พินัยกรรม
ลลิล...
ฉันทั้งตื่นเต้นทั้งประหม่าเมื่อต้องอยู่ในชุดเจ้าสาวโดยมีเขายืนอยู่ข้างๆ ในชุดเจ้าบ่าวฉันแอบมองเขาอยู่บ่อยครั้งวันนี้เขาหล่อมากฉันทั้งเขินทั้งอายเมื่อต้องยืนอยู่คู่กันแม้ตลอดภายในงานคุณคิมหันต์จะไม่แม้แต่หันมามองหน้าฉันเลยก็ตาม ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้อยากแต่งแต่ขัดคำสั่งของคุณท่านไม่ได้ซึ่งก็รวมถึงฉันด้วย แต่สุดท้ายงานก็ผ่านไปได้ด้วยดีหลังพิธีแต่งงานจบคุณท่านก็สั่งให้ฉันย้ายขึ้นมานอนที่ตึกใหญ่ทันทีแม้ฉันจะบอกว่าฉันนอนที่เรือนนอนร่วมกับคนอื่นๆ เหมือนเดิมก็ได้แต่คุณท่านก็ไม่ยอมเพราะตอนนี้ฉันได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของคุมคิมหันต์อย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วแม้จะแต่งเพราะความจำเป็นและจำใจก็ตามเพราะฉะนั้นฉันจะไปอยู่แบบเดิมทำตัวแบบเดิมไม่ได้อีก สุดท้ายฉันก็ต้องเก็บข้าวของทุกอย่างที่จำเป็นขึ้นมาอยู่บนตึกใหญ่โดยมีเสียงค่อนแคะประชดประชันจากคนสามคนที่ไม่พอใจที่ฉันได้แต่งงานกับคุณคิมหันต์คอยพูดจาดูถูกเหยียดหยามต่างๆ นาๆ
"พวกฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกไปประจบสอพออีท่าไหนทำไมคุณท่านถึงให้แกแต่งงานกับคุณคิมทั้งที่คุณคิมเค้าเกลียดแกยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ ในงานใครๆ ก็ดูออกว่าคุณคิมเค้าไม่ได้อยากแต่งงานกับแก"
"พนันได้เลยไม่เกินหนึ่งเดือนแกก็จะถูกเฉดหัวลงมาอยู่ที่นี่เหมือนเดิมหรืออาจจะถูกไล่ออกจากบ้านก็ได้"
"ใช่ คุณคิมน่ะเกลียดมันจะตายเค้าไม่ทนอยู่กับมันหรอกเผลอๆ ไม่เกินอาทิตย์นี้ด้วยซ้ำ"
"พวกเรามานับวันรอซ้ำเติมมันดีกว่า5555" ฉันพยายามไม่สนใจไม่ใส่ใจคำพูดเหล่านั้นเพราะฉันรู้ตัวเองดีว่ากำลังทำอะไรและที่พวกนั้นพูดมันก็คือความจริงทุกอย่าง
ถึงฉันจะย้ายมาอยู่บนตึกใหญ่แต่ฉันก็ไม่ได้อยู่ร่วมห้องกับคุณคิมหันต์ฉันอยู่ห้องข้างๆ คุณท่านเพื่อที่จะได้ดูแลท่านอย่างใกล้ชิดเพราะหลังงานแต่งงานอาการท่านก็ทรงๆ ทรุดๆ ดูเหมือนจะดีแต่ก็ไม่ดีแต่ที่ฉันเห็นผ่านแววตาของท่านดูท่านมีความสุขมากขึ้นสายตาที่ท่านมองฉันดูมีความเมตตาและเอ็นดูมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
