บทที่ 3 ไล่
" ฉันไม่ได้โกหก "
สการ์เล็ตต์แหงนหน้ากัดฟันกรอด เปลือกตาบวมปูดเพราะไม่ได้นอนมาทั้งคืนปิดแน่น เป็นการเปล่งเสียงที่ฝืนใจที่สุด เนื่องจากย้อนแย้งกับความรู้สึกของเธอ หญิงสาวเกรงกลัว จนไม่รู้จะอธิบายยังไง
" งั้นเหรอ?"
ต่างกันกับเขา นอกจากจะไม่มีความสงสารให้กันแล้ว สายตาดุดันคู่นั้นยังถ่างขึ้น จ้องเขม็งมายังเธอ บ่งบอกถึงความเกลียดชัง แค้นเคือง และต้องการกดดันให้พูดความจริง แต่กลับไม่เป็นผล เมื่อสิ่งที่เธอพูด นั่น..คือความจริงทั้งหมดแล้ว
เขาจะเชื่อหรือไม่!
ก็แล้วแต่ดุลพินิจของเขา
" ฉันไม่ได้โกหก ฉันถามเขาแล้ว เขาบอกฉันแบบนั้น "
ร่างสูงหยุดคาดคั้น แต่ยังคงจ้องตาไม่กะพริบ ยากต่อการอ่านใจ ทำเจ้าของใบหน้าแปดเปื้อนไปด้วยฝุ่นจนดูมอมแมมราวกับคนจรจัด กระนั้นยังคงความสวยไม่สร่างตัวสั่นสะท้าน ขอบตาร้อนผ่าวตอนเขาพยักหน้าให้
" จะเอาอย่างนั้นก็ได้ "
คลายมือออกจากเส้นผม ปล่อยเธอเป็นอิสระ พลางถอนหายใจพรืด ดึงสติกลับมา เปลี่ยนสีหน้าร้ายกาจเยี่ยงหมาป่า ให้ดูดีขึ้นมาจากหน้ามือเป็นหลังมือ
หากจะมีก็คงเป็นแววตา ที่มองอยู่ไม่ขาด ไร้ซึ่งความหมาย
" ฉันจะถือว่าเธอเลือกเอง "
สมาร์ทโฟนถูกดึงขึ้นมาแนบหู ทั้งที่มือสากยังจับท้ายทอย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นบีบปลายคางรั้งเอาไว้ไม่ให้เบือนหนี
" พาสคาลเหรอ มีเรื่องจะให้สืบให้หน่อย ต้องการเดี๋ยวนี้เลย "
ทั้งที่ประโยคเหล่านั้น ถูกเปล่งออกมาอย่างราบเรียบ ทำไมเธอถึงกลัว หัวใจกระสับกระส่ายอยู่ไม่เป็นสุข หรือนั่นเป็นเพราะแววตาของคนพูด ที่จับจ้องมายังเธอราวกับหวังจะบอกอะไร
โคลนีเม้มปากแน่น ไม่กล้าแม้จะปริปากถาม หลังจากเขาผละออกไปแล้ว ยืนหันข้างให้กับเธอ สไลด์หน้าจอโทรศัพท์สลับกับการกดโทรออก เสมือนมีงานให้ทำ ไม่คิดจะสนใจเธออีก
จนกระทั่ง..
เสร็จสิ้น จึงจะเก็บกลับไปในกระเป๋า หมุนตัวมาหาเธอ แล้วเดินเข้ามา ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง มือขวาคลึงสันจมูกเล่น สาวเจ้าเบิกตาโพลงก็ตอนที่เขาพูด
" หมดเวลาของเธอกับพี่ชายเธอแล้ว "
" หมายความว่าไง? นะ..นายจะฆ่าเราเหรอ?"
ปากคอสั่น นั่งเก้าอี้ไม่ติด เธอไม่เคยตื่นตระหนกเท่านี้มาก่อน
ทว่า คนตรงหน้ากลับสั่นหัว ยกยิ้มมุมปาก ไม่ค่อยรู้สึกสะทกสะท้านกับคำถามของเธอ เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ห่างกับเธอประมาณสองเมตร น่าแปลกความไกลขนาดนั้น แต่เธอกลับมองเห็นแววตาของเขาชัดเจน
"เปล่า แค่พี่ชายเธอคนเดียว "
ไม่พูดเปล่า เตรียมจะเดินออกไปอีก โคลนีเห็นอย่างนั้นจึงยิ่งกลัว เธอเผลอใช้สัญชาตญาณแห่งความเป็นห่วงพี่ชายถามเขา หวังให้เขาให้โอกาส
" นายจะฆ่าเขาเหรอ?! อย่าทำแบบนั้นเลยนะ ขอร้องล่ะ ให้เขาติดคุกตลอดชีวิตก็ได้ "
" แล้วมันต่างกันตรงไหน? "
ขนาดแค่แผ่นหลังที่หยุดยืน รอฟังเธอพรรณนา อ้อนวอนผ่านม่านน้ำตาคู่นี้ เธอยังเกรงกลัวเลย เสียงแหบที่ถาม พร้อมหันหน้ามาเพียงนิด เห็นแค่เสี้ยวหน้าด้านข้าง ยังสามารถทำเธอประหม่าได้ นับประสาอะไรกับการตอบคำถาม
โจอี้ พี่ชายของเธอฆ่าน้องสาวของเขา ต่อให้เป็นอุบัติเหตุ แต่มีส่วนร่วมก็ไม่ควรอ้าง ทว่า ด้วยสถานะน้องสาว ถึงพี่ชายจะเลวแค่ไหน ก็ไม่อยากเห็นพี่ชายต้องตายอยู่ดี
เธอ... ผู้หญิงจิตใจเทาๆคนหนึ่ง ทำงานกลางคืนหวังประทังชีวิต จะมีปัญญาอะไร
" ว่าไง?"
" ฉะ...ฉัน "
ร่างสูงถามย้ำ ทำเธอก้มหน้างุด หันซ้ายหันขวาไปมา ราวกับพยายามหาเหตุผลมาต่อรอง
แต่แล้ว..
ไม่ทันได้พูดต่อ คำตอบที่ได้ กลับทำเธอชะงักงัน
" ไม่ฆ่าเธอด้วยก็ดีแค่ไหนแล้ว อีกอย่างเธอไม่มีสิทธิ์มาขอ "
ก่อนเบิกตาโพลง มองแผ่นหลังกว้างที่กำลังขยับออกไปช้าๆ ผ่านม่านน้ำตา จนกระทั่งลับหายไป
กว่าจะสำเหนียกต่อคำพูดของเขาได้ ก็ต้องรอให้ก้อนน้ำตาเหล่านั้นหล่นกระทบแก้ม เปลี่ยนใบหน้าจากชาวาบ ริมฝีปากที่อ้าค้างเป็นสั่นระริกเสียก่อน จึงจะมีสติ โคลนีปล่อยโฮ ไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดเท่านี้ ทั้งเสียใจ ทั้งผิดหวังในเวลาเดียวกัน
ด้านของโครทิส หลังหลุดออกมาจากโกดังบนเรือ รถหรูประตูเลื่อนเปิดค้างไว้รอเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยบอดี้การ์ด จากนั้นจึงจะเคลื่อนออกไปจากช้าไต่ระดับเป็นเร็ว เมื่อประตูนั้นถูกปิดลงอีกครั้ง
ข้างในเงียบเชียบ เย็นยะเยือกไปด้วยไอของแอร์ ที่บรรเทาความร้อนระอุได้แค่ภายนอกเท่านั้น ก่อนจะใช้เวลาแค่ช่วงนั้นพักผ่อนร่างกาย เขาเอนหลังพิงพนักหลับตานิ่ง ต่างจากปากที่ยังขยับ
" กลับที่พัก "
ความเงียบกริบที่มากจนเกินไป บางทีก็ใช่ว่าจะดี ยามเสียงของผู้เป็นนาย นึกจะเอ่ยอะไรก็เอ่ยออกมาแบบไม่มีเกริ่นก่อน มีผลต่อบอดี้การ์ดซึ่งทำหน้าที่คนขับ และกำลังใจลอยมองท้องถนนถึงกับสะดุ้ง
" ครับนาย "
เขารับคำ ชำเลืองมองคนข้างหลังผ่านกระจกตรงหน้า พลางกลืนน้ำลายลงคอดังอึก ท่าทางเย็นชาแบบนี้เดาได้ไม่ยาก ในสมองคงกำลังคิดอะไรบางอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องเครียด และยากต่อการตัดสินใจ
เขาจึงเลือกที่จะขับรถต่อไปเงียบๆ ไม่กล้าถามต่อ แม้จะเป็นคนสนิท ที่คุยได้ทุกๆเรื่องคนหนึ่ง ทว่าไม่คิดว่าจะเงียบยาวมาจนถึงที่พัก ด้วยท่านั้นท่าเดิม คือการเอนหลังกึ่งนั่งกึ่งนอน ศอกเท้าบนขอบหน้าต่าง ตามองออกไปนอกกระจก
" ถึงแล้วครับนาย "
" อืม "
" เอ่อ..."
" อะไร? เดี๋ยวลงเอง จอดรถเสร็จแล้วก็ไป"
" เปล่าครับนาย ผมแค่จะถามว่า คืนนี้มีงานอะไรให้พวกผมทำหรือเปล่า เห็นนายเครียดๆมาตั้งแต่ตอนกลางวัน น่าจะมีเรื่องด่วนนะครับ "
แต่แล้ว..
คำถามบ่งบอกถึงความเป็นห่วงเหล่านั้นกลับทำให้เขาหลุดจากภวังค์ เปลือกตาคมกริบค่อยๆหรี่ขึ้นมา เผยดวงตาสีอำพันหม่นหมอง
เขารู้! สิ่งที่เขากำลังจะทำ อาจส่งผลต่อคนอื่นๆ ในองค์กรก็เป็นได้ โดยเฉพาะเวเดโน่พ่อของเขา หากแต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่มากพอที่จะปรึกษาใคร
ชายหนุ่มดึงร่างจากพนักขึ้นมานั่งตัวตรง ละสายตาจากหน้าต่างบานเดิม แต่วิวทิวทัศน์ข้างนอกเป็นที่พักของตัวเอง เพื่อหันมองบอดี้การ์ด เขายกยิ้ม รู้สึกพอใจในคำถามนั้นไม่น้อย ทว่ากลับส่ายหน้า
" ไม่ "
" ครับ?"
" บอกว่าไม่ไง กลับไปหาลูกเมียแกซะ "
" แต่ว่านายครับ.."
ก่อนจะใช้สายตาคมกริบจ้องมองลูกน้องแทนการบังคับ แน่นอน นั่นจะเป็นประโยคสุดท้ายในบทสนทนาของพวกเขา เพราะความเกรงกลัว และลับหลัง จะไม่มีใครรู้เลยว่าเขาจะทำอะไร