2.คาดหวัง
“แต่งงานเหรอครับ..”
อาเชอร์วางแก้วบรั่นดีลงบนโต๊ะ เขามิได้มองหน้าของพ่อด้วยซ้ำ แต่ดวงตาของเขากลับจ้องมองเข้าไปในสวนดอกไม้ด้านหน้าของคฤหาสน์อาเดน
ท่านปู่ทวดของเขามีตำแหน่งทางการเมืองเป็นท่านเคาน์แห่งอาเดน ตระกูลของเขาร่ำรวยมหาศาลแต่ทว่าในยามนี้กลับมีปัญหา
เมื่ออาและแม่ของเขาของเขาหายตัวไปอย่างลึกลับที่ประเทศไทย พยายามตามสืบเท่าไหร่ก็ไม่พบเจอ เขาเป็นลูกครึ่งที่มีแม่เป็นคนไทย และมีพ่อเป็นผู้ดีแบบสุดๆ ของอังกฤษ
แม่เขาหายไป แต่พ่อกลับไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย คนที่เดือดร้อนมีเพียงแค่เขากับท่านย่าเท่านั้นเอง
ท่านย่าร้อนใจ ไม่ใช่เพราะว่าแม่ของเขาหายไปแต่เป็นเพราะอาหญิงหายไปต่างหาก
“นั่นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะการจะเข้าไปอยู่ที่นั่นได้นานๆ หลานจำเป็นจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงสักคน และย่าคิดว่าตระกูลพร้อมพงศ์เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะว่าตระกูลนั้นกำลังร้อนเงิน”
อาเชอร์วนแก้วในมือ จนน้ำแข็งกระทบกับบรั่นดีเบาๆ เขาไม่ได้คิดมากเรื่องการแต่งงานด้วยสถานะที่เป็นอยู่ เขาทำใจมาเนิ่นนานแล้วว่าคงจะไม่ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่รักอย่างแน่นอน
กับใครก็ไม่ต่างกัน ก็แค่แต่งงานให้จบๆ ไป และไปตามหาแม่และอาให้เจอเท่านั้นเอง
“ทราบแล้วครับท่านย่า”
อาเดนมีธุรกิจมากมายที่เข้ามาทำในประเทศไทย เขาเองก็บินไปกลับบ่อยๆ แต่ตอนนี้อาจจะต้องมาอยู่ที่นี่สักระยะ
“ธนิน ช่วยสืบเรื่องของลูกสาวตระกูลพร้อมพงศ์มาหน่อยสิ”
ธนินคือคนสนิทของเขา และธุรกิจมากมายในนามของอาเดนมันไม่ได้มีสีขาวเพียงอย่างเดียว แต่มันมีสีเทาและดำผสมปนเปกันไป
เพราะแบบนั้นเขาถึงห่วงแม่ที่หายไปมาก ไม่รู้ว่านี่คือฝีมือของคู่แข่งทางธุรกิจรึเปล่า?
วันรุ่งขึ้นธนินกลับมาพร้อมกับรายละเอียดของพราว ลูกสาวคนสวยของตระกูลพร้อมพงศ์
เรื่องความสวยแน่นอนว่าผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างจะเพอร์เฟคแต่เรื่องนิสัย..นี่มันติดลบเลยไม่ใช่รึไง
ถึงแม้ว่าจะเป็นการแต่งงานทางธุรกิจแต่เขาไม่ต้องการให้เกิดการนอกใจขึ้นมาไม่ว่าฝ่ายใดก็ตาม
จนถึงวันแต่งงาน..
“ได้เวลาเดินทางแล้วครับนายท่าน”
แววตาของอาเชอร์มองออกไปด้านนอกหน้าต่าง.. ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใดเขาไม่อยากทำให้ผู้หญิงคนนั้นได้ใจ ไม่อยากให้เธอได้รับเกียรติให้เป็นภรรยาของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้นเขาจึงตัดสินใจไม่ไปงานแต่งของตัวเอง
ทางพร้อมพงศ์ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะว่าเขาส่งสินสอดและค่าจัดงานไปให้อย่างครบถ้วนแล้ว
อยากเห็นจังเลยว่าดวงตาของเธอจะหม่นหมองและสิ้นหวังแค่ไหนกันที่จะต้องเดินบนทางเดินทอดยาวในงานแต่งงานเพียงคนเดียว.. การทำแบบนี้จะทำให้ผู้หญิงคนนั้นรับรู้ว่าถึงแม้ว่าเธอจะแต่งงานกับเขาแต่เขาไม่ได้เต็มใจที่จะรับเธอให้มาเป็นภรรยา
แต่ถึงอย่างนั้น ถึงเธอจะไม่เต็มใจกับการแต่งงานในครั้งนี้เธอก็จะต้องเดินคนเดียวในงานแต่งนั้น..อย่างไร้ทางเลือก
“นายท่านครับ ทางกาสิโนบอกว่ามีคนของลันเตปรากฏตัวขึ้นมาแล้วสร้างความปั่นป่วนครับ”
อาเชอร์หลับตาลงช้าๆ เขาสวมชุดสูทสีขาวบริสุทธิ์ที่ดูราวกับเจ้าบ่าวแสนอ่อนโยน พอดีเลยวันนี้เขากำลังอยากจะฆ่าใครสักคนอยู่พอดี จะไปปรากฏตัวต่อหน้าของภรรยาทั้งทีก็ต้องสร้างความประทับใจแรกเจอหน่อยสิ
คงจะดีหากว่าเสื้อตัวนี้ชุ่มโชกไปด้วยสีแดงของเลือด..มันน่าจะเข้ากันได้อย่างประหลาดเลย..
คงเหมือนชุดเดรสสีขาวของเจ้าสาวที่แต่งแต้มไปด้วยกลีบดอกกุหลาบ แต่ชุดของเจ้าบ่าวกลับเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสดไม่แพ้กัน
และนั่นทำให้เขา ขึ้นมาชั้นบนห้องสวีทด้วยสภาพที่น่าตกใจเล็กน้อย หากไม่ใช่ว่าที่นี่คือโรงแรมของเขา เขาก็คงจะถูกยามไล่ออกไปแล้วหากเดินขึ้นมาด้านบนด้วยสภาพเช่นนี้
เขาใช้คีการ์ดแตะไปที่ประตู นี่คือคีการ์ดที่สามารถเปิดได้ทุกห้องในโรงแรมแห่งนี้ และเมื่อเดินเข้าไป..
เขามองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงที่เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบ อาเชอร์ปิดประตูลงด้วยความแผ่วเบาก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาเธอ
ใบหน้านั้นจะเรียกว่าสวยได้ไหมนะ เพราะดูเหมือนคำว่าสวยจะน้อยไปหากเทียบกับใบหน้านั้น
เธอไม่ได้ใกล้เคียงกับรูปถ่ายที่ธนินมอบให้เขาเลยแม้แต่น้อย แสดงว่าพร้อมพงศ์มีลูกสาวสองคนสินะ
สายตาของเขากำลังถูกตรึงเอาไว้ที่ใบหน้านั้น เธอเหมือนกับเจ้าหญิงที่นอนหลับอยู่ในทุ่งดอกไม้เลย
ไวกว่าความคิดเขาก็เอื้อมมือเข้าไปแตะเธอ แต่ทว่าไฟทั้งห้องกลับสว่างขึ้นมา
ใบหน้าที่สวยเหมือนไม่มีอยู่จริงเด่นชัดมากยิ่งขึ้นเมื่อต้องแสงไฟ ทว่าดวงตาของเธอกลับเบิกกว้างด้วยความตกใจ
เขาเดาได้เลยว่าอีกไม่นานเธอจะต้องกรีดร้องออกมาอย่างแน่นอน เพราะแบบนั้นอาเชอร์จึงวางปืนลง
“กรี๊ด”
เขาพุ่งตัวเข้าไปหาเธอพร้อมกับถอดเน็คไทมามัดแขนของเธอเอาไว้ มันน่าประทับใจเล็กน้อยกับแววตาที่สิ้นหวังนั่น
เธอมองเขาด้วยความหวาดกลัวจนหยาดน้ำตาเอ่อล้นออกมาที่ขอบตา และดูเหมือนว่าเธอจะคิดว่าเขา..เป็นผี
อ่า..เขานับถือพระเจ้าและไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีอะไรสักเท่าไหร่นัก
“ปะ..ปล่อยนะคะ ปล่อยเถอะค่ะ หนูสัญญาว่าจะไม่โทรไปเล่าเรื่องนี้ในรายการแน่นอน เพราะแบบนั้นคุณจะต้องมีคนมาให้หลอกเรื่อยๆ ..”
เขาพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
“นี่คือ..การทำความรู้จักกับสามีครั้งแรกรึไง?”
คำถามนั้นมันทำให้พิมยิ่งตกใจมากกว่าเธอหันหน้าไปมองหน้าเขาให้ชัดๆ
เขาหล่อ..
อ่า..อย่าพึ่งคิดแบบนั้นสิ เธอควรจะตั้งสติก่อน หากจะว่าไปจริงๆ เขาดูไม่เหมือนผีสักนิดเลย.. ที่เธอตกใจเพราะว่ารอยเลือดและกลิ่นคาวบนเสื้อผ้าของเขาที่มันดูน่าสยดสยองเกินไป
“อะ..อ่า คุณคือคุณอาเชอร์ใช่ไหมคะ แบบนั้นปล่อยพิมก่อนแล้วไปนั่งคุยกันดีๆ ดีไหมคะ”
เธอมีเรื่องมากมายที่จะพูดคุยกับเขา เป็นเรื่องข้อตกลงการแต่งงานในครั้งนี้
“นั่งคุยน่ะได้ แต่ไม่แก้มัดให้หรอกนะเพราะต่อให้แก้มัดไป..อีกเดี๋ยวคงจะต้องมามัดใหม่”
พิมนั่งบนเตียง เธอขบเม้มริมฝีปากและยิ่งระงับอาการประหม่าได้ยากเย็นมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินเสียงน้ำจากฝักใบที่เปิดอยู่
เขากำลังอาบน้ำ..
เตรียมใจว่าแล้วไม่ใช่รึไงว่าการแต่งงานก็จะต้องมีการเข้าหอ และการเข้าหอก็จะต้อง..ทำเรื่องอย่างว่า
เธอไม่ใช่เด็กที่จะไม่เข้าใจสักหน่อย แต่..การพบเจอกันครั้งแรกเขาเกือบจะทำให้เธอหัวใจวายตายไปแล้ว
แถมการที่เขาสวมชุดเจ้าบ่าวที่เปื้อนเลือดมาหาเธอแบบนั้น..เหมือนกับว่าเขากำลังย้ำเตือนบางอย่าง
ย้ำเตือนฐานะภรรยาของเธอ เขาบอกกว่าผ่านการกระทำของเขาเป็นนัยๆแล้ว ว่าเรื่องที่เขาไม่เข้ามาในงานแต่งว่าถึงเขาจะแต่งงานกับเธอ
แต่เขาไม่ได้ยอมรับเธอเป็นภรรยา..
เธอไม่ได้หวังว่าเราจะรักกันและมีเรื่องราวแสนโรแมนติกหลังจากนี้ ในใจของพิมหวังเพียงแค่ให้เขาอนุญาตให้เธอได้ทำแบรนด์เสื้อผ้าของเธอต่อไป และได้ใช้ชีวิตเหมือนเดิม เหมือนก่อนที่จะแต่งงาน