"ฉันอยากให้แกมีลูกกับตาคิมนะนังลิลฉันเชื่อว่าลูกจะเป็นโซ่ทองคล้องใจแกกับตาคิม ฉันมั่นใจว่าตาคิมจะเป็นพ่อที่ดีและแกก็เป็นแม่ที่ดีให้เหลนในอนาคตของฉัน"
"มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะคุณท่าน" และมันจะไม่มีเกิดขึ้นด้วยฉันมั่นใจแบบนั้น
"ฉันเชื่อว่าความรักและความดีของแกจะทำให้ตาคิมใจอ่อนยอมรับแกได้ในสักวัน ฉันเชื่อว่าฉันดูคนไม่ผิด คุณพี่เคยบอกกับฉันก่อนที่ท่านจะเสียว่าท่านอยากให้ตาคิมมีคู่ชีวิตที่ดีขอแค่เป็นคนดีรักตาคิมด้วยใจจริงไม่ใช่เพราะเงินทองคุณพี่ยังบอกอีกว่าถ้าจะหาใครสักคนขอให้หาคนดีๆ ดีให้ได้ครึ่งของแกนังลิล"
"คุณท่าน" ฉันยอมรับว่าตกใจไม่น้อยที่ได้ยินแบบนั้น
"ฉันยอมรับว่าตอนนั้นฉันไม่พอใจที่คุณพี่พูดแบบนั้นเพราะในสายตาของฉันแกมันก็แค่เด็กที่ถูกขอมาเลี้ยง ทั้งฐานะทั้งชาติตระกูลทั้งความเป็นมาของแกมันไม่มีอะไรเทียบกับตาคิมได้เลย ฉันรับไม่ได้หรอกนะที่จะให้คนอย่างแกมาเป็นหลานสะใภ้เพราะแกไม่มีอะไรคู่ควรกับหลานชายเพียงคนเดียวของฉันเลย แต่สุดท้ายฉันก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความดีของแกความกตัญญูของแกมันก็ทำให้ฉันเห็นว่าที่คุณพี่เคยพูดมันคือความจริงทุกอย่าง ฉันขอโทษที่เคยดูถูกแกดูถูกพ่อแม่ของแกฉันขอโทษนะนังลิล แกคงจะเสียใจกับคำพูดที่ฉันพูดทำร้ายจิตใจแกหลายต่อหลายครั้ง"
"ลิลไม่เคยถือโทษโกรธคุณท่านเลยสักครั้ง คุณท่านอย่าขอโทษลิลเลยนะคะ คุณท่านทั้งสองเป็นผู้มีพระคุณบุญคุณของคุณท่านลิลตอบแทนชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่มีวันหมด"
"แกสอนให้คนแก่ใกล้ตายอย่างฉันได้รู้ว่าฐานะ ชาติกำเนิดมันไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าคนๆ นั้นจะเป็นคนดีหรือไม่ดีเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมมันขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า แกเป็นคนดีมากจริงๆ เลยนะลิลฉันไม่เสียใจเลยที่ไว้ใจแกเชื่อใจแกให้แต่งงานกับตาคิม แกอยู่ดูแลตาคิมแทนฉันด้วยนะถ้าฉันไม่อยู่แล้ว"
"คุณท่านต้องอยู่กับคุณคิมไปอีกนานหลายปีเลยค่ะ แต่ตอนนี้ได้เวลาทานยาแล้วคุณท่านทานยานะคะแล้วเดี๋ยวลิลจะอ่านหนังสือให้ฟัง คุณท่านอยากให้ลิลอ่านเล่มไหนบอกได้นะคะ แล้วคืนนี้ลิลจะนอนเฝ้าคุณท่านเอง"
"แกก็เป็นซะแบบนี้จะไม่ให้ฉันเอ็นดูแกได้ยังไง"
หลายวันต่อมา....
ฉันได้อยู่ดูแลคุณท่านไม่นานคุณท่านก็จากไปอย่างสงบ ทุกคนในบ้านต่างเศร้าโศกเสียใจ โดยเฉพาะคุณคิมหันต์ที่เขาไม่พูดจาอะไรกับใครเลย และหลังจากงานคุณท่านผ่านพ้นไปทนายความประจำตระกูลก็ได้มาเปิดพินัยกรรมที่คุณท่านทำขึ้นมาใหม่พินัยกรรมมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างซึ่งในพินัยกรรมมีหลายข้อที่ทำให้คุณคิมหันต์โมโหจนเก็บอาการไม่อยู่โดยเฉพาะเรื่องการมีทายาท
"พินัยกรรมระบุว่าคุณคิมหันต์จะได้รับมรดกทั้งหมดก็ต่อเมื่อมีทายาทคนแรกและทายาทคนนี้จะต้องเกิดจากลลิลผู้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงผู้เดียวเท่านั้น"
"ห๊ะ?? พูดใหม่อีกทีดิ๊ทนาย" อย่าว่าแต่คุณคิมหันต์เลยที่ตกใจฉันเองก็ตกใจเหมือนกันที่ได้ฟัง
"ตามนั้นเลยครับ พูดง่ายๆ ก็คือคุณคิมต้องมีลูกกับลิลคุณคิมถึงจะสามารถรับมรดกทุกอย่างที่คุณท่านยกให้ได้"
"ย่าทำไมถึงทำกับผมแบบนี้วะ แม่งเอ้ยรู้ทั้งรู้ว่าผมเกลียดมันมากแค่ไหนแต่ก็ยังบังคับให้ผมมีลูกกับมันอีก แค่คิดก็จะอ้วก" เขาหัวเสียจนเก็บอาการไม่อยู่เขาหันมองหน้าฉันด้วยสายตาเกลียดชัง ฉันทำได้แค่ก้มหน้าอยู่อย่างเงียบๆ เพราะรู้ว่าตอนนี้เขากำลังพาลและโกรธฉันอยู่
"แต่ถ้าคุณคิมไม่สามารถมีทายาทกับลิลได้ทรัพย์สมบัติทุกอย่างจะต้องเข้าการกุศล ยกเว้นก็แต่ว่า...."
"แต่ว่าอะไรก็พูดมาดิ"
"เว้นแต่ว่าลิลจะยอมเซ็นต์ใบหย่าโดยความสมัครใจ"
"งั้นก็เซ็นต์เลยดิ"
"ไม่ได้ครับเพราะพินัยกรรมข้อต่อไปที่คุณท่านระบุไว้ว่าห้ามมีการจดทะเบียนหย่าร้างจนกว่าจะแต่งงานครบสองปี"
"สองปี??"
"ใช่ครับสองปีถ้าหลังสองปีคุณคิมกับลิลยังไม่มีทายาทคุณคิมสามารถหย่ากับลิลได้แล้วคุณคิมก็จะได้ทุกอย่าง ส่วนลิลก็จะได้เงินจำนวนหนึ่งและที่ดินแปลงหนึ่งเพื่อเอาไว้สร้างตัวหลังจากหย่ากับคุณคิมแล้ว"
"ย่านะย่าคิดได้ไง สองปีที่ผมต้องทนอยู่กับผู้หญิงที่ผมเกลียดผมจะทนได้ไง"
"ทนไม่ได้ก็ต้องทนครับถ้าคุณคิมไม่อยากให้ทรัพย์สมบัติทุกอย่างของคุณคิมเป็นของการกุศล"
"แม่งเอ้ย"
"แต่ก่อนที่คุณท่านจะเสียคุณท่านฝากให้ผมบอกกับคุณคิมว่าท่านหวังว่าคุณคิมจะมีความสุขกับชีวิตคู่และมีทายาทตัวน้อยสักสองสามคนคุณท่านอยากให้คุณคิมมีครอบครัวที่อบอุ่นนะครับ อ่อยังมีอีกข้อนึงที่ผมลืมบอกคุณคิม คุณคิมไม่มีสิทธิ์ไล่ลิลออกจากบ้านลิลต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะครบกำหนดสองปี"
"ถ้าย่ารับรู้ได้ผมอยากจะบอกว่าผมคงทำอย่างที่ย่าหวังไว้ไม่ไ่ด้และมันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเพราะแค่ทุกวันนี้ที่ต้องเจอหน้ายัยนี่ผมก็แทบไม่อยากกลับบ้านแล้ว" คุณคิมเดินออกไปจากห้องด้วยความโกรธ เหลือแค่ฉันกับคุณทนายความเท่านั้น
"อดทนนะลิลคุณท่านหวังกับเรามาก อย่าทำให้คุณท่านผิดหวังล่ะ ถ้าอยากตอบแทนพระคุณของท่านก็จงทำให้ได้" นี่คือคำพูดสุดท้ายของคุณทนายความ