กูยังงงๆอยู่เนี่ย
แกร๊ก
"ยังไม่มีใครมาเลยแหะ ช่างแม่ง...!! เก็บของก่อนดีกว่า เดี๋ยวพวกนั้นรอ ..."เจษพึมพำคนเดียวเบาๆ พร้อมกับสำรวจห้องในหอพักไปด้วย เขาอยากรู้ว่ารูมเมทของเขาเป็นใครและเป็นคนแบบไหน แต่จนถึงวันนี้ เขายังไม่รู้เลย
ก๊อก ก๊อก
แกร๊ก
"พวกกูมารับมึง ..."
"มารับกูหรืออยากมาเสือก ฮ่าๆ ..."เจษแซวบอยกับขันทองขึ้นขำๆ
"อยากเสือก อุ้ย...มารับเว้ย ..."บอยมองค้อนเจษด้วยความหมั่นไส้ เพราะว่าเจษมองหน้าของเขาแล้วทำหน้าเหมือนรู้ทัน
"แล้วนี่มึงจัดห้องเสร็จรึยัง ณิชากับจิรออยู่ข้างล่าง ..."ขันทองบอกเจษ โดยที่สายตาของเขาก็สำรวจห้องพักของเพื่อนไปด้วย
"ทำไมพวกมันไม่ขึ้นมาด้วยวะ ..."เจษถามพร้อมกับรีบเก็บของ ที่เขาเพิ่งจะเอามาในวันนี้ไปด้วย เพราะเขากลัวว่าเพื่อนจะรอนาน
"พวกมันนั่งมองหาเหยื่ออยู่อ่ะสิ มึงไม่น่าถามเลยเจษ ฮ่าๆ ..."บอยพูดขึ้นขำๆ
"แล้วนี่รูมเมทของมึงยังไม่ขนของมาอีกเหรอวะ ไหนว่าจองห้องก่อนมึงอีก ..."ขันทองถามขึ้น หลังจากที่เขาดูแล้วว่ามีแต่ของใช้ของเจษที่อยู่ในห้อง
"อย่าว่าแต่ขนของมาเลย เป็นใครกูยังไม่รู้เลย ป่ะ...ไปกันเถอะ เดี๋ยวจิกับณิชาจะรอนาน ..."เจษพูดพร้อมกับดูความเรียบร้อยในห้องอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเดินนำเพื่อนๆออกจากห้องไป
"รูมเมทมึง…ทำไมดูลึกลับจังวะ ..."บอยถามขึ้น
"รูมเมทกูอ่ะ...ไม่ได้ดูลึกลับหรอก แต่พวกมึงอยากเสือกเกิน มันก็เลยดูลึกลับ ฮ่าๆ ..."เจษแซวเพื่อนขึ้นขำๆ
"ก็มันจริงอ่ะ มึงย้ายของมาสองอาทิตย์แล้ว คนอื่นๆเขาก็ขนของกันมาหมดแล้ว เหลือแต่รูมเมทมึงนี่แหละ ..."ขันทองพูดขึ้นอย่างจับผิด
"ดูพวกมึงใส่ใจรูมเมทกูจังนะ ฮ่าๆ ..."เจษแซวเพื่อนขึ้นขำๆ ก่อนที่พวกเขาจะลงไปสมทบกับเพื่อนที่รออยู่ที่หน้าหอพัก
.......
"ไอ้จ้อนมันมาแล้วเจ้าค่ะ...ท่านขุน ภพชาตินี้ไอ้จ้อนมันงามยิ่งนัก ..."อุ่นพูดขึ้น เธอนั่งพับเพียบอยู่บนพื้นตรงหน้าของขุนทัตเทพคู่กับชบา สหายคู่ใจของเธอ พวกเธออยู่บนเรือนของขุนทัตเทพมาตลอดสี่ร้อยกว่าปี พวกเธอไม่เคยจากไปไหน แม้ร่างกายไม่เหลืออยู่แล้ว เหลือแค่วิญญาณคอยรับใช้ขุนทัตเทพที่พวกเธอจงรักภักดีมาโดยตลอด
"ใช่เจ้าค่ะ ภพชาตินี้ไอ้จ้อนมันงามนัก เหมาะกับท่านขุนยิ่งนักเจ้าค่ะ ..."ชบาพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะหลบสายตาของขุนทัตเทพลงไปมองที่พื้น
"อีชบา...อีอุ่น มึงสองตนหยุดสอพอเสียที กูชังนํ้าหน้ามึงสองตนยิ่งนัก ..."ขุนทัตเทพพูดพร้อมกับมองบ่าวข้างกายทั้งสองตนของเขา ด้วยสายตาที่ตำหนิปนเบื่อหน่าย เพราะอยู่ด้วยกันมาหลายร้อยปีแล้ว
"เจ้าค่ะ...ท่านขุน ..."ชบากับอุ่นรับคำพร้อมกัน ก่อนที่เธอทั้งสองตนจะก้มหน้าลงไปมองพื้น แล้วนิ่งเงียบตามคำสั่งของขุนทัตเทพ
"ไอ้จ้อน...มันจักต้องกลับมาอยู่ที่เรือนของกูอีกครา เมื่อเพลานั้นมาถึง ภพชาตินี้ มันจักต้องเป็นของกูแต่เพียงผู้เดียว ..."ขุนทัตเทพพูดขึ้นเสียงเข้มและเด็ดขาด อย่างที่เขาเคยใช้มาตลอด
"เจ้าค่ะ...ท่านขุน ..."อุ่นก้มหน้ารับคำและอยู่นิ่งๆอย่างสงบ
.......
"น้องๆทุกคนครับ วันเสาร์นี้...เราจะไปเข้าค่ายกัน ของที่ต้องเตรียมไป จะมีในเอกสารที่พี่กำลังแจกให้นี้นะครับ ..."พล รุ่นพี่ปีสองพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะยื่นเอกสารให้กับคนที่อยู่หน้าแถว เพื่อที่จะได้ส่งให้คนต่อไป
"มึงมองหาอะไรจิ มึงอย่าบอกนะ ว่ามึงมองหาเหยื่อในสเปคของมึงอ่ะ ..."บอยถามจิ พร้อมกับมองจิด้วยสายตาที่รู้ทัน กลุ่มของพวกเขามีกันอยู่ห้าคน ที่เรียนม.ปลายมาด้วยกัน มีเจษ บอย ขันทอง ณิชา จิ จิเป็นสาวประเภทสองที่แต่งเป็นหญิงมาเต็มตัว เขาสวยกว่าผู้หญิงบางคน ถ้าคนที่ไม่รู้จัก จะไม่รู้ว่าเขาเคยเป็นผู้ชายมาก่อน
"มึงก็รู้อยู่แล้ว มึงจะถามกูทำไมอีบอย กูมาเรียนที่คณะวิศวะมอ MC เพราะว่ามีผู้ชายเยอะ เผื่อจะเจอคนหล่อถูกใจกูบ้าง แต่กูคิดว่า..กูต้องผิดหวังแน่ๆเลยว่ะ กูยังหาคนหล่อในสเปคของกูไม่ได้เลย รุ่นพี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่หล่อแถมยังเถื่อนอีกต่างหาก ..."จิหันไปทำหน้าเซ็งใส่บอย พร้อมกับทำหน้าผิดหวังอย่างที่เจ้าตัวพูดไปด้วย
"อย่างน้อย ก็มีกูกับไอ้เจษไงหล่อ ฮ่าๆ ..."ขันทองพูดขึ้นขำๆ จิกับบอยมักจะแย่งผู้ชายกัน แต่ไม่ได้แย่งจริงจังอะไร แค่หยอกๆกันพอหอมปากหอมคอแค่นั้น
"แต่กูคิดว่า มึงไม่น่าจะผิดหวังนะจิ ดูสิ...เด็กปีหนึ่งเหมือนเราเดินมาโน้นแล้ว ..."ณิชาพยักเพยิดหน้าให้จิดูผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินมา
"ต๊ายแล้ว...!! ผู้ชายหล่อ แต่เอ๊ะ...!! เป็นเด็กปีหนึ่งเหมือนพวกเรา แต่ทำไมเพิ่งจะมารับน้องวันนี้วะ ..."จิพูดขึ้น โดยที่สายตาของเขามองไปที่กลุ่มของผู้ชายสามคน ที่ถูกรุ่นพี่เรียกเข้าไปคุย
"ที่นี่เขาก็ไม่ได้บังคับเรื่องการรับน้องอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ..."ขันทองพูดขึ้น
"นั่นคุณศรัณย์หนิ...!! คุณศรัณย์มาเรียนที่นี่เหรอ ..."บอยพูดออกมาด้วยนํ้าเสียงที่ตื่นเต้นปนตกใจเล็กน้อย
"มึงรู้จักพวกเขาเหรออีบอย ไหนคนไหน คุณศรัณย์ที่มึงพูดถึงอ่ะ ..."จิถามขึ้นด้วยความสนใจ
"คนที่สูงกว่าเพื่อนไง สเปคมึงเลยจิ ..."บอยพูดขึ้น
"มึงรู้จักพวกเขาเหรอบอย ..."เจษถามขึ้นบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้แปลกใจอะไรมากนัก ที่บอยจะรู้จักคนเยอะ เพราะว่าบอยก็เป็นลูกของพวกไฮโซ ที่ออกงานสังคมบ่อยๆ
"คุณศรัณย์ที่กูพูดถึง พ่อแม่ของเขาเป็นพวกผู้ดีเก่า ตระกูลของเขาเป็นพวกขุนนํ้าขุนนางสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น รวยมาก มีธุระกิจหลายอย่าง มีคนลือกันว่าพ่อของคุณศรัณย์เป็นมาเฟียด้วยนะ แต่ก็แค่ข่าวลือ กูก็เห็นว่าพวกเขาใช้ชีวิตปกติเหมือนกับพวกเรานี่แหละ แต่รวยมากๆแค่นั้นเอง …"บอยพูดอย่างคนที่รู้จักคนที่เขากำลังพูดถึงอยู่ดี
"จริงเหรอ นี่กูจะมีผัวรวยเหรอเนี่ย แถมยังเป็นผู้ดีเก่าอีก อิอิ ..."จิพูดพร้อมกับทำท่าทางดี้ด๊าไปด้วย เพราะศรัณย์ที่บอยพูดถึง ตรงสเปคของเขาสุดๆ
"ขอโทษนะ อาจารย์ของขัดจังหวะนิดหนึ่ง นักศึกษาเจษฏา ทองคงใช่ไหมคะ ..."
"ครับ...อาจารย์ ผมเจษฏา ทองคง อาจารย์มีอะไรหรือเปล่าครับ ..."เจษพยักหน้ารับคำของอาจารย์ที่ปรึกษาด้วยความงง ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืน เมื่ออาจารย์พยักหน้าให้เขาเดินตามอาจารย์ไป
"ตามอาจารย์มา ..."อาจารย์ที่ปรึกษาบอกเจษ ก่อนที่เธอจะเดินนำไปก่อน
"เดี๋ยวกูมานะ ..."เจษหันไปบอกเพื่อนๆ ก่อนที่เขาจะเดินตามอาจารย์ไป ในขณะที่คนอื่นๆกำลังคุยกันเสียงดังเรื่องที่จะไปเข้าค่ายอยู่
"อาจารย์มีอะไรกับไอ้เจษวะ ..."บอยหันไปมองหน้าเพื่อนๆ ก่อนที่เขาจะถามด้วยนํ้าเสียงที่เป็นห่วงเจษ
"ไม่รู้ว่ะ เรื่องเงินเหรอ หรือเรื่องอะไรวะ ..."จิพูดขึ้น ทุกคนในกลุ่มเพื่อนรู้ดี ว่าเจษไม่ได้มีฐานะที่เท่าเทียมกับเพื่อนๆในกลุ่ม แต่ที่เจษมาอยู่สังคมเดียวกับพวกเพื่อนๆได้ เพราะว่าแม่ของเจษ ทำทุกอย่างที่จะให้ลูกชายคนเดียวอยู่อย่างสุขสบาย และได้เรียนในโรงเรียนที่ดีๆ ซึ่งเพื่อนๆทุกคนก็ไม่ได้รังเกียจเจษ เพื่อนๆทุกคนรักเจษ เพราะว่าเจษเป็นคนขยันและเจียมตัว อยู่อย่างพอเพียง ไม่ได้ทะเยอทะยานที่จะทำตัวรวย ถึงจะมีเพื่อนรวย และได้เรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแบบนี้
.....
แกร๊ก
"เรียกอาจารย์ว่า อาจารย์ก้อยก็ได้นะคะ นั่งก่อนค่ะคุณเจษฏา ไม่ต้องทำหน้างงแล้วก็สงสัยขนาดนั้นก็ได้ หึหึ ..."อาจารย์ก้อยพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะขำออกมาเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ เพราะคนที่เดินตามหลังของเธอมา ทำหน้าตื่นๆปนงงมาตลอดทาง
"ขอบคุณครับ ..."เจษพยักหน้ารับคำ ก่อนที่เขาจะยอมนั่งลงอย่างว่าง่าย
"ที่อาจารย์ไปตามคุณเจษฏามา เพราะว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย …"อาจารย์ก้อยพูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปากไปด้วยเล็กน้อย
"ครับ …"เจษพยักหน้ารับคำ และนั่งรอฟังอย่างสงบเสงี่ยม ทั้งที่เขามีคำถามอยู่เต็มหัวไปหมด
"มีคนให้ทุนการศึกษา กับคุณเจษฏาจนกว่าจะจบการศึกษาที่นี่ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นเลย ..."อาจารย์ก้อยหยุดพูด เพราะคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอ นั่งอ้าปากค้างพร้อมกับทำตาปริบๆอยู่ เหมือนคนที่ช็อคไปแล้ว
"ทุนการศึกษา...? ทุนการศึกษาอะไรครับ ทำไมครับ ทำไมถึงให้ผม เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ ที่นี่มีให้ทุนการศึกษาด้วยเหรอครับ ..."เจษถามขึ้นด้วยความสงสัย หลังจากที่เขาตั้งสติได้แล้ว
"หม่อมหลวงทัตเทพ เดชชนากร เจ้าของมหาวิทยาลัยMC แห่งนี้ เป็นคนที่มอบทุนการศึกษานี้ให้คุณเจษฏา ทองคง ว่างๆคุณก็เข้าไปกราบขอบคุณท่านหน่อยนะ บ้านของท่านอยู่ทางด้านหลังของมอเรานี่เอง ไม่ไกลหรอก ..."อาจารย์ก้อยพูดพร้อมกับชี้มือไปทางด้านหลังของมหาวิทยาลัยที่เธอพูดถึงไปด้วย
"เดี๋ยวครับๆ คือ...คือผมไม่เข้าใจครับ ทำไมผมถึงได้ทุน ผิดคนหรือเปล่าครับ เจษฏา ทองคงนะครับ ชื่ออาจจะซํ้ากันได้ แต่นามสกุลไม่น่าจะซํ้ากันอีก ..."เจษถามพร้อมกับทำหน้าไม่เข้าใจไปด้วย เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะได้ทุนเลย เรียนดีเหรอ เขาก็เรียนแย่ที่สุดแล้วในกลุ่มเพื่อนๆ ทุนอยากจนเหรอ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็ไม่น่าจะรับคนเรียนดีแล้วยากจนเข้ามาเรียน แล้วเขาก็ไม่เคยได้ยินนโยบายให้ทุนการศึกษาด้วย เพราะค่าเทอมก็แสนจะโหด เขายังหาเหตุผลให้กับตัวเองไม่ได้เลย แต่ดูอาจารย์จะมั่นใจมาก ว่าไม่ผิดคนแน่ๆ ยังมีการให้เขาไปขอบคุณถึงบ้านอีก มีด้วยเหรอวะ งงในงง
"นี่ค่ะ...อ่านดูก็ได้ค่ะ ว่าชื่อนามสกุลถูกไหม ..."อาจารย์ก้อยพูดพร้อมกับยื่นเอกสารทุนการศึกษาให้เจษดู
"ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับอาจารย์ แล้วเหตุผลที่ผมได้ทุนการศึกษานี้ล่ะครับ ..."เจษอ่านเอกสารทุนการศึกษาอย่างละเอียดแล้ว ยิ่งทำให้เขางงเข้าไปใหญ่ เพราะค่าเทอมที่นี่และค่าใช้จ่ายอื่นๆ กว่าเขาจะเรียนจบก็หลายแสนหรืออาจจะเป็นล้านก็ว่าได้ แต่แม่ของเขาก็ยอมเอาเงินที่เก็บมาทั้งชีวิต มาส่งเสียเขาเรียน แล้วนี่อะไร จู่ๆเจ้าของมหาวิทยาลัยที่นี่กลับมาจ่ายให้เขาเฉยเลย โดยที่ไม่มีเหตุผลอะไรด้วย แล้วเขาจะต้องทำยังไง ดีใจหรือว่าต้องหาเหตุผลก่อนดี
"เรื่องเหตุผลของการได้ทุนการศึกษานี้ คุณเจษฏาต้องไปถามกับเจ้าของทุนการศึกษานี้เองนะคะ อาจารย์แค่เป็นสื่อกลางให้แค่นั้น แค่นี้แหละค่ะ ที่อาจารย์เรียกมา นอกจากค่าเทอมแล้ว ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นก็เบิกได้นะคะ ตามที่เจ้าของทุนบอกมา คุณเป็นคนที่โชคดีมากๆนะคะ ไม่เคยมีใครได้ทุนนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกเลยค่ะ ..."อาจารย์ก้อยพูดด้วยนํ้าเสียงที่ยินดีและดีใจไปกับเจษด้วย
"เหรอครับ เออ...ขอบคุณครับ ..."เจษยกมือไหว้ขอบคุณอาจารย์ ก่อนที่เขาจะเดินออกมาจากห้องของอาจารย์ ทั้งที่เขายังไม่ได้เข้าใจอะไรเลย และดูอาจารย์ก็ไม่ได้สงสัยในทุนการศึกษาที่มีเป็นครั้งแรกนี้ด้วย ดูชื่นชมอย่างเดียวเลย
.....
