เป็นกูแล้วมันแปลกเหรอ
"ไปหาอะไรกินก่อนไหม แล้วพวกเราค่อยแยกย้ายกัน ..."ณิชาถามเพื่อนๆ หลังจากที่พวกเธอคุยกันเรื่องทุนการศึกษาของเจษแล้ว สรุปได้ว่า ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าทำไมเจษถึงได้ทุนนี้
"ไปสิ...หิวมากเลยตอนนี้ หมดพลังไปกับเรื่องทุนของอีเจษมัน ..."จิพูดพร้อมกับทำหน้าเหนื่อยอ่อนไปด้วย
"กินอะไรกันดี ไปหาอะไรกินข้างนอกไหม ไปเดินซื้อของด้วย ..."บอยเสนอความคิดเห็นด้วยนํ้าเสียงที่สดใส เพราะเขาชอบเดินห้างสรรพสินค้าเป็นที่สุด
"กูไม่อยากไปไหนไกล กูยังจัดของไม่เสร็จเลย ..."เจษพูดขึ้น ตอนนี้เขาอยากจะกลับหอ เพื่อกลับไปเสิร์ชหาข้อมูลของหม่อมหลวงทัตเทพ เดชชนากรมากที่สุด เพราะว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย หรืออาจจะเป็นเพราะว่า หม่อมหลวงทัตเทพอยู่คนละสังคมกับเขา ทำให้เขาไม่เคยรู้ว่ามีชื่อนี้มาก่อน
"งั้นไปหาอะไรง่ายๆกินอยู่ใกล้ๆหอของไอ้เจษมันก็ได้ ..."ขันทองเสนอขึ้น
"มึง...ง มึงเนื้อคู่กูมาแล้ว ..."จิสะกิดบอกเจษที่อยู่ใกล้เขาที่สุดให้ดูกลุ่มคนที่เดินผ่านไป
"เนื้อคู่อะไรของมึงจิ ..."เจษถามด้วยความสงสัย เพราะเขายังไม่ทันมองว่าใครเดินผ่านกลุ่มของพวกเขาไป
"นั่นไง...คุณศรัณย์ไง ดูใกล้ๆหล่อมาก ทำไมกูไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนวะบอย ..."จิหันไปถามบอยด้วยความสงสัย ว่าทำไมเขาไม่เคยเห็นศรัณย์มาก่อน
"คุณศรัณย์เขาเรียนที่โรงเรียนชายล้วนจนจบม.ปลาย เป็นคนค่อนข้างที่จะเก็บตัว กูยังเสียดายอยู่เลย ว่าทำไมกูถึงไม่เรียนโรงเรียนชายล้วนวะ ..."บอยพูดขึ้นอย่างเจ็บใจ
"วันๆเพ้อหาแต่ผู้ชายนะพวกมึง ไปเถอะกูหิวแล้ว หรือมึงจะกินแต่ผู้ชาย มึงไม่กินข้าวจิ...บอย ..."ขันทองมองบอยกับจิด้วยสายตาที่หมั่นไส้ เพราะว่าบอยกับจิมองตามกลุ่มของศรัณย์ไปจนลับตา
"ถ้าเขายอมให้กูกิน กูก็จะกินเขา กูไม่กินก็ได้ข้าวอ่ะ ..."จิสบตากับขันทองแล้วยักคิ้วข้างหนึ่งขึ้นให้ขันทองหมั่นไส้เล่น
"งั้นชาตินี้มึงก็กินข้าวไปก่อนนะจิ กูว่าพ่อแม่ของคุณศรัณย์ไม่เอามึงหรือว่ากูไปทำลูกสะใภ้เขาหรอก บ้านเขาผู้ดีเก่าขนาดนั้น เขาคงไม่ยอมให้ลูกชายของเขามีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกันหรอก ..."บอยพูดด้วยนํ้าเสียงที่เห็นใจเพื่อนและตัวเองไปด้วย
"ความรักเกิดขึ้นได้กับทุกเพศเว้ย พ่อแม่ของคุณศรัณย์ต้องเข้าใจ และความรักของกูกับของคุณศรัณย์มันก็ต้องมีอุปสรรคอยู่แล้ว กูพร้อมที่จะสู้ไปกับคุณศรัณย์ ..."จิพูดพร้อมกับทำท่าทางที่เพ้อฝันไปด้วย
"มึงพร้อมที่จะสู้ไปกับเขา...? ..."ณิชาถามขึ้น
"ใช่ กูพร้อมที่สุดในชีวิต ..."จิตอบด้วยท่าทางที่มั่นใจในตัวเองสูง
"จิ...แล้วมึงได้ถามเขาหรือยัง ว่าเขาพร้อมที่จะสู้ไปกับมึงไหม ฮ่าๆ ..."เจษถามขึ้นขำๆ
"เพ้อที่สุดเลยจิ...คุยกับเขา มึงก็ยังไม่เคยเลย หน้ามึงเขาก็ยังไม่เคยมอง แล้วมึงจะเอาอะไรสู้ไปกับเขา ฮ่าๆ ..."ขันทองพูดขึ้นขำๆ
"พวกมึงคอยดูก็แล้วกัน กูจะเอาคุณศรัณย์มาเป็นแฟนของกูให้ได้ ..."จิเชิดหน้าขึ้นอย่างมั่นใจในตัวเองสูง
"จิ...มึงมั่นหน้ามาก มึงทำให้เขายอมคุยกับมึง หรือมองหน้ามึงก่อนไหม แล้วมึงค่อยมาคุยเรื่องเป็นแฟนกับคุณศรัณย์ ..."บอยพูดด้วยนํ้าเสียงที่หมั่นไส้จิ ที่ดูมั่นใจในตัวเองเหลือเกิน
"ไปกันได้แล้ว มัวแต่เพ้อเจ้อกันอยู่ได้ กินข้าวอิ่มแล้วจะได้แยกย้ายกัน ..."ขันทองพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะเดินนำเพื่อนๆไป
"แล้วเรื่องไปเข้าค่าย ตกลงกันว่ายังไงวะ กูยังฟังไม่จบเลย อาจารย์ก็มาเรียกกูไปซะก่อน ..."เจษถามขึ้น ในขณะที่พวกเขากำลังนั่งกินอาหารตามสั่งอยู่ที่หน้าหอพักของเขา
"ช่างเรื่องเข้าค่ายมันเถอะ มึงก็ดูจากเอกสารที่รุ่นพี่เขาแจกมานั่นแหละ แต่เรื่องทุนของมึงกูยังติดใจอยู่ ใครนะที่ให้ทุนมึง กูจำชื่อไม่ได้แล้ว หรือว่าอาจารย์ไม่ได้บอกวะ ..."ขันทองถามขึ้น เพราะเรื่องทุนของเพื่อนมันยังคาใจของเขาอยู่
"ไอ้เจษมันบอกแล้วไง ว่าหม่อมหลวงอะไรนะเจษ กูลืมชื่อ ..."ณิชาหันไปถามเจษ
"หม่อมหลวงทัตเทพ เดชชนากร ..."เจษบอกเพื่อนเหมือนกับยํ้าให้ตัวของเขาเองจำชื่อนี้ให้ได้ด้วย
"หม่อมหลวงทัตเทพ เดชชนากรเหรอ ไม่เคยได้ยินว่ะ ..."จิทวนชื่อพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิดไปด้วย
"กูเคยได้ยินว่ะ พ่อกูน่าจะรู้จัก เดี๋ยวกูกลับไปถามพ่อให้ ..."บอยพูดขึ้น เพราะชื่อนี้เหมือนเขาจะเคยได้ยิน เหมือนจะเป็นตระกูลผู้ดีเก่าพอๆกับตระกูลของศรัณย์เลย
"จริงเหรอ แล้วมาบอกกูด้วยนะ ว่าพ่อมึงรู้จักไหม ..."เจษบอกบอยด้วยนํ้าเสียงที่ตื่นเต้น
"อืม...ได้เรื่องยังไง แล้วกูจะบอก น่าจะรู้จักแหละ ..."บอยพยักหน้ารับคำของเจษ
"แล้วมึงจะเข้าไปกราบขอบคุณหม่อมหลวงทัตเทพที่บ้านของเขา ตามที่อาจารย์บอกไหม กูว่ามันแปลกๆนะ คนให้ทุนส่วนมาก เขาไม่ค่อยจะเปิดเผยตัวกันนักหรอก มีแต่ก็ส่วนน้อย ให้ก็คือให้ ไม่เห็นจะต้องให้เข้าไปกราบขอบคุณถึงบ้านแบบนี้เลย เพิ่งจะเคยได้ยินนี่แหละ ..."ขันทองพูดขึ้นตามที่เขาพอจะรู้มา
"ไปสิ อาจารย์บอกมาขนาดนี้แล้ว แล้วพวกมึงจะไปกับกูไหม ..."เจษมองหน้าของเพื่อนทุกคนในขณะที่เขาถามไปด้วย
"มึงคิดว่าคนอย่างกูจะไปไหม ..."บอยมองหน้าเจษแล้วถามขึ้น
"ไม่เหลือ ฮ่าๆ ..."จิพูดขึ้นขำๆอย่างรู้นิสัยกันดี
"ถูก กูไปแน่นอน ฮ่าๆ ..."บอยตอบรับจิอย่างอารมณ์ดี
"แล้วมึงจะไปวันไหน ..."ขันทองถามด้วยนํ้าเสียงที่จริงจัง
"ไม่รู้ว่ะ น่าจะหลังจากที่พวกเราเข้าค่ายกลับมาแล้ว หรือไม่กูก็ต้องถามอาจารย์ก่อน กูอิ่มแล้วนะ กลับกันเถอะ ง่วงยังไงก็ไม่รู้ว่ะ หาว...ว ..."เจษบอกเพื่อนๆพร้อมกับหาวไปด้วย
"อะไรของมึงอีเจษ ยังไม่มืดเลยนะ มาง่วงอะไรตอนนี้ ป่ะ...กลับก็กลับวะ ..."จิพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะเรียกให้พนักงานมาเก็บเงิน แล้วพวกเขาก็แยกย้ายกันกลับ
....
แกร๊ก
"ยังไม่มีใครมาอีกแหะ หรือว่าเป็นจริงอย่างที่ขันทองมันพูดวะ ดูลึกลับหรือเล่นตัวก็ไม่รู้ ช่างแม่งเถอะ อาบนํ้าดีกว่า ร้อนฉิบหาย ..."เจษบ่นคนเดียวเบาๆ ก่อนที่เขาจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องนํ้าไป โดยที่เขาไม่ได้จัดห้องตามที่เขาบอกเพื่อนๆ
"ไหนขอดูหน่อยมีประวัติไหม หม่อมหลวงทัตเทพ เดชชนากร หาว...ว จะมาง่วงอะไรเวลานี้วะ ..."เจษบ่นให้กับตัวเองพร้อมกับเปิดแล็บท็อปของเขาไปด้วย เพื่อหาข้อมูลของคนที่เขาสงสัยและอยากรู้มากที่สุดในตอนนี้ หลังจากที่เขาอาบนํ้าเปลี่ยนเสื้อผ้ามาแล้ว เขาก็นั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือของเขาที่มุมห้อง
"ใครอยู่กงนั้น ไปตามไอ้จ้อนมาหากูสิ มันมิรู้รึ ว่ากูกลับมาจากว่าราชการแล้ว ..."ขุนทัตเทพบอกคนที่นั่งอยู่ที่ชานเรือน ด้วยนํ้าเสียงที่เข้มออกจะดุดันเล็กน้อย ตามอารมณ์ของเจ้าตัว ที่กลับมาถึงเรือนแล้ว บ่าวรับใช้คนโปรดไม่ออกมารอรับเขา
"เจ้าค่ะท่านขุน ..."ชบารับคำ ก่อนที่เธอจะรีบลงจากเรือนไปตามจ้อน ตามคำสั่งของขุนทัตเทพ
"ไอ้จ้อน...!! มึงทำการสิ่งใดอยู่ฤา ท่านขุนเรียกหามึง...มึงรีบไปบัดเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ท่านขุนจักเอ็ดมึง ..."ชบาบอกจ้อนด้วยนํ้าเสียงที่เหวี่ยงเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะหันไปสบตากับอุ่นแล้วบึนปากให้กัน อย่างรู้กัน
"พี่ชบา...ท่านขุนกลับมาแล้วฤา งั้นข้าขึ้นไปรับใช้ท่านขุนก่อนหนา ..."จ้อนพูดด้วยนํ้าเสียงที่ดีใจ ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งขึ้นไปบนเรือน
"นังชบา...กูกลัวเหลือเกิน ว่าจะเกิดเรื่องบัดสีขึ้นบนเรือน ..."อุ่นกระซิบชบาเสียงเบา
"กูก็คิดอย่างที่มึงคิด...นังอุ่น ..."ทั้งคู่สบตากันนิ่ง ก่อนที่จะมองขึ้นไปบนเรือนพร้อมกัน
"ท่านขุนขอรับ บ่าวมาแล้วขอรับ ..."จ้อนบอกขุนทัตเทพเสียงเบา เขายืนอยู่ที่หน้าประตูหอนอนของขุนทัตเทพ
"เข้ามา ..."ขุนทัตเทพเอ่ยอนุญาตขึ้นเสียงเข้ม
แอ๊ด...ด(เสียงประตูไม้)
"ท่านขุนมีสิ่งใดให้บ่าวรับใช้ฤาขอรับ ..."จ้อนเปิดประตูเข้าไปในหอนอนของขุนทัตเทพ ก่อนที่เขาจะนั่งคุกเข่าเพื่อรอรับคำสั่ง
"ไอ้จ้อน...มึงมิรู้รึ ว่ากูมาถึงเรือนแล้ว ..."ขุนทัตเทพถามจ้อนเสียงดุ ในขณะที่เขานั่งอยู่บนเตียง
"อภัยบ่าวเถอะขอรับ บ่าว ..."
"พอๆ กูเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเต็มทนแล้วหนา มึงมานวดให้กูมา ..."ขุนทัตเทพพูดพร้อมกับปัดมือห้ามให้จ้อนพูดอย่างรำคาญ
"ขอรับ...ท่านขุน ..."จ้อนพยักหน้ารับคำ ก่อนที่เขาจะค่อยๆคลานเข่าเข้าไปนวดที่ขาของขุนทัตเทพ
"อื้อ...อดีๆ มึงนวดดี กูมีของจากหัวเมืองมาให้มึง ยื่นมือมาสิ ..."ขุนทัตเทพพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบของที่ว่าให้กับจ้อน พร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่มที่มุมปากไปด้วย
"ขอบพระคุณขอรับท่านขุน ..."จ้อนยกมือขึ้นไหว้ ก่อนที่เขาจะแบมือรับของจากขุนทัตเทพ
"มึงเปิดดูสิ ของจากหัวเมืองจักถูกใจมึงหรือไม่ ..."ขุนทัตเทพวางของลงบนมือของจ้อน พร้อมกับจับกุมมือของจ้อนเอาไว้
"เออ...อท่านขุนขอรับ ..."จ้อนก้มหน้าลงมองพื้น เขาไม่กล้าสบตากับขุนทัตเทพ ในขณะที่มือของเขายังถูกขุนทัตเทพจับกุมเอาไว้อยู่
"เร็วสิ...มึงมิอยากรู้ฤา ว่ากูให้สิ่งใดกับมึง ..."ขุนทัตเทพเร่งให้จ้อนดูของที่อยู่ในห่อผ้า โดยที่เขาไม่ยอมปล่อยมือของจ้อน
"ท่านขุนขอรับ เออ...อ ปล่อย...ปล่อยมือบ่าวเถิดขอรับ ..."จ้อนพูดพร้อมกับค่อยๆดึงมือกลับ โดยที่เขาก้มหน้ามองพื้นอยู่ตลอดเวลา
"ต่อไป มึงมีหน้าที่รับใช้กูบนเรือน มึงมิต้องลงไปทำการสิ่งใดกับบ่าวคนอื่นอีก ..."ขุนทัตเทพพูดพร้อมกับลูบมือที่หยาบกร้านของจ้อนไปด้วยอย่างพิจารณา
"ปล่อย...ปล่อยมือของบ่าวเถิดขอรับท่านขุน บ่าวเออ...อ ..."จ้อนรู้สึกร้อนไปทั่วทั้งตัว เหงื่อของเขาเริ่มไหลออกมา ทั้งที่อากาศก็ไม่ได้ร้อนอะไรนักหนา
"ไอ้จ้อนมึงป่วยฤา ไยหน้ามึงถึงได้แดงเยี่ยงนี้ ..."ขุนทัตเทพถามพร้อมกับเอื้อมมือไปจับที่ปลายคางของจ้อน เพื่อให้จ้อนเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา และเขาจะได้เห็นหน้าของจ้อนชัดเจนขึ้น
"บ่าว...บ่าวมิได้ป่วยดอกขอรับท่านขุน บ่าวเออ...อ ..."จ้อนเงยหน้าขึ้นไปสบตากับขุนทัตเทพ ก่อนที่เขาจะหลบสายตาของขุนทัตเทพลงไปมองที่พื้นตามเดิม เพราะว่าเขารู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก
ก๊อก ก๊อก
"เห๊ย...!! ฝันเหรอวะเนี่ย คุณ...คุณศรัณย์...!! ..."เจษสะดุ้งตื่น เพราะมีคนมาเคาะโต๊ะที่เขาฟุบหลับอยู่
"มึงรู้จักกูด้วยเหรอ ..."ศรัณย์ถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่เขาจะเดินไปนั่งที่เตียงของเขา
"เออ...อ ..."เจษพูดไม่ออก เพราะเขาไม่รู้จะตอบคำถามนี้ยังไงดี
"มึงฝันหวานอยู่เหรอ ..."ศรัณย์ถามขึ้น เพราะเขาเห็นว่ารูมเมทของเขา นอนหลับตาแล้วยิ้มเหมือนกับเขินอะไรสักอย่างอยู่
"คุณ...คุณอยู่ห้องนี้เหรอ ..."เจษไม่ตอบคำถามของศรัณย์ แต่เขาถามกลับศรัณย์ด้วยความแปลกใจ เพราะที่บอยบอกพวกเขาเมื่อตอนกลางวัน เขายังจำได้อยู่เลย ว่าศรัณย์เป็นลูกผู้ดีเก่า แล้วก็รวยมาก แต่ทำไมมานั่งหน้านิ่ง มองหน้าของเขาอยู่อย่างนี้ล่ะ หรือว่าเขายังฝันอยู่ ฝันซ้อนฝัน เพราะว่าตอนนี้ เขาเริ่มจะแยกไม่ออกแล้ว ว่าอะไรคือความจริง อะไรคือความฝัน
"ใช่ กูอยู่ห้องนี้ มึงมีปัญหาอะไรเหรอ ..."ศรัณย์ถามขึ้นเสียงนิ่งเรียบ
"ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกครับ แต่ผมไม่คิดว่า รูมเมทของผมจะเป็นคุณ ..."เจษพูดพร้อมกับปิดแล็บท็อปของเขา ก่อนที่เขาจะเดินไปนอนบนเตียง เขาไม่รู้ว่าเขาเผลอหลับไปตอนไหน และที่เขาเปิดแล็บท็อปเอาไว้ เขามั่นใจ ว่าเขายังไม่ได้ใช้งานมันเลย
"เป็นกู...? เป็นกูแล้วมันแปลกเหรอ ..."ศรัณย์ถามขึ้นอย่างนึกสนุก ที่ได้แกล้งให้รูมเมทของตัวเองจนมุม หาคำตอบให้กับเขาไม่ได้
"ดูเหมือนคุณจะเหงานะ ..."เจษพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะนอนให้หลังให้กับศรัณย์ อย่างคนที่ขี้เกียจจะเถียงด้วย
"กูยังคุยกับมึงไม่จบเลย มึงรู้จักชื่อกูด้วยเหรอ ..."ศรัณย์ถามพร้อมกับเดินไปที่เตียงของรูมเมทของเขา ที่นอนหันหลังให้เขา ทั้งที่เขายังไม่ได้คำตอบเลย
"ผมไม่ได้รู้จักคุณ แต่มีคนเขาพูดถึงคนที่ไม่มารับน้องน่ะ ก็แค่นี้ ไม่ได้มีอะไรสำคัญ คุณไปอาบนํ้าเถอะ มันดึกแล้ว ..."เจษหันหน้ามาตอบศรัณย์ ก่อนที่เขาจะหันกลับไป หลังจากที่เขาบอกศรัณย์ให้ไปอาบนํ้าแล้ว
"ดึกบ้าอะไรของมึง เพิ่งจะทุ่มเดียว ..."ศรัณย์ส่ายหน้าให้กับคำพูดของรูมเมทของเขา ก่อนที่เขาจะเดินกลับไปที่เตียงของเขาตามเดิม
"อ้าวเหรอ...!! เออ...จริงด้วยว่ะ อะไรว่ะเนี่ย กูเผลอหลับไปตั้งแต่หัววันเลยเหรอวะ ..."เจษรีบเอื้อมมือไปหยิบมือถือมาดูเวลาทันที และมันก็เป็นอย่างที่ศรัณย์พูดจริงๆ