8.ทางที่สมควรเลือก
เธอเดินไปนั่งตรงข้ามกับเขา ที่นี่คือเลาจน์ชั้นบนของโรงแรมและเป็นห้องส่วนตัวที่ค่อนข้างหรูหรามากทีเดียว
มันน่าอายนิดหน่อยตรงที่เธอไม่ได้แต่งตัวมาให้สมกับสถานที่ เธอสวมเดรสสีชมพูตัวเมื่อเช้าแถมผมก็มัดเอาไว้ด้านหลังแบบลวกๆ อีกต่างหาก
สายตาของพนักงานที่นี่ก็เลยค่อนข้างจะจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเธอเป็นพิเศษ
ใครจะไปรู้ว่าความหมายการทานข้าวของเขาและเธอมันแตกต่างกันขนาดนี้กันล่ะ แถมเขาไม่ได้บอกสักคำว่าจะไปที่ไหน
เมื่อเธอนั่งลง พนักงานจำนวนมากก็ยกอาหารมาวางเอาไว้บนโต๊ะ เรามากันสองคนแต่อาหารที่วางอยู่เบื้องหน้าของเธอมีราวสามสิบอย่างเห็นจะได้
เธอขบเม้มริมฝีปาก ก่อนจะปรายตามองหน้าเขาสลับกับอาหารมากมายพวกนั้น เธอกำลังหิว..มันคือความหิวที่เธออาจจะทานอาหารทั้งสามสิบจานพวกนี้หมดได้ในพริบตาแต่ทว่าเธอไม่อาจเสียมารยาทด้วยการเริ่มทานก่อน
พิมจึงรอคอยให้เขาเป็นฝ่ายตักอาหารก่อนเธอ ทว่าเขากลับนั่งอ่านกระดาษรายงานที่ผู้จัดการส่งให้..
เธอกำช้อนเอาไว้แน่น พร้อมกับละสายตาเพื่อมองไปทางอื่น แต่ทว่าสายตาของเธอมันกลับไปสบตากับสายตาของพนักงานพวกนั้น..และนั่นทำให้พิมรู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิมเข้าไปอีก
เหมือนว่าที่นี่..มันไม่ใช่ที่ของเธอเลย และเหมือนกับว่าเขา..ไม่ใช่สามีของเธอ แต่เป็นนายท่านของเธอมากกว่า
“ทานสิ..”
อาเชอร์กล่าวออกมาโดยที่สายตาของเขายังไม่ละไปจากกระดาษเบื้องหน้าเลย เขายกกระดาษรายงานแผ่นนั้นขึ้นนิดหน่อยเพื่อที่จะได้ปกปิดรอยยิ้มที่มุมปาก
ท่าทางของเธอมันน่าหัวเราะจนเขาเกือบจะกลั้นเอาไว้ไม่ได้ พิมอายุสามสิบแล้ว แต่เธอกลับทำตัวเหมือนเด็กที่รอคอยให้พ่อหรือแม่บอกกล่าวให้เธอทานอาหาร
เขาไม่ได้ใจร้ายหรือว่าเจ้าระเบียบอะไรขนาดที่จะถือเรื่องที่เธอตักอาหารทานก่อนเขา.. ไม่รู้ว่าเธอเติบโตมายังไงแต่ว่านั่นก็คือการกระทำที่แปลกประหลาดสมเป็นเธอดี
“ยอดขายของเราเป็นไปตามที่นายท่านพึงพอใจ แถมแขกที่นี่ก็อยู่ในระดับซุปเปอร์วีไอพี เลาจน์ของอาเดนยังคงคุณภาพที่ดีเยี่ยมเอาไว้เป็นอย่างดีครับ”
สายตาของอาเชอร์ปรายตาไปมองผู้หญิงที่กำลังนั่งอยู่ตรงข้ามเขา ดวงตาของเธอเป็นประกายเมื่อได้ตักอาหารสองสามอย่างใส่ปาก เธอตักซุปปลารอบนี้เป็นรอบที่ห้าเห็นจะได้ ชอบกินขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ
“อืม เข้าใจแล้ว ออกไปเถอะ ฉันต้องการอยู่กับภรรยาสองคน ต่อไปนี้หากไม่ได้เรียกก็ไม่ต้องเข้ามาหรอกนะ”
พิมเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขา และเมื่อเห็นว่าเขาเองก็กำลังมองเธออยู่เธอก็รีบก้มหน้าลงในทันที
คง..ไม่ใช่หรอกมั้ง เขาอยากได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าที่จะมาสนใจว่าเธอกำลังอึดอัด..อย่างแน่นอน
บนใบหน้าที่เคร่งเครียดกำลังฉายแววความโล่งอกออกมาอย่างชัดเจน อาเชอร์มองหน้าของพิมอยู่พักหนึ่งก่อนที่เขาจะเริ่มลงมือทานมื้อเย็น
เขาแอบมองเธอนั่งทานอาหารอยู่เงียบๆ ในขณะที่เธอทานอาหารพวกนั้นอย่างจริงจังและไม่สนใจสายตาของเขาเลย แต่ถึงเธอจะหิวมากแค่ไหนปริมานที่เธอทานเข้าไปมันก็น้อยมากอยู่ดี เพราะแบบนี้เธอถึงได้ผอมบางขนาดนั้นสินะ เพราะว่าไม่ค่อยได้ทานข้าว..เรี่ยวแรงของเธอถึงน้อยมากเหลือเกิน
“ดูเหมือนว่าเธอจะทานน้อยไปหน่อยนะ อิ่มแล้วงั้นเหรอ?”
พิมยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
“ค่ะ”
เธอหิวมากแต่การนั่งทานข้าวต่อหน้าเขามันทำให้ความหิวลดหายไปมากกว่าครึ่ง ความกดดันมหาศาลเกิดขึ้นมาทุกครั้งที่สายตาของเขามันจ้องมองมาที่เธอ
สายตาของเขากำลังตรึงเธอเอาไว้ช้าๆ จนเธออยากจะลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไปให้รู้แล้วรู้รอดไป
“ทานน้อยกว่าที่คิดเอาไว้อีกนะ..ไม่ถูกปากรึไง?”
พิมรีบโบกมือไปมาเพื่อปฏิเสธ
“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ อาหารที่นี่อร่อยมากเพียงแต่อาจจะ..เป็นเพราะว่าพิมพึ่งตื่นก็เลยทานได้น้อย”
“แบบนั้นเรานั่งเล่นอยู่ที่นี่จนกว่าเธอจะทานได้มากกว่านี้ก็แล้วกัน”
วะ..ว่าไงนะ เธออุตส่าห์รีบกินเร็วๆ เพื่อที่จะได้ออกไปจากที่นี่ แต่เขากลับบอกให้นั่งทานจนกว่าเธอจะหิวอีกรอบงั้นเรอะ
“พิม..ต้องเข้าบริษัทพรุ่งนี้ค่ะ เพราะแบบนั้นพิมนั่งอยู่กับคุณนานขนาดนั้นไม่ได้หรอกค่ะ”
อาเชอร์กลั้วหัวเราะในลำคอ
“นี่เธอกำลัง..ปฏิเสธคำเชิญชวนของฉันเหรอ พึ่งรู้ว่าเธออยู่ในสถานะที่สามารถปฏิเสธได้ด้วย”
เขาย้อนคิดถึงเรื่องที่ทำให้เธอยินยอมแต่งงานกับเขา เรื่องไหนกันที่สามารถทำให้ผู้หญิงที่หัวแข็งและไม่ยอมใคร มาแต่งงานตามคำสั่งของแม่เธอได้
พอมองย้อนกลับไปก็พบว่าเพราะเธอมีงานที่รักมากยิ่งกว่าชีวิต นี่คือจุดอ่อนของเธอรึเปล่านะ แบรนด์เสื้อผ้าที่เธอสร้างมานั้น..มันคือสิ่งที่เธอพยายามทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อรักษามันเอาไว้ใช่ไหม?
เรื่องเริ่มสนุกแล้วสิ เธอไม่เคยทำให้เขารู้สึกเบื่อจริงๆ เพราะในทุกวันเขาจะต้องมาคิดว่าจะทำลายเธอแบบไหนดี
“ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางหรอกนะ เมื่อวานเธอพูดเอาไว้เองนี่ว่าอยากจะใช้ปากกับส่วนนั้นของฉัน..”
มือของพิมกำแน่นเมื่อเขากล่าวเช่นนั้นออกมาพร้อมกับแววตาที่ราวกับบดขยี้เธอให้แหลกคามือ
บอกตามตรงว่าเธอตามอารมณ์เขาไม่ทันจริงๆ เขาเหมือนว่าจะใส่ใจเธอ แต่ทว่าเขาก็อยากจะทำลายเธอให้แหลกสลายไปในเวลาเดียวกัน
หรือว่าเขาเข้าใจหน้าที่ของภรรยาผิดกันนะ เธอจะต้องยอมโอนอ่อนให้เขาอยู่ร่ำไปแบบนี้เลยงั้นหรือ?
“ที่นี่..ไม่เหมาะมั้งคะ”
“หากไม่ทำที่นี่มันจะไม่จบแค่ใช้ปากนะสิ เพราะหากเป็นในห้องนอนที่มิดชิด ฉันคิดว่าแค่ใช้ปากมันไม่สามารถทำให้ในใจของฉันพึงพอใจได้”
ไอ้คนสารเลวนี่..
“เลือกมาเร็วๆ สิพิม จะกินอาหารพวกนี้ให้หมดหรือว่าจะใช้ปากกับเจ้านี่..”
ไวกว่าที่เธอคิดเขาก็ถอดเข็มขัดและกระดุมกางเกงออกมา มือของอาเชอร์กำลังรูดรั้งแก่นกายที่ตื่นตัวขึ้นลงไปมาพร้อมกับดวงตาที่จับจ้องใบหน้าถอดสีของพิมอยู่
สนุกจังเลย นี่คือสีหน้านิ่งอึ้งของเธอสินะ..
เพียงแค่คำพูดเพียงคำเดียวของเขามันสร้างความกดดันมหาศาลให้กับเธอ
ครั้งนี้เธอจะไม่ยอมแพ้อีกแล้ว เธอจะกินอาหารที่อยู่บนโต๊ะนี่ทั้งหมดแทนที่จะยอมสัมผัสเขา
ทว่าเมื่อเธอจับช้อนขึ้นมาอาเชอร์กลับปัดช้อนออกจากมือของเธอ เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะบีบแก้มเพื่อให้เธออ้าปากออก
“หากว่าเธอไม่เลือกทางที่สมควรเลือก เช่นนั้นต่อจากนี้ไป เธอจะไม่ได้รับตัวเลือกอีกเลย..”
แล้วมันต่างกันตรงไหนฟะ ในเมื่อเธอไม่สามารถเลือกได้ตั้งแต่ต้น