้จวนอ๋องก็เข้ามาช่วยแต่งตัว

ชุดไว้ทุกข์สีขาวที่สวมอยู่บนร่าง ทำให้หงซิ่วรู้สึกหวาดหวั่น ก้าวออกจากเรือนด้วยความประหม่า ตลอดเส้นทางที่เดินจากเรือนเล็กไปถึงหน้าจวนความคิดสับสนวุ่นวายอลหม่าน กระทั่งได้เห็นหน้าเขา จวิ้นอ๋องหมิงซีเหอ ภาพในอดีตพลันผุดขึ้นในหัว หงซิ่วเผลอมองไปที่ขาสองข้างของเขาโดยไม่รู้ตัว

จวิ้นอ๋องกำลังยิ้มน้อยๆ ให้เหอสวีอี ยกมือทัดผมให้นางอย่างอ่อนโยน ไม่แม้แต่จะเหลือบมองชายาของตนเอง หลังจากที่ร่ำลาสตรีอันเป็นที่รักเป็นที่เรียบร้อย ก็ก้าวขึ้นไปบนรถม้า

“ไปได้แล้ว ท่านอ๋องรออยู่” สาวใช้ด้านหลังเอ่ยเตือน หงซิ่วถึงได้ขยับเท้าก้าวเดินไปขึ้นรถม้า ขณะที่กำลังจะเดินผ่านร่างของสวีอี หญิงสาวนางนั้นกลับยอบกายทำความเคารพ “ถวาย...” แต่นางยังกล่าวไม่ทันจบ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “อีเอ๋อ เจ้าไม่จำเป็นต้องไปทำความเคารพนาง นางก็แค่สุนัขตัวหนึ่งในจวนอ๋อง”

หงซิ่วก้าวขึ้นรถม้าด้วยใบหน้าเฉยเมย ราวกับไม่ได้ยินวาจาของเขา ซ้ำยังไม่แม้แต่จะปรายตามองเหอสวีอี

ภายในรถม้ากว้างใหญ่หรูหรา สมกับฐานะจวิ้นอ๋องนางนั่งฝั่งหนึ่ง เขานั่งฝั่งหนึ่ง ราวกับอยู่คนละโลก ความห่างเหินเย็นชานี้ หมิงซีเหอรู้สึกไม่คุ้นชินเป็นอย่างยิ่ง จนเผลอนิ่วหน้า เดิมทีเขาไม่อยากแม้แต่จะมองนางด้วยซ้ำ ทว่าเห็นท่าทางหยิ่งยโสของนางแล้วอารมณ์จึงไม่ใคร่จะดีนัก “วันนี้อย่าได้ทำข้าขายหน้าเป็นอันขาด!” หมิงซีเหอเอ่ยเสียงเย็น

หงซิ่วไม่เพียงไม่ตอบรับ แต่สายตายังจับจ้องเพียงผนังรถม้าราวกับว่าเขาไม่มีตัวตน เห็นดังนั้น หมิงซีเหอพลันเดือดดาลขึ้นมาทันที ขยับทีเดียวฝ่ามือก็คว้าเข้าที่ลำคอขาวผ่อง แววตาแฝงความอำมหิต “เจ้าคงอยากตายมากใช่หรือไม่!”

ใบหน้าที่เคยขาวซีดบัดนี้แดงก่ำ หายใจแทบไม่ออก แต่หงซิ่วกลับไม่ยอมปริปาก มองเขาด้วยสายตาว่างเปล่าไร้อารมณ์

หมิงซีเหอขบกรามแน่น ที่สุดก็ต้องเป็นฝ่ายสะบัดมือออก นางไออยู่หลายทีติด แต่หลังจากนั้นก็ผินหน้ากลับไปมองผนังรถม้าดังเดิม เมื่อทำอันใดนางไม่ได้ หมิงซีเหอก็ได้แต่แค่นเสียงใส่อย่างขุ่นเคือง ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง

อันที่จริง หงซิ่วแค่หวาดกลัว กลัวที่จะเห็นร่างของเสวียนฮองเฮา จนไม่มีกะจิตกะใจมานึกถึงเรื่องอื่น เมื่อรถม้าหยุดลงที่หน้าประตูพระราชวัง เสียงปี่ฆ้องทำนองส่งศพดังแว่วมาแต่ไกล ร่างของหงซิ่วพลันสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ หลังจากที่ก้าวลงจากรถม้า นางถึงกับเป็นลมหมดสติไปทันที ฟื้นขึ้นมาอีกทีที่เรือนเล็กท้ายจวน

เพราะนางทำให้เขาขายหน้า ค่ำนั้น จวิ้นอ๋องจึงเข้ามาตบตีนาง “ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ ว่าอย่าทำให้ข้าขายหน้า!” หมิงซีเหอกล่าวอย่างเย็นชา บีบปลายคางของนางแน่นราวกับจะบดกระดูกให้แหลกละเอียด ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงมาบนใบหน้าอีกหลายฉาด โสตประสาทของหงซิ่วพลันรู้สึกอื้ออึง ในหัวมึนงง กลิ่นคาวเลือดคลุ้งเต็มปาก มองเขาอย่างเลื่อนลอย นางปล่อยให้เขาระบายความโกรธจนพอใจโดยไม่เปิดปาก กระทั่งเขาเดินจากไป

หงซิ่วขดตัวอยู่บนพื้นเย็นเยียบ ความเจ็บปวดจากร่างกายไม่ได้ส่งผลกับนางแม้แต่น้อย คล้ายว่าอารมณ์ทั้งหลายถูกทำลายไปจนหมดสิ้น ที่สุดแล้วก็ปล่อยให้ตนเองหลับใหลไปทั้งอย่างนั้น

ความฝันมากมายผุดขึ้นมาไม่ขาด ล้วนสับสนปนเปยุ่งเหยิง มีทั้งของเสวียนฮองเฮาและของโส่วหงซิ่วปะปนกันจนแยกไม่ออก แต่ฝันสุดท้ายที่นางจำได้ติดตาคือดวงตากลมโตคล้ายลูกกวางน้อยสุกสกาวท่ามกลางความมืดมิดของใครบางคน ที่แม้จะมองเห็นในความมืด ทว่ายังกระจ่างชัดมาจนถึงตอนนี้

หงซิ่วยันกายลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า อากาศยามเช้าพาให้เลือดในกายเย็นเหยียบ ความหนาวเหน็บแทรกเข้าไปทุกอณูขุมขน นางลุกขึ้นมาฝึกร่างกายตามความเคยชินเหมือนชาติที่แล้ว ทั้งที่สภาพร่างกายอ่อนล้า หลังจากเลือดลมเดินสะดวก ก็ตรงไปยังห้องเล็กปีกข้าง ติดเตาต้มน้ำอย่างชำนาญ แบ่งส่วนหนึ่งใส่กาน้ำร้อน อีกส่วนหนึ่งผสมน้ำอุ่นเพื่อใช้อาบ

จะอย่างไรชาติที่แล้วนางก็เคยเป็นทหารมาก่อน ความลำบากแค่นี้ไม่นับเป็นอันใดสำหรับนาง ถือว่าเป็นเรื่องดีเสียอีกที่นางได้อยู่คนเดียว หงซิ่วใช้ชีวิตเงียบสงบอยู่ในเรือนหลังเล็กท้ายจวนได้เพียงเจ็ดวัน ที่สุดก็มีแขกมาเยือน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel