4.อดทน
อามีนถอนหายใจเบาๆ เขายืนอยู่ที่ระเบียงชั้นสองในห้องนอนพร้อมกับความรู้สึกที่หนักอึ้งในใจ มันแตกต่างจากที่คิดเอาไว้เยอะพอสมควรเพราะในคราแรกที่เขาคิดเอาไว้เมื่อท่านพ่อบอกกับเขาว่าเขาจะต้องแต่งงานกับลูกสาวของนักบุญหญิง เขามองว่านางน่าจะอ่อนแอและมีข้อเรียกร้องเต็มไปหมด
สตรีที่ถูกเลี้ยงมาด้วยความรักและความทะนุถนอมจะมาอยู่ที่เมนเคลซึ่งเป็นตระกูลนักรบได้อย่างไรกัน เขามองว่าการแต่งงานครั้งนี้มันไร้สาระจนไม่มีค่าให้ต้องใส่ใจ แต่ดูจากที่ท่านพ่อชอบใจนางมากขนาดนั้น..ในบางทีเขาอาจจะต้องเตือนสติตัวเองหลายๆรอบว่านางคือบุตรของนักบุญนอกรีต คือสตรีที่เขาควรจะให้บทเรียนอย่าสาสมที่มารดาของนางทำร้ายผู้คนของเมนเคลครั้งแล้วครั้งเล่า
สายลมพัดผ่านมาพร้อมกับความอึมครึมในใจที่จางหายไปตามสายลม อย่าหลงใหลไปกับใบหน้านั้นสิอามีน..เปลือกนอกที่งดงามยั่วยวนนั่นมันคือหายนะชัดๆ
........
ที่นี่คือเรือนเล็กที่ไซคีรู้สึกว่ามันเป็นส่วนตัวมากทีเดียว เธอไม่ต้องการอยู่ในคฤหาสน์เพราะไม่อยากจะสนิทสนมกับคนในตระกูลเมนเคลมากขนาดนั้น ทั้งที่คราแรกตั้งใจว่าจะทำตัวดีๆให้สามีหลงรักแต่ทว่าการจะเดินข้ามกำแพงความขัดแย้งระหว่างสองตระกูลมันไม่ใช่เรื่องง่าย สู้อดทนอยู่ที่นี่สักพักแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอยเพื่อไปอยู่ที่อื่นยังจะมีความสุขมากกว่า..
"คุณหนูคะ ทำไมถึงได้ขอท่านดยุคมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ ทั้งที่ท่านคือบุตรีของนักบุญหญิงเพียงผู้เดียวของราชอาณาจักร ท่านคือสตรีที่ชนชั้นสูงส่งจดหมายมาเพื่อขอแต่งงานมากที่สุด.."
"เรื่องนั้นช่างมันเถอะเคท ข้าน่ะต้องการความสงบ และแน่นอนข้าไม่คาดหวังการเป็นคนรักหรือว่าดัชเชสของเมนเคลเลย ข้าจะอยู่ที่นี่แค่สามปี เพียงสามปีเท่านั้นแล้วข้าจะไปอยู่ที่อื่น แน่นอนว่าข้าไม่คิดบังคับเจ้าเพราะว่าเจ้าสามารถกลับไปที่คาร์โลได้ตลอดเวลาเลยนะ"
เคทเดินเข้ามานั่งคุกเข่าลงที่พื้น เธอคือสาวใช้ที่อายุสามสิบกว่าปี เธอคอยเลี้ยงดูเด็กหญิงผู้งดงามราวกับเทพีบนสรวงสวรรค์ผู้นี้มาตั้งแต่คุณหนูคลอดออกมา ท่านนักบุญหญิงไม่เคยอุ้มหรือว่าเลี้ยงดูคุณหนูเลย มีแต่เธอเท่านั้นที่คอยกล่อมเด็กน้อยผู้นี้ให้หลับและคอยอยู่เป็นเพื่อนตลอดเวลา จะให้เธอทำใจแยกจากเด็กน้อยที่เธอเลี้ยงมาได้อย่างไรกัน
"ไม่มีทางหรอกค่ะ เพราะไม่ว่าคุณหนูจะเลือกทางไหน ข้าก็ยินดีตามติดไปรับใช้คุณหนูนะคะ"
"เคท บางทีเจ้าจะต้องลำบากหากเลือกจะอยู่กับข้า เพราะว่าข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากที่เดินจากคฤหาสน์เมนเคลไป ข้าจะทำอาชีพอะไรดี"
พลังเวทของไซคีคือเวทชำละล้าง มันไม่ใช่การรักษาแต่ทว่าคือการชำละล้าง เธอจะไปประกอบอาชีพนักเวทก็ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เพราะหอคอยคือสถานที่ที่เลวร้ายมากที่สุด และในปีหนึ่งมีนักเวทมากมายที่ถูกฆ่า
เพราะมีคนพวกหนึ่งเชื่อมั่นว่าการใช้เวทคือการโกง พระเจ้าให้มอบชีวิตมาให้เพื่อที่จะให้มีการเกิดแก่เจ็บตาย แต่ทว่าพวกนักเวทนั้นไม่แก่ ไม่เจ็บ และไม่ตาย ก็เลยเกิดความเห็นว่ามันไม่เท่าเทียมกัน
