บท
ตั้งค่า

3.ตัวตนซูเหยา

ทว่าพอเข้าเดือนที่หก อาการของฮูหยินน้อยก็ต่างออกไป นางเริ่มเจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้ง จนบางทีก็นอนซมอยู่บนเตียง

ซึ่งในยามนั้นมารดานางได้นำยาจากท่านหมอเทวดามาส่งให้เสมอ กล่าวว่าเป็นยาบำรุงจะได้แข็งแรงทั้งแม่และลูก

สุดท้ายผ่านไปเพียงแค่ครึ่งเดือน ฮูหยินน้อยก็ตกเลือด และมันก็ออกมากจนนางไม่อาจทนไหว สุดท้ายก็สิ้นใจไปทั้งแม่และลูก ทำเอาหลินคุนเสียสติไปพักหนึ่ง เขาแทบไม่เป็นผู้เป็นคนเลย เพราะรักฮูหยินของตนมาก คบหากันมานานกว่าจะได้แต่ง หวังใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ทว่านางกลับมาชิงตายไปเสียก่อน

และยิ่งไปกว่านั้นคือเขามารู้ทีหลังว่ายาที่มารดาของฮูหยินนำมาให้นั้นมันจัดมาไม่ถูกต้อง ภายในห่อยามีสิ่งต้องห้ามปะปนมาด้วย ซึ่งทุกคนต่างก็บอกว่ายามที่ซื้อยามา มันก็จะถูกห่อเอาไว้อย่างมิดชิด และผู้ที่ไปซื้อก็คือจงฮูหยิน มารดาของภรรยาเขา เป็นไปไม่ได้ที่นางจะวางยาบุตรสาวตนเอง

นอกเสียจากผู้ที่อ้างตนว่าเป็นหมอเทวดาจะจัดยามั่วซั่ว ซึ่งต่อมาเขาแสร้งให้คนไปซื้อยาอีก ทว่ามันกลับไม่มีตัวยานี้ผสมติดปนมาอย่างที่ต้องการ จึงไม่อาจเอาผิดได้ในยามนั้น

ทว่าเขาก็ให้คนสืบจนรู้ว่าคนผู้นี้ก็แค่หมอที่ออกเก็บสมุนไพรตามเขามาขาย จึงทำให้มั่นใจว่าหานหลิงเจ๋อสะเพร่าจริง ๆ

เขาสืบหาที่อยู่ของอีกฝ่ายอยู่เป็นปี หลังจากฮูหยินตนเสียไป จนรู้ว่าหมอเถื่อนผู้นี้เป็นคนตำบลซินไห่ มาเมืองหลวงเพื่อตั้งแผงขายยาในบางครั้ง หลินคุนจึงตามไปจนถึงเรือน และแสร้งทำเป็นหลงทาง เพื่อเข้าตีสนิทกับครอบครัวนี้ หวังจะสืบหาหลักฐานและความผิดพลาดของหานหลิงเจ๋อเพื่อเอาผิดให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใด

ทำให้เขาเปลี่ยนแผน หันมาเอาคืนโดยการหลอกให้ซูเหยาหลงรักแทน หมายจะย่ำยีเกียรติศักดิ์ศรีคนสกุลหาน ให้พวกเขาเข้าใจว่าตนนั้นรักจริง และยินดีแต่งนางเข้ามาเป็นฮูหยิน

ยามปัจจุบัน

ซูเหยาถูกลากมายังเรือนด้านหลัง ห้องที่นางคิดว่าเป็นห้องหอ ริมฝีปากอิ่มยิ้มหยันตนเองเมื่อถึงประตู

“อย่าคิดสั้นล่ะ คนในครอบครัวเจ้ายังต้องมีคนเซ่นไหว้” จูม่งเอ่ยตามหลังผู้ที่กำลังก้าวเท้าเข้าไปด้านใน

“จำเป็นที่เจ้าจะต้องพูดออกมาหรือ” สหายตำหนิทันที พร้อมกับมองเขาตาขวาง “แค่นี้นางก็ปวดร้าวมากพอแล้ว ยังคิดจะซ้ำเติมอีก ช่างไร้ความเป็นมนุษย์เสียจริง”

