บทที่ 4 ลงมือปลูกผัก
บทที่ 4 ลงมือปลูกผัก
เสียงนกขับขานร้องส่งกันไปมา แสงสว่างจากดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในกระท่อมแยงตาผู้ที่นอนลับสนิทให้รู้สึกตัว จิ้นหยางลืมตาขึ้นกวาดสายตามองต้องสะดุ้งตกใจอีกครั้งก่อนจะนึกออกได้ว่าตัวเองทะลุมิติมาจากที่อื่น
"เฮ้อ! คิดว่าฝันไปเสียอีก คงเป็นฟ้าลิขิตสินะ " จิ้นหยางเอ่ยพลางยันกายลุกขึ้น มองเห็นสตรีที่นอนอยู่บนเตียงยังไม่ตื่นจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นไม่ให้เกิดเสียงดังก่อนเข้าไปที่ครัว เพื่อทำอาหารเช้าเมื่อเข้ามาในครัวยามนี้มีเพียงมันเทศเท่านั้นที่เหลืออยู่ นี่คงเป็นอาหารสุดท้ายแล้วสินะ
"คงไม่มีทางเลือกแล้วต้องทำอันนี้กินสินะ ว่าแล้วเชียวทำไมเจียวซิ่งถึงได้ไม่อยากกินข้าวเย็นด้วย " จิ้นหยางเอ่ยพึมพัมก่อนจะจัดการนำมันไปเผาเพื่อกินประทังชีวิต
เมื่อจัดการมันเสร็จจิ้นหยางได้ออกไปสำรวจบริเวณรอบ ๆ กระท่อม บรรยากาศกำลังเย็นสบายหลังจากที่ฝนตกไปทั้งคืนเช้านี้จึงมีหมอกควันลอยบนท้องฟ้า
"พี่จิ้นหยางข้ามาแล้วขอรับ " พลันเสียงของเจียวซิ่งดังขึ้น จิ้นหยางหันขวับไปมองทันที
"เจ้าเด็กคนนี้คงจะติดจิ้นหยางนี่มากสินะ ทั้ง ๆ ที่เช้าขนาดนี้ยังเร่งรีบมาที่นี่ แต่ก็ดีเหมือนกันฉันเองจะได้ไม่เหงา " จิ้นหยางพูดแผ่วเบาก่อนจะถามเจียวซิ่งที่เดินใกล้เข้ามาหาตน
"เจ้ามาที่นี่แต่เช้ามีอะไรหรือ"
"ท่านแม่ของข้าทำอาหารเยอะ ข้าคิดถึงท่านจึงนำมาฝากขอรับ แม้จะเป็นเพียงข้าวปั้นแต่มันก็ช่วยให้ท่านมีแรงนะขอรับ " เจียวซิ่งยื่นห่อข้าวปั้นให้แก่จิ้นหยางเขารับพร้อมยิ้มกริ่มให้เจียวซิ่ง
"ขอบใจเจ้ามากนะ ที่เป็นห่วงข้าจริงสิวันนี้เจ้าไปที่ใดหรือไม่? "
"ไม่ขอรับ ..ทำไมหรือ?"
"ข้าว่าลงมือปลูกแตงกวา เจ้าช่วยข้าได้หรือไม่? แม้ตอนนี้ข้าไม่มีเงินเพียงพอที่จะจ่ายเจ้าแต่ว่าหากแตงกวาข้าโตเมื่อไหร่ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างงาม"
"ตัวข้าช่วยท่านได้เสมอ ไม่หวังสิ่งตอบแทนขอรับ "
“เจ้าช่างดีเสียจริง” จิ้นหยางเอ็นดูเจียวซิ่งมาก ๆ ราวกับเขาเป็นน้องชายที่เกิดมาจากแม่คนเดียวกัน
หลังจากนั้นทั้งสองพากันเข้ามาในเรือนกินอาหารเช้าร่วมกันบัดนั้นท่านแม่ได้ตื่นขึ้นมาและนำเมล็ดแตงกวาให้แก่จิ้นหยางเพื่อนำไปปลูก
“เมล็ดแตงกวาก็มีมากพอที่สำหรับปลูกขายว่าแต่ที่นี่มีอุปกรณ์เพาะปลูกหรือไม่?” จิ้นหยางได้เอ่ยถามเมื่อได้เมล็ดพันธุ์อยู่ในมือ
“ท่านพี่หมายถึงอันใดหรือ? ที่หมู่บ้านของเรามีเพียงจอบเท่านั้น”
“ห่ะ! จอบอย่างนั้นหรือ?"จิ้นหยางเบิกตาโพลงโต
‘นั่นสินะจะไปมีอุปกรณ์การเกษตรได้ยังไงนี่มันยุคโบราณนะ เฮ้อ! คงต้องใช้แรงอีกแล้วนะสิเอาว่ะอย่างไรก็ต้องทำมาถึงขั้นนี้แล้วท้อไม่ได้’ จิ้นหยางถอดหายใจเฮือกใหญ่จ้องมองจอบที่อยู่ในมือของเจียวซิ่ง
