บทที่ 5
“เหมือนฉันวันนั้นเลยใช่มั้ยล่ะ ท่านผู้คุมน่ะ ฮ่า ๆ ”
เลี่ยงซูถามฮุ่ยเจียงแกมหัวเราะขำออกมา ขณะที่กำลังยืนมองตามแผ่นหลังของชายชราหายลับเข้าไปในประตูที่ทำการใหญ่ของโลกหลังความตายูถามแกมหัวเราะขำออกมา ขณะที่เธอ
“ใช่ แต่วันนั้นเจ้าไม่มีสติกว่าท่านผู้คุมเสียอีกนะเลี่ยงซู เจ้าน่ะไม่มองอะไรทั้งนั้น ถ้าข้าคว้าแขนเจ้าไม่ได้ ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าป่านนี้เจ้าจะเกิดเป็นตัวอะไรไปแล้ว”
“งั้นเหรอ แหงสิก็ฉันไม่ได้อยากจะตายสักหน่อย ชีวิตกำลังเป็นไปได้ดีแท้ ๆ เฮ้อ พูดแล้วก็โมโห”
ใบหน้างามขมวดคิ้วมุ่นบ่นงุบงิบ เมื่อได้พูดถึงเรื่องเดิมขึ้นมาอีกคราก็เจ็บใจขึ้นมาอีก ก่อนที่เลี่ยงซูจะนึกขึ้นได้ว่าเธอนั้นมีบางอย่างอยากจะขอร้องฮุ่ยเจียง
“ฮุ่ยเจียง ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องเธอ”
วิญญาณของเลี่ยงซูหันมาสบตากับวิญญาณของฮุ่ยเจียงที่ยืนอยู่ข้างกายด้วยท่าทางจริงจังจนผิดวิสัยคนขี้เล่น
“หืมเจ้ามีอะไรอยากจะขอร้องข้าอย่างนั้นรึ”
“ฉันขอแลกด้ายแดงกับเธอได้ไหมฮุ่ยเจียง”
คนฟังถึงกับชะงักดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้างด้วยความตกใจระคนประหลาดใจ เมื่อได้ยินคนตรงหน้าขอร้องแบบนั้น
การแลกด้ายแดงกันก็ไม่ต่างจากการแลกโชคชะตา เลี่ยงซูคิดจะทำอะไรกันแน่ความคิดมากมายตีรวนในหัวของฮุ่ยเจียง เพราะคำขอร้องที่ดูจะไม่เข้าท่าเอาเสียเลย
“เจ้าคิดดีแล้วหรือ ข้ายังเหลือเวลาชดใช้กรรมอีกตั้งนานหลายร้อยปี แล้วอีกไม่นานเจ้าก็จะครบอายุขัยได้ไปเกิดใหม่แล้วนี่เลี่ยงซู ทำไมเจ้าถึงอยากแลกโชคชะตากับข้ากันล่ะ”
ดวงวิญญาณของหยางฮุ่ยเจียงถามออกมายาวเหยียดด้วยความไม่เข้าใจความคิดของเลี่ยงซูเลยสักนิด คิ้วบางขมวดมุ่น ดวงตาก็มองสบเข้าไปในดวงตาของคนตรงหน้าอย่างค้นคว้าไปด้วย
“ฉันคิดดีแล้วฮุ่ยเจียง และฉันก็คิดว่าจะไปขอร้องท่านผู้คุมสูงสุดด้วย ฉันอยากกลับไปแก้แค้นตระกูลสุ่ยโดยใช้โชคชะตาของเธอ อีกอย่างเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณของเธอที่เคยช่วยฉันไว้ด้วยไงล่ะ นะ แลกด้ายแดงกับฉัน”
เลี่ยงซูยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกายหมายมั่น จนฮุ่ยเจียงไม่กล้าจะเอ่ยทัดทานคำใด ในใจรู้สึกตื้อแน่นไปหมด ตั้งแต่เกิดมาจนตายกลายเป็นดวงวิญญาณอยู่ในโลกแห่งความตายแห่งนี้ พึ่งจะได้สัมผัสความจริงใจก็ตอนนี้นี่เอง
“ขอบคุณนะเลี่ยงซู ขอบคุณจริง ๆ ความจริงใจของเจ้าช่างมากมายนัก แต่ที่ข้าช่วยเจ้าตอนนั้นก็ไม่ได้จะหวังสิ่งใดตอบแทนทั้งนั้นเจ้าอย่าได้ลำบากเพราะข้าเลยนะ”
“ลำบากอะไรกันฮุ่ยเจียง ฉันบอกแล้วไงว่าอยากแก้แค้นเพื่อตัวเองด้วย มีแต่ได้กับได้ ฉันไม่เสียอะไรทั้งนั้น เธอสบายใจได้นะ”
รอยยิ้มที่สื่อไปถึงดวงตาของเลี่ยงซูตอนนี้มีเพียงแต่ความมั่นใจส่องประกายออกมา ถูกส่งให้กับดวงวิญญาณของฮุ่ยเจียง จนหญิงสาวจากยุคจีนโบราณที่ได้เห็นแบบนั้นก็ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นถึงความมุ่งมั่นของคนตรงหน้า