“เจ้ามันใจอ่อนเช่นนี้แหละ สักวันเถอะ จะถูกสตรีหลอกล่อ” ยังมิวายหันมาต่อว่า เพราะรู้นิสัยสหายดี แม้บางทีจะทำปากร้าย ทว่าใจของถิงฟงก็ยังไม่เด็ดขาดพอ ต่างจากเขาที่ไม่นึกสงสารใครง่าย ๆ โดยเฉพาะสตรีที่มักใหญ่ใฝ่สูงอย่างคนในห้อง ซึ่งมักจะให้ท่าและเข้าหานายน้อยเขาเสมอ

ซึ่งมันก็เป็นปกติของคนชนบทอยู่แล้ว ใครบ้างไม่อยากยกฐานะตนเองให้ขึ้นมาเทียบชั้นกับบรรดาเหล่าคุณหนูในเมือง

หานซูเหยาก็เป็นหนึ่งในนั้น ทว่านางไม่ได้ทำอย่างที่คนสนิทของสามีเอ่ย เป็นหลินคุนต่างหากที่เข้าหาก่อน บุรุษรูปงามมาเกี้ยว มีหรือหญิงสาวในวัยออกเรือนจะปฎิเสธ ต่อให้เขาเป็นเพียงบุรุษหนุ่มในตำบลหรือหมู่บ้านใกล้เคียง นางก็ยินดีจะตบแต่งด้วยทั้งนั้นหากรักจริง ดีที่เขามีฐานะพ่วงมาด้วย ก็ถือว่าเป็นโชคลาภที่มาไม่ทันตั้งตัวเท่านั้น มิใช่เพราะเสนอตัวให้

ทว่ายามนี้ นางรู้ตัวแล้วว่าตนนั้นคิดผิดมหันต์

นอกจากไม่ได้เป็นฮูหยินอย่างใจหมาย เขายังนอนกับสตรีอื่นในคืนเข้าหออีก ซึ่งไม่รู้ว่านางผู้นี้เป็นใครกัน

ยิ่งไปกว่านั้น ในค่ำคืนเดียวกัน นางกลับต้องเจอความสูญเสียที่มีมากกว่าการถูกหลอกในครานี้ นั่นคือการตายของคนในครอบครัว ซึ่งมันเกิดขึ้นกระทันหันเหลือเกิน

มิหนำซ้ำยังจากไปในคราเดียวทั้งหมดถึงสามคนอีก จะให้นางประคองความรู้สึกนึกคิดต่อไปได้เยี่ยงไร

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่ ข้าทำให้พวกท่านต้องตาย” พึมพำโทษตนเองถึงเรื่องที่เกิดขึ้น หากนางใจแข็งไม่ตกหลุมรักหลินคุน พวกเขาก็อาจไม่ตาย ไไม่มีงานฉลองก็ไม่เกิดเหตุไฟไหม้

นางไม่ควรตกหลุมพรางเขาเลย หากไม่รักหลินคุน ทุกคนก็ไม่ต้องมาตายอย่างน่าอนาถเช่นนี้

ซูเหยายังคงนั่งสะอื้นกอดเข่าตนร้องไห้อย่างหน้าสงสารในมุมหนึ่งของห้อง เนิ่นนานจนผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า

กระทั่งสายของอีกวัน เปลือกตาสวยก็เปิดขึ้น ทว่ามันช่างหนักอึ้งเหลือเกิน มิหนำซ้ำยังรู้สึกปวดและบวมด้วย ทำให้ภาพที่เห็นเป็นเพียงเงาเลือนลางเท่านั้น

สุดท้ายก็จับไข้ เพราะร่างกายนั้นอ่อนแอมาก ในใจนางบอบช้ำอย่างแสนสาหัส จะให้ผ่านไปโดยง่าย มันช่างยากเย็นนัก

“ซูเหยาเหตุใดชีวิตเจ้าถึงได้น่าเวทนาเพียงนี้” พึมพำกับตนเอง ก่อนจะหลับตาลงอีกหน เพราะทนต่ออาการเจ็บป่วยของร่างกายไม่ไหวแล้ว แม้ว่านางเองจะเป็นหมอเช่นบิดามารดา ทว่าร่างกายก็ยังเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาต้องมีป่วยกันบ้างแหละ

บ่ายของวันเดียวกัน นางยังคงนอนอยู่ในห้องนี้ลำพัง ไม่มีสาวใช้หรือใครมาถามไถ่ ช่างน่าอดสูยิ่งนัก

ทว่า! ในห้วงฝัน ใครบางคนก็มาปลุกให้ตื่น ‘เหยาเหยา เจ้าจะอยู่เช่นนี้ต่อไปไม่ได้ ท่านพ่อ ท่านแม่และพี่ใหญ่รอเจ้าอยู่'

