บทที่ 1 ขอร้อง
ราตรีเดือนมืด ไม่ใช่แค่ความเงียบสงัดเป็นตัวปลุกร่างบางที่นั่งพิงพนักเก้าอี้ต้องสะดุ้ง หรือกลิ่นอับชื้นบริเวณรอบๆ โชยมาแตะจมูกจนต้องตื่น แต่เป็นเพราะผ้าสีเดียวกันกับที่ปิดตาของเธอ รัดแน่นเสียจนมองอะไรไม่เห็น พอขยับตัวจึงรู้ทันทีตนนั้นกำลังถูกพันธนาการ
" ตื่นแล้วหรือ?"
และไม่ทันได้หายงง เรียบเรียงความจำไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าได้สำเร็จ เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งกลับดังขัดขึ้นมาเสียก่อน สร้างความหวาดกลัวให้เธอไม่น้อย
โคลนีเม้มริมฝีปากแน่น ความตื่นเต้นเริ่มเล่นงานเธอ บีบหัวใจจนชาลามไปทั้งแขนและขา ฝ่าเท้าใต้รองเท้าผ้าใบเหยียบไม่ติดพื้น รู้สึกเบาหวิวนับตั้งแต่ได้ยินเสียงนั้น
เธอจำได้แม่น เขาเป็นคนเดียวกันกับที่บุกเข้ามาทำร้ายพี่ชายของเธอ สการ์เล็ตต์ โจอี้* เมื่ออาทิตย์ก่อน
หญิงสาวไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ทว่าสัญชาตญาณสั่งให้เธอพูดประโยคหนึ่งออกไป ซึ่งเป็นประโยคราวกับเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล!
" หยุดนะ! อย่าทำเขา ได้โปรดเถอะ เขาไปทำอะไรให้ ถึงได้เอาปืนจ่อหัวเขาแบบนี้ "
ไม่รู้อะไรเข้าสิงเธอให้มีใจกล้าบ้าบิ่น ถึงขนาดไม่กลัวความตายวิ่งเข้าหากระสุนปืน เลือกปกป้องพี่ชายทั้งที่รู้ดี เขาอาจไปก่อเรื่องร้ายแรงไว้จริงๆ ก็ได้ ไม่อย่างนั้นกลุ่มคนที่ดูปราดเดียวก็รู้ต้องเป็นผู้มีอิทธิพล ไม่มายืนอยู่ที่นี่หรอก
" อยากรู้งั้นหรือ?"
เสียงหนึ่งถาม ไม่ใช่เสียงของคนถือปืนเพราะเขาไม่ได้ขยับปาก แต่ฟังแล้วทรงพลังพิลึกพิลั่น สามารถทำคนเหล่านั้น โดยไม่ต้องออกคำสั่งให้ทำตาม หันปลายกระบอกปืนด้ามนั้น มาทางเธอ จ่อที่ขมับข้างซ้ายแทนพี่ชาย
หญิงสาวเหลือบตามองหน้าเขา หางตาหวาดหวั่นสั่นระริก หวังตั้งคำถาม ต้องการคำอธิบาย ทว่าคงไม่สะท้อนในตาให้เห็นแม้แต่น้อย เพราะสภาพสะบักสะบอม จะเป็นจะตายร้ายดีไม่อาจรู้ค้ำคอเขาอยู่ นาทีนั้นสการ์เล็ตต์รู้ทันทีว่าตนจะต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน หันกลับมามองหน้าคนถือปืน ก่อนจะมองเลยไปยังใครอีกคนที่นั่งอยู่ข้างหลัง จุดนั้นเป็นโซฟาของเธอซึ่งอยู่ในห้องของพี่ชาย
เธอมองไม่เห็นเขา เพราะถูกคนพวกนี้บดบัง แต่หากให้เดาคงกำลังนั่งสบาย ใช้แขนแผ่วางบนพนัก และเป็นเจ้านายของชายฉกรรจ์เหล่านี้!
" จะเอากันถึงตายเลยหรือ? เขาไปทำอะไรให้พวกคุณ "
แม้จะรู้ดี สถานการณ์แบบนี้จะต้องกลัว ไม่ควรพูดอะไรแบบนี้ แต่เธอกลับท้าทายไปถามเขา ผลที่ได้กลับมาคือเสียงแค่นหัวเราะ
" หึ! อยากรู้ว่ามันทำอะไรน่ะเรอะ ก็ปลุกมันขึ้นมาถามซิ เฮ้ย! ทำให้มันฟื้นขึ้นมาหน่อย"
" ไม่! .."
