3.สิ้นหวังไปอีกสิ
พิมกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอเมื่อประตูห้องน้ำถูกเปิดออกพร้อมๆ กับร่างสูงที่เดินออกมา
ผมที่ถูกเซตเอาไว้อย่างดีก่อนหน้าเปียกจนลู่ลงมาไม่เป็นทรง เขายกมือเสยผมไปด้านหลังอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ก่อนจะก้าวเท้าอย่างมั่นคงแล้วเดินตรงเข้ามาหาเธอที่นั่งรออยู่บนเตียง
อาเชอร์เอื้อมมือไปแกะเน็คไทที่มัดข้อมือของเธอออก เขาเว้นช่องว่างเอาไว้อย่างพอดิบพอดีเพื่อไม่ให้ดูว่าเขาต้องการเธอมากเกินไปหรือว่าไม่ห่างกันมากนัก
“คือ..พิมคิดว่าเราน่าจะต้องมีเรื่องมากมาย..พูดคุยกันเกี่ยวกับการแต่งงานในครั้งนี้”
“เรื่องนั้นฉันจะเป็นคนกำหนดข้อตกลงเอง ข้อแรกฉันไม่ชอบการนอกใจไม่ว่าจะเกิดจากปัจจัยใดทั้งสิ้น ตระกูลอาเดนไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มากก่อน เว้นเสียแต่จะรับผู้หญิงอีกคนเป็นภรรยารอง แต่เรื่องนั้นก็จะต้องได้รับความเห็นชอบจากภรรยาหลวงซะก่อน”
สายตาที่เขามองมามันเย็นชาราวกับน้ำแข็งเลย แถมในน้ำเสียงที่เขากล่าวกับเธอมันดูเหมือนคำสั่งมากกว่าจะเป็นข้อตกลง
“เรื่องนั้นพิมไม่คิดว่าจะเป็นปัญหา..”
“ข้อที่สอง..ฉันเกลียดการพูดแทรกมากที่สุด ผู้ฟังมีหน้าที่ฟังและทำความเข้าใจกับคำสั่ง”
ทันทีที่เห็นสายตาของเขาเธอก็กลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ พร้อมกับนั่งนิ่งๆ เพื่อรอคอยคำกล่าวต่อไปของเขา
“ข้อที่สามฉันเกลียดการขัดคำสั่งมากที่สุด จากนี้ไปเธอคือคนในตระกูลอาเดน และเพราะแบบนั้นเธอจะต้องเชื่อฟังในทุกคำกล่าว..”
นี่ไม่ใช่หน้าที่ของภรรยาแล้วละมั้ง มันหน้าที่ของคนรับใช้ชัดๆ เลย เขาวิเศษวิโสมาจากไหนกัน ถึงได้ทำตัวมั่นหน้าขนาดนี้
“หากว่าคุณพูดจบแล้วพิมจะขอกล่าวในส่วนความต้องการของพิมด้วยนะคะ พิมจะเชื่อฟังคุณค่ะ แลกกับการที่คุณจะต้องให้พิมใช้ชีวิตเหมือนก่อนที่จะแต่งงาน พิมจะกลับไปทำงานแต่พิมจะกลับมาหาคุณในทุกครั้งที่คุณต้องการใช้ให้พิมทำหน้าที่ภรรยา”
เขาหรี่ตามองหน้าเธอ หมายความว่ายังไงกันนะ หากว่าเขาต้องการก็เรียกเธอมาได้ทุกเมื่องั้นเหรอ? ผู้หญิงคนนี้ดูจะว่าง่ายมากกว่าที่คิดเอาไว้อีกนะ
“งั้นเหรอ แบบนั้นเองสินะ..แล้วถ้าหากว่าฉันต้องการให้เธอทำหน้าที่ภรรยาทุกช่วงเวลาล่ะ”
เธอช้อนสายตามองหน้าเขาด้วยแววตาที่ไม่เข้าใจ