“พี่จิ้นหยางตกอะไรหรือ แต่ก่อนเราก็ใช้เพียงจอบเท่านั้นนะ”
“เปล่า ๆ ไม่มีอะไรงั้นเราลงมือจัดการกับดินที่จะปลูกแตงกวากันเถอะ ส่วนท่านมิต้องออกมาช่วยข้านะขอรับ ขออยู่ในเรือนเถิด” จิ้นหยางตอบเจียวซิ่งก่อนจะหันมาบอกมารดา
“เจ้าเองก็อย่าหักโหมเกินไปนะจิ้นหยางร่างกายของเจ้าเองยังไม่ค่อยแข็งแรงช่วงนี้เหมือนสมองของเจ้ากระทบกระเทือนคำพูดคำจาของเจ้าไม่เหมือนเช่นเคย ข้าละเป็นห่วงเจ้าจริง ๆ หากข้ามีเงินมากพอจะพาเจ้าไปรักษากับท่านหมอในเมืองหลวงแต่ข้ามันจนไม่มีวาสนาพาเจ้าไปรักษาด้วยซ้ำ” มารดาที่เห็นท่าทางของบุตรชายเปลี่ยนไปเข้าใจว่าเขานั้นได้รับกระทบกระเทือนหลังจากการตกน้ำ จ้องมองบุตรชายด้วยความเป็นห่วง
“ท่านแม่ข้าไม่ได้ไม่สบายตรงใด หากข้ามีบางอย่างเปลี่ยนไปจากเดิมแต่ข้าก็ยังเป็นบุตรชายของท่านเช่ยเคยท่านแม่มิต้องกังวลใจไปขอรับ” มารดาของจิ้นหยางพยักหน้าให้แก่เขาก่อนที่เขาจะเดินไปที่แปลงผักจัดการขุดเตรียมดินกับเจียวซิ่ง สองวันแรกร่างกายของจิ้นหยางเจ็บปวดแทบไม่อยากจะขยับกายมือของเขาเริ่มแตกบวมแดงเมื่อจับจอบเป็นเวลานาน แต่ความโชคดีคือเขามีเจียวซิ่งคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด จนกระทั่งวันนี้เมล็ดของแตงกวาได้ทำการนำลงดิน รอยยิ้มของจิ้นหยางปรากฏขึ้นเฝ้ารอคอยวันที่แตงกวาจะงอกขึ้นมา
“ในที่สุดข้าก็ปลูกแตงกวาได้แล้ว”
“พี่จิ้นหยางดีใจขนาดนั้นเลยหรือขอรับ เราพึ่งจะเอาเมล็ดลงดินเองนะขอรับ ต้องรอให้มันงอกขึ้นมาออกดอกมีผลก่อนสิถึงเรียกว่าสำเร็จ”
“เจ้านี่ช่างดับฝันข้าเสียจริง เพียงเท่านี้ข้าก็ดีใจแล้ว เอาล่ะวันนี้เราทั้งสองเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ตอนนี้ก็ยังไม่มืดค่ำ เจ้าช่วยพาข้าเดินเล่นในหมู่บ้านได้หรือไม่เผื่อข้าเห็นอะไรน่ากินจะได้ซื้อมากินเย็นนี้”
“ท่านพูดอย่างกับท่านร่ำรวยอย่างไรอย่างนั้น”
“เจ้านับถือข้าจริงหรือไม่? จะไปไม่ไปหากไม่ไปข้าไปผู้เดียวก็ได้”
“ไปสิ! ข้าจะพาท่านไปเองจริงสิวันนี้ข้าได้ยินท่านแม่เอ่ยตั้งแต่ก่อนที่ข้าจะออกจากเรือนมา เห็นว่าวันนี้มีท่านเจ้าเมืองย้ายมาใหม่จัดพิธีต้อนรับและฉลองกันครึกครื้นเราไปที่นั้นดีหรือไม่ขอรับ อาหารน่าจะมีมากมายแถมยังมีสุราให้ดื่มอีกด้วย”
“เฮ้อ! คนรวยสินะแล้วเขาจะให้เราเข้าไปกินของเขาได้อย่างไรเล่า คนล่ะระดับชั้นกันอย่างนี้”
“ไม่ยากเลยขอรับ ตามข้ามาเถิด หึ หึ” ใบหน้าของเจียวซิ่งยิ้มชั่วร้ายคล้ายมีแผน จิ้นหยางชั่งใจจะตามไปดีหรือไม่ทำไมจู่ ๆ รู้สึกใจหายวาบอย่างนี้แต่ถ้าหากมีอาหารอย่างที่เจียวซิ่งกล่าวมาก็น่าลองไปดูเช่นกัน วันนี้เขากับแม่จะได้อิ่มไปอีกวัน
“นำไปสิ” เจียวซิ่งดีดนิ้วเปาะหนึ่งเดินนำหน้าจิ้นหยางไปยังจวนของท่านเจ้าเมืองที่ย้านมาใหม่ทันที