กลายเป็นว่าคำถามของเธอ ทำให้เธอเดือดร้อนเสียเอง เมื่อพวกเขาขยุ้มคอเสื้อของพี่ชายขึ้นมา ง้างมือเตรียมชกลงไปอีกรอบ
หญิงสาวสั่นหน้าเป็นพัลวัน น้ำตาไหลพราก
" ไม่ อย่าทำเขา ฉันไม่อยากรู้แล้ว "
ทิ้งตัวเปลี่ยนจากท่าคุกเข่า เป็นนั่งทับส้นเท้าแทน ทั้งหมดแรง ทั้งยกมือไหว้
คนเหล่านี้ดูน่ากลัวกว่าพวกที่แล้วมาเป็นไหนๆ ภูมิฐานไม่ใช่แค่เจ้าหนี้กระจอกๆ คุมแค่ซอกตรอกซอย แต่นี่พวกเขา..อย่างกับมาเฟีย
" เขาไปติดการพนัน เขาไปยืมตังค์พวกคุณมาใช่ไหม? ฉันขอโทษนะ จะหาคืนให้ แต่ขอร้องเถอะอย่าทำเขาเลย อีกนิดเดียวเขาจะตายอยู่แล้ว"
ขณะนั้นโคลนีคิดว่าอาจจะได้ผล หลังสิ้นสุดคำขอของเธอเห็นเขาเงียบไป เปล่าเลย นั้นยิ่งขยี้ความแค้นให้มีมากยิ่งกว่าเดิม จนนั่งอยู่ไม่ติด จำต้องเดินมาหาเธอ
หญิงสาวชะงักค้างจริงๆ ก็คราวนี้ เมื่อเห็นหน้าตาของเขาอย่างชัดเจน ตอนที่เขาแหวกลูกน้อง ย่างสามขุมมานั่งชันเข่าตรงหน้า
เขาเหมาะจะเป็นเทพบุตรมากกว่าซาตาน
ยิ่งน้ำเสียงของเขา ยิ่งไม่เหมาะสม มันดูเย็นชาเกินไป และไม่คู่ควร
" เธอกำลังขอร้องฉันหรือ?"
และสายตายามจับจ้องมายังเธอนั้น ก็ยิ่งแล้วใหญ่ เปรียบเสมือนลำแสงวิเศษบางอย่าง สีขาวเจิดจ้าชวนน่ามอง แต่แสบตาในเวลาเดียวกัน
" หะ ให้ไม่ได้เหรอ?"
ทว่าแลดูดวงตาของเธอจะเหนือกว่าเป็นไหนๆ หากยามนี้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้า คือบุคคลธรรมดาคนหนึ่ง...ที่มีหัวใจ
ไม่ใช่มาเฟีย!
ดูน่ากลัว แม้กระทั่งเสียงพูด ชนิดไม่ต้องปรุงแต่งถ้าใช้เสียงดังขึ้นมาอีกหน่อย ไม่สะดุ้งโหยงหัวใจของเธอก็ต้องหลุดออกมานอกเบ้า
" ไม่ใช่เรื่องเงินเหรอ?"
เพราะมันเป็นสายตาอ้อนวอน ดูน่าสงสารจับใจ ทว่ากลับเป็นท่าทางแลดูน่าสมเพชในสายตามาเฟียหนุ่ม เขายกยิ้ม ส่ายหน้า
" ถ้าอย่างนั้น..เขาไปทำอะไรให้ ถึงได้ซ้อมกันปางตายแบบนี้"
" เธอไม่รู้จริงๆ หรือ..." เลิกคิ้วขึ้นสูง "เธอคงเป็นน้องสาวหัวอ่อนที่ถูกพี่ชายไถเงินทุกวันสินะ "
"....."
" เอาเถอะ ไม่ต้องพูดหรอก เอาเป็นว่าเธอกล้าขอ ฉันก็กล้าให้ ไปถามกันเอาเอง...ฉันจะกลับมาอีกทีอาทิตย์หน้า หวังว่าวันนั้นถ้าเธอเห็นภาพนี้ จะไม่งอแงแบบวันนี้อีก "
" ฮึก.."
" แล้วอย่าหนีล่ะ เพราะสิ่งที่พี่เธอทำหนียังไงก็หนีไม่พ้น.."
ทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินออกไปอย่างง่ายดาย ทิ้งเธอให้อยู่กับพี่ชายตามลำพัง พร้อมความหวาดกลัวสุดขีด เธอก้มลงมองร่างที่ไร้สติข้างกาย ปล่อยโฮหยดน้ำตาไหลแมะลงบนพื้น
" คราวนี้.. ไปทำอะไรเอาไว้อีกล่ะ ฉันจะไม่ไหวแล้วนะพี่!"