มีผู้คนมากมายอยากเป็นนักเวทจนเกิดสงครามขึ้นมา มีนักเวทที่เป็นผู้ล่าและมีนักเวทผู้ถูกล่าอยู่ด้วย เรื่องราวน่าปวดหัวมันจึงเริ่มต้นขึ้นมาเพราะว่านักเวทก็กล่าวอ้างการฆ่าผู้คนว่าเป็นการป้องกันตัวเอง และพวกผู้คนก็กล่าวอ้างว่าการฆ่านักเวทมันเป็นการป้องกันตัวเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมและไม่มีใครหาสาเหตุของความขัดแย้งนี้ได้
ก็เลยมีการฆ่าฟันกันเรื่อยๆระหว่างนักเวทและชาวบ้านที่ไร้ศรัทธา
ไซคีถอนหายใจเบาๆ เธอมีเงินสินเดิมที่เรียกได้ว่ามหาศาลติดตัวมาด้วย บางทีเธออาจจะเอามันไปลงทุนทำอะไรสักอย่างระหว่างอยู่ที่นี่
"ท่านไซคีคะ ท่านดยุคให้มาตามไปร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นค่ะ""
ทั้งที่นี่ก็เลยเวลาเย็นไปมากแล้ว เธอส่งยิ้มให้กับหัวหน้าแม่บ้านผู้นั้นแต่ทว่าสิ่งที่ได้กลับมาคือใบหน้าที่บึ้งตึง
โอเค เรื่องความเป็นมิตรเธอไม่ได้คาดหวังจากคนที่นี่อยู่แล้ว ไซคีเดินตามหัวหน้าแม่บ้านไปที่ห้องโถงใหญ่ โต๊ะอาหารขนาดใหญ่นั่นมีอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะ พร้อมกับทหารของเมนเคลที่กำลังดื่มเหล้าและพูดคุยกันอย่างออกรส
"มานี่สิไซคี"
ท่านดยุคใช้ช้อนเคาะแก้วเบาๆเพื่อเป็นสัญญาณให้ทุกคนเงียบ เมื่อเธอเดินเข้ามา ไซคีส่งยิ้มให้กับทุกคน และแน่นอนไม่มีใครจะส่งยิ้มตอบกลับมาเลยสักคน เธอนั่งลงข้างท่านดยุคที่อีกฝั่งคือบุรุษที่อายุไม่ต่างจากท่านดยุคสักเท่าไหร่นัก เขาขยับออกไปในทันทีที่เธอนั่งลง ราวกับว่าเขารังเกียจเธอ..
"นี่คือไซคี ลูกสะใภ้ของข้าเอง"
"...."
ไม่มีเสียงพูดคุยใดๆอีกเลยหลังจากที่ท่านดยุคแนะนำเสร็จ เธอถอนหายใจเบาๆก่อนจะก้มหน้าลง
เรียกเธอมาที่นี่ทำไมกัน? ยังทดสอบเธอไม่เพียงพออีกอย่างนั้นหรือ?
"มาเถอะมาดื่มต่อกันเถอะ ว่าแต่เมื่อไหร่เฟลิกซ์จะมาสักทีนะ เขาน่ะชื่นชอบการเข่นฆ่าพวกนอกรีตมากเกินไปแล้วนะ ไม่ยอมกลับมาหาข้าบ้างเลยเจ้าลูกคนนี้"
"เหอะ! คนนอกรีตพวกนั้นสมควรตายแล้ว เหตุใดจะต้องไปดุด่าเขาด้วยล่ะท่านดยุค"
มือของไซคีกำแน่น หลังจากนั้นทุกคนก็พูดคุยเรื่องนี้กันอย่างสนุกสนาน เรื่องเกี่ยวกับการตายของนักเวทที่ถูกฆ่าโดยทหารของเมนเคล เธอตักอาหารใส่ปากพร้อมกับเริ่มทานโดยมิได้สนใจการพูดคุยพวกนั้น ราวกับว่าเสียงพูดคุย เรื่องความสนุกสนานของการฆ่านักเวทมันคือเสียงของสายลมที่พัดผ่านเธอไป
ต้องเข้มแข็งไซคี ต้องอดทนเพราะเธอไม่รู้เจตนาที่แท้จริงที่ท่านดยุคเรียกเธอมาที่นี่ เขาคือคนที่เดาใจยากจนเธอไม่รู้ว่าตกลงแล้วเขาเป็นคนเช่นไรกันแน่ การกระทำของเขามันต้องการอะไรจากเธอกัน?
"อร่อยไหมลูกสะใภ้ เห็นเจ้าทานอาหารได้อย่างเอร็ดอร่อยเช่นนี้ข้าก็เบาใจ เช่นนั้นทุกวันต่อจากนี้เจ้าก็ลงมาทานอาหารด้วยกันสิ มีเรื่องราวมากมายที่ข้าอยากจะพูดคุยด้วย"
"ได้ค่ะ ท่านดยุค"
เธอยังคงส่งยิ้มให้ท่านดยุคเหมือนเดิม เหมือนกับว่าเธอไม่ได้เจ็บช้ำกับคำกล่าวพวกนั้นเลย เธอไม่เป็นไรสักนิดเพราะคำพวกนี้มันก็แค่คำพูด แค่ลมปากเท่านั้น
แค่ไม่เก็บมาใส่ใจ เธอก็จะไม่เป็นไร
ซะที่ไหนกันละ..นอนไม่หลับเลยโว้ย!! เพราะคำกล่าวที่น่าสะอิดสะเอียนพวกนั้น พวกเขากล่าววิธีการฆ่าคนออกมาในตอนที่กำลังกินข้าวได้ยังไงกัน! บ้าบอที่สุดเลย
ไซคีหยิบผ้าคลุมออกมาก่อนที่เธอจะเดินออกไปด้านนอกเรือนเล็ก ที่ด้านหน้าคือสวนดอกไม้อันแสนงดงามต่างจากนิสัยของคนที่นี่..
เธอไล้นิ้วมือลงไปที่กลีบดอกไม้เบาๆ
จะทนอยู่ที่นี่ไหวไหมนะ นี่แค่วันที่สองเท่านั้นเธอยังอึดอัดแทบบ้า!!