เปลือกตาสวยเปิดขึ้นมองเพดาน เสียงคนพูดคุยด้านนอกก็ดังมาให้ได้ยิน ใบหน้าซีดเซียวจากพิษไข้หันไปมองที่ประตูห้อง ยามนี้คงไม่มีใครเฝ้ากระมังจึงไม่เห็นเงาคนเช่นเมื่อคืน

“เป็นเจ้าหรือที่ปลุกข้า ขอโทษที่ข้าอ่อนแอเช่นนี้” เอ่ยกับผู้ใดไม่รู้ คงมีแค่นางเท่านั้นกระมังจะตอบได้

ร่างไร้แรงพยายามเหยียดกายลุกขึ้นมานั่ง มองหาบางสิ่งที่นำติดตัวมาด้วยก่อนออกจากเรือน ซึ่งซูเหยาต้องพกมันไว้ประจำ ย่ามสะพายที่ขอให้มารดาตัดเย็บขึ้นมาจากการออกแบบของนางเอง ซึ่งมันต่างจากที่คนทั่วไปใช้กันมาก

เมื่อหาของสำคัญได้ก็นั่งมองมันอยู่พักหนึ่ง หวนนึกถึงช่วงเวลาที่ตนยังอยู่กับครอบครัว ครอบครัวที่ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นมาก หลังจากได้มีโอกาสเกิดใหม่ในร่างนี้อีกหน

ใช่แล้ว! คนในร่างไม่ใช่หานซูเหยา

ทว่าเป็นหมอศัลย์แพทย์ประจำการอยู่ในห้องฉุกเฉิน เธอมีอายุย่างเข้ายี่สิบเจ็ดปี เป็นหมอที่มีฝีมือดีคนหนึ่ง

แต่เธอก็อายุสั้นนัก ออกมาเที่ยวกับเพื่อนชายในวันพักผ่อน ก็ดันถูกคนเมายาแทงตาย แถวทะเลสาปซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันกับหานซูเหยาพลัดตกน้ำในช่วงที่มาช่วยบิดาหาปลา

ปรากฏการสุริยะคราสก็เกิดขึ้นพอดีเช่นกัน ทำให้ประตูมิติของสองโลกจากปัจจุบันสู่อดีตได้เปิดออก ทำให้วิญญาณของคนในยุคเจริญรุ่งเรืองต้องย้อนกลับไปอยู่ในยุคโบราณ และเข้าร่างของคนที่สิ้นใจตายไปแล้ว

ในยามนั้น หานซูเหยาพึ่งมีอายุแค่สิบห้าปี เป็นช่วงที่บิดานางยังต้องตระเวนเก็บสมุนไพรมาขายในเมืองหลวง

คราแรกก็ทำใจยอมรับไม่ได้ เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนอยู่ในร่างของเด็กสาวคนหนึ่ง ทว่าเอ่ยอันใดไปก็ไม่มีใครเชื่อ มิหนำซ้ำยังหาว่าเสียสติอีก สุดท้ายก็จำต้องทำใจยอมรับ เพราะนางไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว

เหยาเหยาจึงหันมาสนใจเรียนรู้การใช้สมุนไพรตามคนในครอบครัวนี้ และสอนพวกเขาในการรักษาบาดแผล และปรุงยามากมายเอาไว้ใช้และขายเพื่อเพิ่มรายได้ด้วย ทำให้ชื่อเสียงของคนสกุลหานเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น และยังอยู่สุขสบายกว่าแต่ก่อนด้วย แต่ก็ยังคงอยู่ในความเมตตาเช่นเดิม

‘มีเงินชีวิตก็ดีขึ้น ขอแค่ไม่ทำร้ายใคร หรือเอาเปรียบผู้อื่นก็พอ' นี่คือคำสอนของบิดานางที่พร่ำบอกมาตลอดสองปีกว่าที่อยู่ในร่างนี้ เหยาเหยาจึงไม่เชื่อว่าหานหลิงเจ๋อจะจ่ายยาให้สตรีตั้งครรภ์โดยที่ไม่รู้ว่าสมุนไพรนี้อันตรายต่อคนท้อง

“ท่านพ่อ ข้าจะล้างมลทินให้ท่านเอง”

#ไหวไหมลูกสาวแม่ 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel