บท
ตั้งค่า

บทที่ 14

“ท่านพี่น่ารักที่สุด เอาไว้เถียนเถียนจะวาดรูปให้เป็นรางวัลนะเจ้าคะ” นางกล่าวเสียงใส ก่อนจะช่วยจางฉวนทำความสะอาดพู่กัน เตรียมเก็บข้าวของกลับเข้าเรือน

ชั่วขณะหนึ่งที่ลมพัดปลิว ความงามเสี้ยวหนึ่งของภรรยาก็ปรากฏต่อหน้าหยางเหวินเย่ แม่ทัพหนุ่มใจเต้นแรง เริ่มคลางแคลงใจอย่างหนักว่านางอัปลักษณ์ดั่งที่เขาคิดจริงหรือไม่

อยากจะออกคำสั่งให้นางปลดผ้าคลุมนั่นเสียเกิน แต่ก็กลัวว่าจะทำให้นางอับอาย

หลังนั่งจิบสุราอยู่สองเค่อ หยางเหวินเย่ก็ใช้แขนก่ายหน้าผากเพื่อซ่อนดวงตาจากแสงแดดยามบ่าย เขาเอนหลังพักอยู่ในศาลาหลังน้อย มิแยแสเปิดเปลือกตายามคุณหนูหลิวเข้ามารับภาพวาดตามที่นัดหมาย

ปรากฏว่านางพาสหายมาด้วยสองคน แน่นอนว่าสาวงามเหล่านั้นไม่พลาดโอกาสที่จะซุบซิบนินทาคุณหนูเถียนเถียนและชายแปลกหน้าที่นั่งเอนหลังอยู่มิไกลนัก

“ได้ข่าวว่าสามีไม่อยู่บ้านนานห้าปี แต่ดูท่าคุณหนูเถียนเถียนจะหายเหงาแล้วกระมัง”

อู๋เพ่ยเชี่ยน สหายของคุณหนูหลิวกล่าวออกมาอย่างมิเกรงใจ นางขอติดตามเข้าบ้านเหลียนซานเพื่อชมดูว่าเถียนเถียนงดงามสมคำร่ำลือจริงหรือไม่ ทว่านางกลับซ่อนใบหน้าไว้ใต้ผ้าคลุม กระนั้นดวงตาสีน้ำผึ้งคู่นั้นก็งามจริงดังข่าวว่า และเมื่อความอิจฉาแล่นพล่านทั่วร่าง จึงเผลอกล่าวถ้อยคำมิสมควร สื่อสารไปว่าสะใภ้สกุลหยางกำลังคบชู้สู่ชาย

“ปากสุนัข” หยางเหวินเย่เอ่ยทั้งที่ยังมิได้ลืมตา

“เจ้าว่าใคร!” อู๋เพ่ยเชี่ยนเพ่งตามอง อยากรู้เหลือเกินว่าบุรุษที่ใช้แขนบดบังแสงแดดมิให้ต้องหน้าคือผู้ใด

“ว่าคนที่ปากไม่ดี” หยางเหวินเย่ยังคงไม่ยอมสบตาคุณหนูที่กล่าววาจาดูถูกภรรยา

“คงจะสนิทสนมกันมาก ถึงได้ออกหน้าปกป้องกันถึงเพียงนี้ หากท่านพี่ของข้ารู้เข้า คงจะเสียใจน่าดู”

“พี่ของเจ้าเป็นใคร มีสิทธิ์อันใดมาเสียใจ”

“เจ้าช่างโง่เง่าที่มิรู้ว่าข้าเป็นใคร ข้าคือคุณหนูสกุลอู๋ ไม่มีผู้ใดไม่รู้จัก...” อู๋เพ่ยเชี่ยนกล่าวต่อไปมิได้อีก ด้วยบุรุษที่นั่งเอนตัวอยู่กลับทิ้งแขนลง ความงามสมชายทำให้นางร้อนวูบวาบทั่วร่างชั่วขณะ แค่เขายืดตัวนั่งตรงก็เกือบจะสูงเท่านางที่ยืนอยู่แล้ว

ทว่าสายตาแข็งกร้าวกลับเตือนให้อู๋เพ่ยเชี่ยนได้สติขึ้นมา

“นึกไม่ถึงว่าสตรีสกุลอู๋จะมารยาททราม”

“นี่ท่าน!”

“เถียนเถียน หากเจ้าจะวาดรูปนาง ข้าบอกตรงนี้เลยว่ามิอนุญาต” หยางเหวินเย่หันไปกล่าวกับภรรยา

“ท่านพี่โปรดระงับโทสะ เถียนเถียนรินสุราเพิ่มให้นะเจ้าคะ” ภรรยาอายุสิบเก้ารีบตรงเข้าไปประจบเอาใจ ด้วยทราบดีว่าท่านแม่ทัพผู้นี้อารมณ์ร้อนยิ่งนัก นางใช้ภาษามือออกคำสั่งให้จางฉวนไปนำสุราและกับแกล้มมาเพิ่ม

ฮูหยินหยางชิวเหยาเคยเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ หยางเหวินเย่ก็มิค่อยชอบพูดจาออกความเห็น ทว่าพอได้โอกาสก็จะมิไว้หน้าผู้ใดทั้งนั้น พอเถียนเถียนเห็นสามีอารมณ์เสียใส่คุณหนูสกุลอู๋ จึงรีบเอ่ยคำหวานปลอบประโลมให้ใจเย็นขึ้นมาบ้าง

“ท่านพี่เหนื่อยจากการเดินทาง ให้เถียนเถียนพากลับไปพักผ่อนดีไหมเจ้าคะ”

“อยากนั่งเล่นกับภรรยาอีกสักครู่มิได้หรือ” หยางเหวินเย่ตั้งใจแสดงตัวว่าเขาคือสามีของสตรีที่กำลังถูกหยามเกียรติ ทว่าความใกล้ชิดและดวงตาคู่งามทำให้เขารู้สึกคล้ายกับถูกสะกดให้จมลงไปในบ่อน้ำลึก เขาเกี่ยวปอยผมทัดหูของนาง และพอจะปลดผ้าคลุมหน้า เถียนเถียนกลับเคลื่อนตัวออกห่าง

ดวงตาของนางวูบไหวหวาดระแวงคล้ายกลัวว่าจะถูกทำร้าย

เถียนเถียนขอตัวไปส่งแขก มิลืมกล่าวขอโทษคุณหนูทั้งสาม นางมิถือโทษโกรธเคืองคุณหนูสกุลอู๋ เพราะมีเรื่องที่สำคัญกว่าที่จะต้องจัดการ อารมณ์ของสามียังมิปกติ สายตาของเขาแสดงออกชัดว่าเกิดความต้องการ ไม่ต่างจากเหล่าบุรุษที่จ้องมองนางในสมัยที่บิดายังมีชีวิตอยู่ และหากต้องเข้านอนห้องเดียวกันก็อาจจะเกิดปัญหาใหญ่

ท่านพี่ของนางจะต้องสร่างเมาเสียก่อน

“นั่นสามีของเจ้า ท่านแม่ทัพหยางจริงหรือ” คุณหนูหลิวเอ่ยถาม ในบรรดาเพื่อนสามคน นางนับว่ามารยาทดีที่สุดแล้ว

“ท่านพี่เหนื่อยจากการเดินทาง อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก”

“คงมิอารมณ์เสียถึงขนาดตบเจ้าหน้าแหก จนต้องซ่อนหน้าเอาไว้ใต้ผ้าคลุมกระมัง”

“ดีใจนักคุณหนูสกุลอู๋มีน้ำใจห่วงใยกันตั้งแต่แรกพบ แต่ที่ข้าต้องคลุมหน้า ก็เพราะว่ากลัวว่าท่านพี่จะทนกับความอัปลักษณ์ของข้ามิไหวก็เท่านั้น” กล่าวจบก็ปลดผ้าคลุมหน้าลง เปิดเผยความงามให้คุณหนูขี้อิจฉาได้ปวดใจเล่น

“ไม่ต้องส่งแล้ว!” คุณหนูสกุลอู๋ทนมองหน้าสตรีที่มีความงามมากกว่านางมิได้ จึงเร่งฝีเท้าออกจากบ้านเหลียนซานทันที

ข่าวลือที่ว่าภรรยาของท่านแม่ทัพงามราวกับนางสวรรค์ มิใช่แค่ข่าวลือเสียแล้ว!

หลังจากส่งแขก เถียนเถียนก็กลับมาสวมผ้าคลุมหน้าดังเดิม นางมาทันได้เห็นท่านพี่บีบนวดขมับของตน จึงรีบตรงเข้าไปสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“มิได้เป็นอะไร แค่ปวดเมื่อยเพราะการเดินทางก็เท่านั้น”

“เช่นนั้นก่อนนอน เถียนเถียนจะนวดให้นะเจ้าคะ”

“นวดเป็นด้วยหรือ”

“เคยนวดให้ท่านพ่อบ่อย ๆ” น้ำตารื้นขอบตาของนางชั่วอึดใจหนึ่งก็หายไป

“ข้าไม่เคยรู้เรื่องของเจ้าเลย”

“ท่านพี่เป็นถึงท่านแม่ทัพเลื่องชื่อ มิควรต้องเสียเวลากับเรื่องไร้สาระของเถียนเถียนหรอกนะเจ้าคะ”

หากเป็นสตรีอื่นกล่าวคำนี้ หยางเหวินเย่ก็คงเข้าใจไปว่าคือการส่อเสียดแสดงความไม่พอใจที่ถูกลืมเลือนนานนับห้าปี ทว่าน้ำเสียงของภรรยายังสาวกลับบอกชัดว่านางหมายความเช่นนั้นจริง และดวงตากลมโตก็มิได้มีความน้อยใจซ่อนอยู่

ออกจะยินดีมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel