บท
ตั้งค่า

เกลียด

สองอาทิตย์ผ่านไป...

"คิม..ย่ารู้ว่าย่ามีเวลาอยู่กับเราได้อีกไม่นาน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ย่าขอ....เราทำเพื่อย่าได้ไหม"

"..........."

"ย่าหวังว่าเราคงไม่ทำให้ย่าผิดหวังเพราะมันคือคำขอร้องครั้งสุดท้ายของย่า ย่าไม่เคยขออะไรแกเลยใช่ไหม"

"..........." มันก็จริงที่ย่าไม่เคยขอร้องอะไรผม

"เพราะฉะนั้นเรื่องนี้แกต้องทำเพื่อย่านะ ย่าจะได้นอนตายตาหลับไม่ห่วงอะไรแกอีก" ย่าผมพูดขนาดนี้ในสถานการณ์แบบนี้ผมจะปฏิเสธอะไรได้ ผมก็เลยพยักหน้าแทนคำตอบพร้อมกับกุมมือของท่านเอาไว้ ผมรู้ว่าย่าคงอยู่กับผมได้อีกไม่นานคุณหมอบอกให้ผมทำใจไว้นานแล้วว่าท่านจะจากไปตอนไหนก็ได้ตลอดเวลาเพราะอาการท่านแย่ลงทุุกวัน แม้ผมจะทำเหมือนเข้มแข็งต่อหน้าย่าและคนอื่นแต่พอลับหลังผมก็แอบเสียใจร้องไห้ไม่ให้ใครเห็นเพราะทั้งชีวิตของผมไม่เหลือใครแล้วนอกจากย่าแค่คนเดียว ตั้งแต่พ่อกับแม่ผมจากไปผมก็เหลือแค่ปู่กับย่า ผมจำได้ว่าตอนที่ปู่เสียผมเสียใจมากเพราะท่านรักผมตามใจผมทุกอย่างไม่เคยขัดใจผมเลยสักครั้ง ถ้าผมโดนย่าดุปู่ก็จะเข้าข้างผมปกป้องผมทันที ผมอยากได้อะไรปู่ก็หาให้ทุกอย่างไม่ว่าของสิ่งนั้นจะแพงแค่ไหนก็ตาม ท่านเคยพูดว่าอยากชดเชยในสิ่งที่ผมสูญเสียไป ปู่มักจะโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองตลอดเวลาว่าท่านเป็นคนพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้านทำให้ครอบครัวของผมแตกแยกท่านพร่ำพูดว่าท่านขอโทษที่ท่านสั่งสอนลูกชายของท่านหรือพ่อของผมไม่ดีมันก็เลยทำให้เกิดเรื่องราวเลวร้ายที่ผมไม่มีวันลืมท่านก็เลยอยากไถ่โทษถ้าผมอยากได้อะไรต้องการอะไรปู่จะหาให้ทุกอย่างถ้ามันคือความสุขของผมแม้ของสิ่งนั้นจะไม่ได้สำคัญหรือมีประโยชน์อะไรเลยก็ตาม จนกระทั่งท่านมาเสียไปเมื่อสองปีก่อนด้วยโรคชราผมทำใจอยู่นาน และตอนนี้ผมก็กำลังจะสูญเสียย่าไปอีกคน

"ถ้าเป็นไปได้ย่าอยากให้จัดงานแต่งกันวันนี้เลยได้ไหมย่าอยากเห็นแกสวมชุดเจ้าบ่าวย่าอยากเห็นแกเป็นฝั่งเป็นฝาอยากเห็นก่อนที่ย่าจะตายจากโลกนี้ไป คิมทำเพื่อย่าได้ไหมลูก"

"ย่ายังอยู่อีกนานไม่ต้องรีบก็ได้"

"ย่ารู้ตัวเองดีว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน ร่างกายย่าย่าย่อมต้องรู้ดี เอาล่ะคุณทนาย ยังไงช่วยเป็นธุระเรื่องนี้ให้ฉันทีนะ จะเสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่าขอแค่ให้จัดงานให้ทันวันนี้" ย่าผมพูดกับทนายประจำตระกูลที่ช่วงนี้มาบ้านผมแทบจะทุกวันคงมาจัดการเรื่องพินัยกรรมทรัพย์สินต่างๆ นั่นแล่ะ

"ได้ครับคุณท่าน" ผมหันมองไปทนายที่ยืนอยู่ตรงมุมห้องข้างๆ ทนายก็มีว่าที่เมียรับใช้ของผมยืนก้มหน้าก้มตาเช็ดน้ำตาซึ่งผมไม่รู้หรอกว่ายัยนี่ร้องไห้จริงๆ หรือแค่แกล้งแสดงละคร ยัยนี่เป็นแค่เด็กยากจนไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่ปู่ผมรับมาเลี้ยงเหมือนคนอื่นๆ นั่นแล่ะ ผมเคยถามปู่ผมนะว่าทำไมถึงชอบรับเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเลี้ยงมาอุปการะให้เปลืองเงิน ปู่บอกว่าตอนที่ปู่เด็กๆ ปู่ไม่มีอะไรเลยเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งญาติพี่น้องก็ไม่มีจนกระทั่งวันหนึ่งปู่ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ใจดีปู่ก็เริ่มสร้างฐานะสร้างอนาคตด้วยตัวของท่านเองจนร่ำรวยมีเงินทองมากมายที่ชาตินี้ทั้งชาติก็ใช้ไม่หมด ท่านก็เลยมีความคิดว่าอยากจะช่วยเหลือคนอื่นที่ลำบาก ตั้งแต่ผมจำความได้ปู่ผมจะรับเด็กมาดูแลทั้งชายทั้งหญิง บางคนเรียนจบมีงานทำก็ย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บางคนก็ขออยู่ที่นี่ทำงานที่นี่เป็นแม่บ้านบ้างคนสวนบ้างคนขับรถบ้างปู่ก็ให้เงินเดือนตามสมควร เมื่อก่อนผมไม่เคยแอนตี้ไม่เคยต่อต้านว่าปู่จะรับใครมาอุปการะเพราะแต่ละคนก็ไม่ได้มีผลต่อการใช้ชีวิตของผม ทุกคนจะไม่ได้อยู่ที่ตึกใหญ่เพราะปู่ผมมีเรือนนอนให้ได้อยู่รวมกันด้านหลัง จนกระทั่งมีเหตุการณ์เหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ชีวิตที่มีความสุขของเปลี่ยนแปลงไปตลอดชีวิตมันเป็นเหตุการณ์ที่ผมไม่มีวันลืมนั่นก็คือการที่ผมเข้าไปเจอแม่ตัวเองนอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องนอน ท่านฆ่าตัวตายเพราะท่านรับไม่ได้เรื่องที่พ่อผมแอบไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่ปู่ผมรับมาเลี้ยง พ่อผมบอกว่าจะรับผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียอีกคนโดยไม่สนใจความรู้สึกของแม่หลังจากนั้นแม่ของผมเสียใจตรอมใจแล้วก็ฆ่าตัวตายในที่สุด ตอนนั้นผมช็อกจนต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะเป็นผมที่เข้าไปเห็นสภาพของแม่คนแรกที่นอนเลือดท่วมอยู่ภายในห้องนอนของท่าน ผมเสียใจต่อการจากไปของแม่ได้เพียงไม่นานผมก็มาเสียพ่อไปอีกพ่อผมยิงตัวตายตามแม่เพราะรู้สึกผิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหตุการณ์นี้ทำให้ผมกลายเป็นเด็กกำพร้าทั้งพ่อทั้งแม่ ถามว่าผมเสียใจไหมกับการจากไปของพ่อผมไม่เสียใจเลยสักนิดเพราะถ้าสาเหตุไม่ได้มาจากพ่อแม่คงไม่คิดสั้นฆ่าตัวตายแบบนั้น มันเลยทำให้ผมไม่ชอบผู้หญิงที่ปู่ผมรับมาเลี้ยงดูโดยเฉพาะยัยลลิลที่ปู่ผมจะเอ็นดูเป็นพิเศษ ผมยอมรับว่าเคยคิดอกุศลว่าปู่ผมจะแอบมีอะไรกับยัยนี่แล้วเลี้ยงดูอย่างลับๆ

ผมเกลียดลลิลตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในบ้านในวันแรกผมจำได้ว่ายัยนี่มาในสภาพสกปรกเนื้อตัวมอมแมมเหมือนหมาข้างถนน ผมเคยถามปู่อยู่ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วว่าทำไมปู่ถึงเอ็นดูยัยนี่มากกว่าคนอื่นๆ คำตอบของปู่ก็คือยัยนี่ชีวิตน่าสงสารที่สุดเท่าที่ปู่เคยรับเด็กมาเลี้ยงดู หลังจากนั้นปู่สาธยายให้ผมฟังว่ายัยนี่เป็นเด็กดีเป็นคนดีไม่มักใหญ่ใฝ่สูงและที่สำคัญที่สุดยัยนี่เป็นคนที่ซื่อสัตย์เพราะปู่เคยลองใจเอาของมีค่าอย่างเช่นกระเป๋าเงินแหวนนาฬิการาคาแพงวางไว้ในที่ลับตาคนปรากฏว่ายัยนี่เป็นคนเดียวที่ไม่คิดจะเอาซ้ำยังหยิบมาคืนให้ท่านต่างจากคนอื่นบางคนคิดว่าไม่มีใครเห็นก็แอบขโมยใส่กระเป๋าแล้วบอกว่าไม่เห็นไม่เจอบ้างก็มี เพราะเหตุผลนี้ปู่ถึงเอ็นดูยัยลลิลมากกว่าเด็กคนคนอื่นๆ ไหนจะมีช่วงมัธยมที่ผมมักจะชอบโดดเรียนไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วถูกอาจารย์เรียกพบผู้ปกครองผมถูกปู่กับย่าดุแล้วเปรียบเทียบผมกับลลิลว่ายัยนี่เป็นเด็กเรียนดีไม่เคยโดดเรียนสอบได้ที่หนึ่งทุกเทอมต่างจากผมที่แค่เรียนเอาผ่าน ผมไม่โอเคที่เอาผมไปเปรียบกับยัยเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้ามันก็เลยทำให้ผมหมั่นไส้ยัยนี่มากขึ้นทุกวันๆ จนกลายเป็นความเกลียด