“พิมไม่คิดว่าจะมีงานเลี้ยงที่จัดขึ้นตลอดเวลาหรอกมั้งคะ หรือหากว่าคุณต้องการให้พิมไปเป็นตัวแทนทำหน้าที่ภรรยาของคุณในการออกงานพิมก็ยินดีค่ะ”
แววตาของอาเชอร์วูบไหวอยู่พักหนึ่ง ดูเหมือนหน้าที่ภรรยาของเขาและเธอจะเข้าใจไม่ตรงกันซะแล้ว
เขาส่งเสียงร้องหึออกมา ก่อนจะขยับเข้ามานั่งใกล้เธอ ปลายนิ้วของอาเชอร์เกลี่ยไปบนแก้มนวลของเธอด้วยความแผ่วเบา
“แล้วเรื่อง..บนเตียงล่ะ”
ใบหน้าของพิมเห่อร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่เธอพยายามหันหน้าหนีแต่ทว่ามือของเขาก็เลื่อนมากุมใบหน้าของเธอเอาไว้แน่น เขาไม่คิดยินยอมให้เธอหันหน้าหนีไปจากเขา
ใบหน้าที่แสดงออกถึงความอึดอัดนี้..ดูเหมือนว่าจะทำให้เธอสวยขึ้นมาอีกหน่อยแฮะ
อยากจะเห็นใบหน้านี้อีกหลายๆ มุม ทั้งร้องไห้ เศร้า เสียใจหรือรวมไปถึงแหลกสลาย
ช่วยไม่ได้เธอทักทายเขาด้วยรอยยิ้มนี่ เขาเคยเห็นเธอยิ้มแล้วเพราะแบบนั้นเขาไม่ต้องการจะเห็นเธอยิ้มอีกเป็นครั้งที่สองเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
“ระ..เรื่องนั้น พิมไม่ได้คิดเอาไว้เพราะคิดว่าคุณจะไม่ต้องการมัน อย่างไรเสียการแต่งงานครั้งนี้ก็เป็นการแต่งงานที่จัดขึ้นมาเพราะธุรกิจ..”
“เรื่องนั้นมันผิดอยู่บ้าง จริงอยู่ที่งานแต่งนี้จัดขึ้นมาเพราะธุรกิจแต่ว่าฉันเสียเงินร้อยล้านไปแล้ว..เงินที่เป็นค่าตัวของเธอ เพราะฉะนั้นไม่คิดจะทำอะไรที่เป็นการตอบแทนคนที่เสียเงินซื้อเธอมาในราคาร้อยล้านหน่อยเหรอ?”
หมายความว่ายังไงกัน เธอคิดว่าสินสอดน่าจะหลายสิบล้านอยู่ แต่ไม่คิดว่าแม่จะเรียกเงินจากเขาในจำนวนมหาศาลเช่นนี้
เงินนั้น..เธอไม่ได้เห็นมันด้วยซ้ำ
พิมได้แต่ลดสายตามองที่แขนของเขาเงียบๆ เธอไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดีในตอนนี้
ต่อให้พูดอะไรออกไป เขาก็จะเห็นว่าเธอคือผู้หญิงที่ยอมแต่งงานเพราะเงิน
“....”
แววตานั่นเริ่มหม่นหมองลงแล้ว ทว่าก็ยังไม่มีวี่แววของความสิ้นหวังและไม่มีวี่แววของหยาดน้ำตาเลย
เดาได้ไม่ยากว่าเธอจะต้องเป็นลูกนอกสมรสหรือลูกติดของคุณหญิงรตีอย่างแน่นอน เพราะแบบนั้นไม่มีทางที่เธอจะมีส่วนได้ส่วนเสียกับเงินจำนวนมหาศาลที่เขาจ่ายไปหรอก
“ว่าไง..จะทำยังไงต่อจากนี้ดีล่ะ ถึงยังไงคืนนี้ก็เป็นคืนเข้าหอไม่ใช่เหรอ..หันหลังมาสิฉันจะถอดชุดแต่งงานที่แสนหรูหรานั่นให้”
เขา..ไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานกับเธอด้วยซ้ำ แต่กลับมาทำตัวเคร่งครัดทวงถามถึงพิธีการเข้าหองั้นเหรอ บัดซบชะมัดเลย..
แต่แล้วเธอมีทางเลือกที่ไหนกัน พิมหลับตาลงช้าๆ พร้อมกับหันหลังให้เขา เธอสัมผัสได้ถึงมือของเขาที่ค่อยๆ แกะเชือกที่มัดชุดแต่งงานออกอย่างเชื่องช้า..ปมแล้วปมเล่าที่เขาแกะออกมา
สุดท้ายอาเชอร์ดึงเชือกนั้นออกแล้วก้มหน้าลงไปจุมพิตที่แผ่นหลังขาวเนียนของเธอ
ไม่ใช่แค่ใบหน้าอย่างเดียวที่นับได้ว่าถูกใจเขาแต่ร่างกายของเธอก็ยังคงดึงดูดสายตาได้ไม่แพ้ใบหน้านั้นเลย
เขาอยากจะทำลายเธอใจแทบขาด อยากจะกดร่างกายนี้ลงไปบนเตียงแล้วสอดแทรกลงไปซ้ำๆ ด้วยความใคร่ที่ก่อตัวขึ้นมาในใจ
อยากได้ยินเสียงร้องครางของเธอ และเสียงร้องไห้ที่แสนสิ้นหวัง..ทว่าเขาทำแบบนั้นไม่ได้
จะให้เธอได้ใจว่าเขาหลงใหลไปกับเธอไม่ได้ ต้องทำให้เธอรู้สึกปั่นป่วนไปทั้งร่างกายและหัวใจในยามที่เธอทอดสายตามองเขาสิถึงจะถูกต้อง
“พิม..ถอดชุดนี่ออกสิ”
แววตาของเธอเริ่มเปลี่ยนไปอีกแล้วตอนนี้จากสายตาแห่งความเสียใจกลับกลายเป็นสายตาที่เจือปนไปด้วยความหวาดกลัว
แพรขนตางอนงามกะพริบตาถี่ๆ เพื่อขับไล่ความเจ็บปวดออกไป เธอกำลังอยู่ในสถานะไร้ทางเลือก..เธอปฏิเสธเขาไม่ได้เพราะว่าเขาอยู่เหนือกว่าเธอ
แววตาที่เขามองลงมันยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองอาจจะต้องก้มหน้าลงทุกครั้งเมื่อเจอเขา เธอเกลียดชังแววตาแบบนั้นที่สุดเลย
มันคือแววตาที่เต็มไปด้วยความเหนือกว่าและความดูแคลน ยิ่งเขารู้ว่าเธอไม่มีทางเลือกเขายิ่งเล่นสนุกกับการไล่ต้อนเธอในจนมุม
“อันที่จริงวันนี้..ฉันไม่ได้มีอารมณ์จะทำเรื่องแบบนั้นเท่าไหร่นัก”
เธอกะพริบตามองหน้าเขาด้วยความหวังอีกครั้ง ในเมื่อเขาไม่ต้องการเช่นนั้นก็ไม่ต้องทำมันสิ เราแยกย้ายกันไปนอนห้องใครห้องมัน พรุ่งนี้เช้าจะได้ต่างคนต่างไป
“ทว่าถึงจะไม่อยากทำ แต่ฉันอย่างเห็นนะ..”
เขาก้มหน้าลงมากระซิบข้างหูเธอเบาๆ
“ใช้นิ้วนี่สัมผัสตัวเองให้ดูหน่อยสิพิม”
สิ้นหวังไปอีกสิพิม มองเขาด้วยสายตาเจ็บปวดมากไปอีกหรือจะร้องไห้ก็ได้ทั้งนั้น..หากว่าเขาเห็นน้ำตาของเธอไหลออกมาเมื่อไหร่ ในบางทีเขาอาจจะยินยอมเมตตาและเลิกแกล้งเธอก็ได้