บทที่ 5 เด็ดขาด
ดวงตาสีอำพันเคยหม่นหมอง นาทีนี้เฉิดฉายส่องประกายความโกรธ ยามก้มมองดาบยาวในมือที่ถูกแยกออกจากด้ามได้ไม่นาน ขณะฟังเสียงผู้เป็นพ่อผ่านหูฟังไร้สายไปด้วย
(บรูส ฟังพ่อ ตระกูลนั้นใหญ่เกินกว่าที่ลูกจะเข้าไปคนเดียว)
แต่กลับไม่ได้สนใจมากไปกว่าลักษณะของอาวุธ ซึ่งมีจุดเด่นตรงด้ามจับ และคมกริบชนิดออกแรงฟันไม่มากก็ขาดสะบั้น
" ผมต้องการฆ่าแค่หนึ่งคน ไม่ได้จะฆ่าทั้งหมด "
(แต่คนที่แกจะฆ่า เป็นถึงระดับหัวหน้า)
" พ่อกลัวมัน?"
(บรูโน่!)
" ผมไม่ได้สนใจความเป็นไปเป็นมาในการตายของบีน่า ผมสนใจแค่คนที่ฆ่าเธอเท่านั้น "
(เราทำงานเป็นทีม ถ้าไม่สืบให้ดีก่อน จะลงมือปุบปับไม่ได้ ผลกระทบอาจมีมากกว่า)
" พ่อพูดเหมือนไม่รู้สึกอะไร ทั้งที่คนของเราตายทั้งคน "
(คนตายไม่ฟื้นขึ้นมานะบรูส คนตายจะไม่มารับรู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง)
" ทำไมพ่อพูดแบบนี้.."
(ก็เพราะเราไม่รู้ว่าน้องของลูกไปทำอะไรมา! ถ้าหล่อนใฝ่ดี จะต้องไม่เอาชีวิตไปพัวพันกับคนพวกนั้น)
" แล้วเราล่ะครับ ต่างกันยังไง?"
(ไอ้บรูส! หยุดเถียงข้างๆคูๆ นั่นมันคนนอก ครอบครัว สายเลือดเดียวกัน เปรียบเทียบได้ด้วยเรอะ)
" พ่อจะไม่แก้แค้น? ไม่คิดจะทำอะไรเลยอย่างนั้นเหรอครับ! "
(ไม่ ไม่ใช่ตอนนี้)
"แต่ว่า .."
(ไม่แต่อะไรทั้งนั้น ถ้ามีสงครามเพราะลูก เราได้เห็นดีกันแน่)
" เห็นดีงั้นหรือ? ใช่ครับผมเห็น..เห็นว่าพ่อไม่รักน้องเลย อีกอย่างพ่อมาห้ามตอนนี้ก็เหมือนสาย สามชั่วโมงก่อน ผมได้ฆ่าไปแล้วคนนึง "
(ว่าไงนะ!)
" ตอนนี้ตำรวจคงสืบหาคนทำกันให้วุ่น ผมว่าพ่อเอาเวลาตรงนี้ ไปสนใจตรงนั้นจะดีกว่า "
(เฮ้! บรูส เดี๋ยว! บรู...)
ติ๊ด!
ไม่ทันปลายสายจะพูดจบ ด้วยเสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เขากลับตัดสายทิ้งเสียก่อน พร้อมปิดเครื่อง เจตนาตัดสัญญาณทั้งหมดอย่าให้ใครตามเจอชั่วคราว ก่อนโยนไปยังเบาะหลังรถกระเด็นตกลงไปอยู่ตรงที่วางเท้า
" ฟู่ว!"
พ่นลมหายใจออกตามมา บ่งบอกถึงอารมณ์คุกรุ่นที่มีมากสูงสุด ลูกน้องอีกสองคนที่เขาโทรตามทีหลังหวังให้มาร่วมด้วย เป็นทีมฆ่ากับเขา ทำอะไรไม่ถูก พวกเขาได้แต่มองแผ่นหลังกว้างของผู้เป็นนายนิ่ง รอให้ถูกสั่งการ แต่เหมือนจะนานไปหน่อย เมื่อคราวนี้ชายหนุ่มไม่ได้มุทะลุอย่างที่แล้วมา ทว่ากลับคิดตริตรองให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง
" หรือพวกมึงจะรอกูอยู่ที่นี่"
" อะไรนะครับนาย"
" ได้ยินแล้วนี่ "
และนั่นคือคำตอบของเขา เขาหมุนตัวกลับมาเลิกคิ้วสูง ที่ทำลูกน้องพากันก้มหน้างุดมือกุมต่ำ หลังเผลอถามเป็นครั้งที่สอง ทั้งที่ได้ยินชัดเจนแล้ว เขาลืมเสียสนิทว่าคนเป็นนายไม่ชอบการไถ่ถามซ้ำ
" แต่ว่า .. เอ่อ พวกผมคิดว่า ไม่ดีกว่าครับนาย "
" ใช่ครับนาย ให้พวกผมเข้าไปด้วยเถอะ "
ท่าทางเลิ่กลั่กจึงเกิดขึ้น ทั้งคู่ทำอะไรไม่ถูก กลายเป็นเขาที่เงียบกริบ เกิดความหงุดหงิดภายในใจ
แก้แค้นให้น้องสาวก็อยากทำ คำพูดของพ่อก็สำคัญ
ลูกน้องจะมาตายด้วยไม่ได้! เขาจะทำอย่างไรดี?
แต่แล้ว..
ศักดิ์ศรีนั้นค้ำคอ ไหนๆอยู่มายืนตรงนี้แล้ว การเปลี่ยนใจเดินกลับ ยังยากเสียกว่าการพรากชีวิตของคนในนั้นซะอีก
" งั้นก็แล้วแต่พวกมึง "
บรูโน่ทิ้งประโยคไว้แค่นั้น ก่อนจะรุดหน้าเดินเข้าไปข้างใน ไม่หลงเหลือความปรานี จะไม่มีใครเห็นแววตาอ่อนโยน นับตั้งแต่น้องสาวของเขาได้ตายจากไปอีกแล้ว
หนึ่งชั่วโมงที่แล้วในคืนเดียวกัน
เสียงประตูเหล็กถูกผลักเข้ามา ทำร่างบางที่ถูกตรวนด้วยโซ่ติดกับพนักเก้าอี้สะดุ้งตื่น ดวงตาคมสีเทาควันบุหรี่ค่อยๆหรี่ขึ้นมองไปยังจุดนั้น เมื่อเห็นเป็นคนแปลกหน้าจึงเบิกโพลง หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ห่อไหล่เข้าหากันอัตโนมัติ ทว่าการกระทำของเขาทำให้เธอสงสัย หลังเข้ามาปลดพันธนาการให้ไม่พูดไม่จาสักคำ
" เขาสั่งให้ปล่อยฉันแล้วเหรอ?!"
จึงเม้มปากเข้าหากันแน่น เมื่อไร้ซึ่งคำตอบ ความรู้สึกแรกที่โซ่หลุดออกจากข้อมือคือความโล่ง เหลือก็แต่รอยช้ำจากการถูไถที่ติดอยู่
หญิงสาวก้มลงมองพร้อมนิ่วหน้า ลูบไล้บริเวณที่เจ็บไปมาเบาๆ ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนมาใหม่ ที่เตรียมจะเดินออกไป
"เดี๋ยวสิ หมายความว่ายังไง เขาปล่อยแล้วจริงๆเหรอ "
หญิงสาวเลิกคิ้วสูง การกระทำของเขาทำให้เธองุนงงหนักกว่าเดิม และรู้สึกตงิดใจ ทำไมอยู่ๆถึงปล่อย เกิดอะไรขึ้น?! พลางชะงักงัน เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
" พี่ชายฉันล่ะ? เขาเจอแล้วเหรอ"
แน่นอนมันทำให้คนฟังถอนหายใจพรืด รู้สึกอึดอัดกับคำถามของเธอ หันกลับมามองหน้าเธอนิ่ง
" ผมไม่ทราบครับ นายบอกให้ปล่อยคุณแค่นั้น "
" งั้นเหรอ? ถ้างั้นนายล่ะจะไปไหน ฉันไม่รู้จักที่นี่นะ "
" ครับ มีรถอีกคันจอดรอคุณอยู่ พวกเขาจะไปส่งคุณเอง "
" ไม่ แค่บอกทางก็พอ "
" คุณกลับเองไม่ได้หรอกครับ ที่นี่ไกลมาก กว่าจะถึงถนนใหญ่ "
" งั้นเหรอ?"
สการ์เล็ตต์กระซิบ ก้มหน้างุด กลืนน้ำลายลงคอแห้งผาด อยู่ๆก็รู้สึกแย่ขึ้นมา ก่อนจะช้อนหน้าขึ้น ดวงตาสั่นระริก
" พี่ชายฉัน.. เขาตายแล้วใช่ไหม?"
เป็นคำถามที่ตั้งขึ้นมาเพื่อฆ่าตัวเองชัดๆ เมื่อคำตอบที่ได้มา เหมือนจะบีบหัวใจของเธอให้แตกเป็นเสี่ยงๆ
" ครับ นายปล่อยคุณ ก็เท่ากับว่านายได้เคลียร์ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับคุณ เพราะไม่ได้มีเรื่องกับคุณ "
ราวกับฟ้าผ่าเปรี้ยงเข้าแสกหน้า ชาไปทั้งร่าง ขาคู่อ่อนแรง ยืนแทบไม่ไหว จำต้องดึงมือตัวเองมาจิก หวังปลุกสติที่ดับหายไปให้ตื่นขึ้นมา ทั้งที่ตอนนั้นโลกทั้งใบเหมือนสลายไปแล้ว
แม้คำตอบของคนตรงหน้าจะไม่ตอบตรงๆ แต่ก็ไม่มีตรงไหนเลยที่แปลว่าพี่ชายของเธอไม่ตาย
" ทำมันจริงๆสินะ .."
" ครับ?"
" บอสของนายน่ะ ทำอย่างที่พูดไว้จริงๆสินะ.."
โคลนีเม้มปากแน่น ประโยคที่พูดออกมาก่อนหน้าเบาหวิวไม่ต่างกับสายลม ขนาดตัวเธอเองยังไม่ได้ยินเสียงที่พูด แล้วนับประสาอะไรกับเขา
ร่างบางเดินโงนเงนผ่านร่างสูง ที่เปรียบเสมือนตัวแทนของบรูโน่ในตอนนี้ ไม่อยากรับรู้อะไรอีก
ทว่าการเคลื่อนไหวเชื่องช้าของเท้าทั้งสองนั้น ทำคนมองอยู่รู้ดีเธอรู้สึกอย่างไร แต่กลับทำได้แค่ยืนมอง ยื่นมือไปประคองช่วยก็ไม่มีสิทธิ์ แม้ระหว่างทางที่เดิน กว่าจะออกไปจากเรือลำนี้ ขึ้นสู่พื้นดินไปยังรถที่จอดรออยู่ จะล้มลุกคลุกคลานไปแล้วหลายครั้งต่อครั้งแล้วก็ตาม พร้อมแผ่นหลังสั่นเทา ลักษณะของคนกำลังร้องไห้หนัก ทว่ากลับไม่มีเสียง..
เธอพยายามทำตัวให้เข้มแข็งงั้นหรือ?!