"เจษ...!! มีเรื่องอะไรวะ ..."บอยดึงแขนของเจษมาถามทันที ที่เจษเดินลงมาจากตึก
"ทำไมมึงทำหน้าอย่างนั้นวะเจษ มีเรื่องอะไรเหรอวะ ..."ขันทองถามขึ้นบ้าง เพราะว่าเจษเดินลงมาจากตึก ด้วยใบหน้าที่มีความสงสัยในสีหน้าอยู่ตลอดเวลา
"กูก็ไม่รู้ว่ะ กูยังงงๆอยู่เนี่ย ..."เจษมองหน้าเพื่อนๆทุกคนด้วยความงง
"มึงคุยอะไรกับอาจารย์มา เร็ว...บอกมา พวกกูจะได้ช่วยคิด ..."ณิชาถามขึ้นอย่างใจร้อน เพราะว่าคิ้วของเจษขมวดเป็นปมอยู่ตลอดเวลา
"กูว่าพวกเราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่าว่ะ ท่าทางเรื่องมันจะยาว ดูจากหน้าของไอ้เจษแล้ว หน้ามันเหมือนควายกำลังหิวหญ้าแต่หาหญ้าไม่เจออย่างนั้นแหละ ..."จิพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะจูงมือเจษไปหาที่นั่งตามที่เขาพูด
"หน้าเหมือนควายหาหญ้าไม่เจอ...? เป็นยังไงวะ ..."บอยถามขึ้นด้วยความสงสัย
"ก็เหมือนหน้ามึงตอนนี้ไงบอย โง่จริงๆ ฮ่าๆ ..."จิหันไปพูดใส่หน้าบอยแล้วหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างสะใจ ที่หลอกด่าบอยได้
"หน้ามึงสิ...ควายจิ แม่ง...!! ..."บอยค้อนจิด้วยความเจ็บใจ ก่อนที่พวกเขาจะเดินไปหาที่นั่งคุยกัน
"ห๊ะ...ได้ทุนการศึกษา !! ..."ทั้งสี่คนร้องออกมาเสียงดังพร้อมกันทันที ที่พวกเขาได้ยินจากเจษว่า เจษได้ทุนการศึกษาจนกว่าจะจบจากที่นี่ เพราะไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน ว่าที่มอ MC มีการให้ทุนแบบนี้ด้วย
"จุ๊ๆ เบาๆสิพวกมึง คนมองมาที่พวกเรากันหมดแล้ว …"เจษจุ๊ปากห้ามเพื่อนๆ
"อีเจษ...มึงจะไม่ให้พวกกูตกใจได้ยังไงวะ จู่ๆมึงก็ได้ทุน ..."จิเถียงเจษเสียงเบาในท้ายประโยค เขาไม่ได้สนใจว่าใครจะมองแล้วนาทีนี้ เพราะว่าเขาสนใจกับเรื่องที่เขาได้ยินมามากกว่า
"เอาเป็นว่า กูก็เหมือนกับพวกมึงนั่นแหละ จู่ๆกูก็ได้ทุน ..."เจษพยักหน้าอย่างเข้าใจ ที่เพื่อนๆตกใจกัน เพราะเขาเองก็ไม่ต่างจากเพื่อนๆเลย