และแล้วก็ถึงช่วงเวลาที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นแต่มันก็ได้เริ่มต้นขึ้นภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวันด้วยอำนาจของเงิน สวนทั้งสวนกลายเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานซึ่งแขกที่มาร่วมงานก็มีแค่คนสนิทไม่กี่คน โดยเฉพาะเพื่อนผมที่ผมไม่ได้โทรชวนมันมาแต่มันก็มาไม่รู้ว่าพวกมันรู้ได้ยังไง

"พวกมึงมาทำไมกันวะ" ผมถอนหายใจแล้วถามไอ้พวกเพื่อนสนิทของผมที่ตอนนี้มันนั่งหน้าสลอนกันอยู่

"อ้าวไอ้เหี้ยคิมมึงพูดเหมือนพวกกูไม่ใช่เพื่อนมึง"

"นั่นดิ นี่ถ้าย่ามึงไม่ให้คนที่บ้านมึงโทรไปบอกพวกกูพวกกูก็ไม่รู้ว่าวันนี้มึงจะแต่งงาน"

"ไหนวะไอ้คิมว่าที่เมียมึงอ่ะ กูมายังไม่เจอเลย"

"กูเคยบอกเหตุผลพวกมึงไปแล้วว่ายัยนั่นไม่ใช่เมียกูและก็ไม่มีวันใช่ด้วย" ผมเคยระบายกับพวกมันเรื่องที่ผมต้องจดทะเบียนกับยัยนั่น

"ตอนนี้ไม่ใช่แต่พอแต่งงานกันอยู่ด้วยกันนอนห้องเดียวกันทุกวันอะไรก็เกิดขึ้นได้ป่าวละไอ้คิม ไอ้ที่บอกไม่เอาเผลอๆ มึงเองนี่แล่ะจะไปปล้ำเค้าก่อนด้วยซ้ำ"

"เหอะกูว่ารอให้ช้างออกลูกเป็นไข่ก่อนละกันถึงจะเห็นวันนั้น"

"เออทำปากดีไปนะมึงอ่ะไอ้คิม"

"หรือมึงยังไม่ลืมยัยแอนนี่เมียเก่ามึง"

"นั่นดิเห็นว่ากลับมาไทยแล้วนี่หลังจากทิ้งมึงไปแต่งงานกับเศรษฐีแก่"

"กูไปเจอโพสต์ยัยนั่นในไอจีมาเว้ย บอกว่ากลับมาตามหาหัวใจที่ทำหล่นหาย ถ้าให้กูเดาสงสัยยัยนั่นจะกลับมาหามึง"

"มึงเลิกพูดถึงแอนนี่ซะทีกูไม่อยากฟัง" ที่ผมไม่อยากฟังเพราะผมยังรู้สึกกับแอนนี่อยู่แม้ว่าเธอจะทำให้ผมเจ็บโดยการบอกเลิกผมแล้วไปแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เธอเลือกให้

"มึงรักยัยนั่นอยู่ล่ะสิดูสายตามึงกูก็รู้แล้ว"

"อย่าเสือก"

"เห้ยนั่นหรือเปล่าวะ ว่าที่เมียใหม่มึง สวยใช้ได้เลยนี่หว่าไม่เห็นเหมือนที่มึงบอกพวกกูเลย" พวกเพื่อนผมมันพากันหันไปมองตรงซุ้มดอกไม้พอผมมองตามก็เห็นเป็นว่ายัยนั่นกำลังเดินออกมาในชุดเจ้าสาวแต่ผมที่ไม่ได้สนใจเพราะไม่ได้อยากเห็น

"นั่นดิวะ สวยกว่ายัยแอนนี่เมียเก่ามึงตั้งเยอะ"

"มึงอย่าเอายัยคนรับใช้นี่มาเปรียบเทียบกับแอนนี่กูไม่ชอบ"

"มึงจะมาพูดปกป้องเมียเก่ามึงแบบนี้ไม่ได้นะเว้ยไอ้คิม"

"ทำไมกูจะพูดไม่ได้ปากกูความคิดกู"

"เออ เอาที่มึงสบายใจละกัน"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel