3.ไม่เข้าใจ
ยังไม่ทันได้เดินทางเข้าไปที่แกรนด์ดัชชีของเมนเคล ไซคีก็รู้สึกอึดอัดแบบบอกไม่ถูกเสียแล้ว เธอมองหน้าของท่านดยุค ที่ท่านเองก็กำลังมองหน้าเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความเมตตา สิ่งนี้เรียกว่ามันคือหน้ากากใช่ไหม?
ที่นี่มันยังไงกันนะ เป็นสถานที่ที่เรียกได้ว่าเฮงซวยพอสมควรเลยนี่...
เธออยู่ในฐานะของบุตรสาวนักบุญหญิงที่เป็นวีรสตรีที่ได้รับการยกย่องว่าประเสริฐที่สุด แต่ทว่ากลับมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับองค์จักรพรรดิจนมีลูกสาวขึ้นมาหนึ่งคน
แถมตอนนี้ลูกสาวที่ว่านั่นกำลังจะเดินทางไปเป็นลูกสะใภ้ของนักรบในตำนานอย่างดยุคเมนเคล ผู้ที่ในสนามรบถือได้ว่าเป็นชายที่น่าเคารพและยกย่อง เป็นวีรบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม
แต่ให้เธอสาบานตนทันทีที่เข้าไปในคฤหาสน์เมนเคลว่าเธอจะภักดีต่อเมนเคลและเธอจะไม่ใช้เวทอีกเลยในชีวิตนี้ ทำไมการเป็นไซคีถึงได้มีข้อห้ามอะไรมากมายขนาดนั้น..
แล้วถ้า..เธอไม่ทำล่ะ?
ในเมื่อตามนิยายไซคีได้กล่าวคำปฏิญาณว่าจะภักดีต่อตระกูลเมนเคลและเธอก็ไม่เคยใช้เวทอีกเลยหลังจากแต่งงานเข้าไป แต่ทว่าไซคีก็ยังต้องตายอย่างโดดเดี่ยว
ไม่มีใครมาร้องไห้คร่ำครวญให้กับการตายที่น่าเวทนาของเธอเลย นางจิตใจดีและยินยอมทำถึงเพียงนั้น..ก็ยังไม่มีใครในตระกูลเมนเคลรักนางเลย
"เรื่องการไม่ใช่เวท ข้าไม่คิดว่าข้าจะสามารถรับปากท่านดยุคได้ค่ะ"
"ไม่คุ้มหรอกลูกสะใภ้ การต่อต้านข้าจะทำให้เจ้าอยู่ที่คฤหาสน์อย่างยากลำบาก"
การทำตามที่ท่านต้องการ ก็อยู่ที่นั่นลำบากเหมือนเดิม..ทำไมมีแค่เธอที่จะต้องยินยอมล่ะ? ทำไมมีแต่ไซคีที่จะต้องเสียสละ ทั้งที่นางมิได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ
"ข้าจะคิดเรื่องนี้ดูอีกที หากว่าท่านดยุคอนุญาตให้ข้าได้จัดงานแต่งงาน.."
เขาส่งเสียงร้องเหอะออกมา พร้อมกับหัวเราะราวกับคำที่เธอกล่าวออกไปมันคือเรื่องน่าตลกขบขัน
"ข้าอุตส่าห์คาดหวังว่าเจ้าจะเหมือนมารดาของเจ้าสักเสี้ยว แต่ทว่าไม่เหมือนกันเลยไซคี..มารดาของเจ้านั้นเป็นสตรีที่ฉลาดแต่ทว่าเจ้าช่าง..โง่งมเป็นเด็กๆ นี่คือการร้องขอที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานอย่างไม่คิดไม่เจียมตัว.."
ไซคีกำมือแน่น ใบหน้าอันงดงามนั้นยังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม
เธอคือสตรีที่ถูกรับมาเป็นเจ้าสาวของลูกชายของดยุค แต่ทว่าเธอไม่มีแม้แต่งานแต่งงานด้วยซ้ำ นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้ไซคีในเนื้อเรื่องถูกดูแคลน เพราะว่าเธอไม่ได้รับเกียรติให้เป็นแม้แต่ลูกสะใภ้ของท่านดยุคและแน่นอนไม่ต้องคาดหวังถึงตำแหน่งดัชเชสเพราะว่าอามีนแต่งงานใหม่ทันทีที่ไซคีตาย เขาจัดงานแต่งอย่างใหญ่โตเพื่อป่าวประกาศให้ชาวเมืองได้รู้ว่าเขารักสตรีผู้นั้นจนหมดหัวใจ
โชคชะตาโหดร้ายกับไซคีเกินไปแล้ว
"ท่านดยุคไม่คิดมอบสิ่งใดให้ข้าเลย แม้แต่ชื่อเสียงหรือการป่าวประกาศว่าข้าคือภริยาของอามีนท่านยังมิคิดมอบให้ แล้วเหตุใดท่านถึงคิดว่าข้าจะมอบสัญญาเรื่องการไม่ใช้พลังเวทให้ท่านล่ะคะ? นั่นยิ่งไม่ใช่การกระทำที่.."
"ลูกชายของข้าคือชายชาตินักรบ สตรีที่คู่ควรกับเขามิใช่บุตรีที่เกิดจากลักธินอกรีตอะไรนั่น"
"เช่นนั้นความคิดเห็นของเราก็ตรงกันค่ะ เพราะว่าข้าเองก็ไม่ต้องการลูกชายของท่านดยุคเช่นกัน ข้าจะเดินทางไปจากคฤหาสน์เมนเคล หายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อครบกำหนดสามปี.."
ดยุคเมนเคลหรี่ตามองแววตาสีอเมทีสต์ที่แน่วแน่ของไซคี
"เจ้าจะกลับไปที่คาร์โลอย่างนั้นหรือ?"
"ไม่ค่ะ เรื่องที่ว่าข้าจะไปที่ไหน เรื่องนั้นข้าไม่คิดว่าข้าจำเป็นที่จะบอกท่านดยุค เอาเป็นว่าข้าและลูกชายของท่านต่างคนต่างอยู่..ข้าจะไม่กระทำการอันใดให้เมนเคลเสื่อมเสียในระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ ข้าขอเพียงห้องที่ไม่ต้องอยู่ในคฤหาสน์หลักและ..อาหารเท่านั้นค่ะ"
อามีนมองไปยังเงาร่างในรถม้าด้วยหัวใจที่เต้นแรง ว่าที่ภรรยาของเขากำลังยื่นข้อเสนอให้กับท่านพ่อ ในคราแรกที่เขาเห็นนางเดินออกมาจากคฤหาสน์ที่แสนหรูหราของคาร์โล ชื่อไซคีนั้นไม่เกินจริงเลย ความงดงามที่ทำให้เขาไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ เขาอยากจะขอบคุณท่านพ่อหลายๆครั้งที่สั่งให้เขาสวมหน้ากากเพราะไม่อย่างนั้นเธอจะต้องมองเห็นใบหน้าที่กำลังเขินอายของเขาอย่างแน่นอน แต่ทว่าเธอคือบุตรสาวของนักบุญหญิงเวโรนิก้า..สตรีที่ดินแดนแห่งเมนเคลเกลียดชัง
ไซคีเดินขึ้นรถม้าโดยที่ไม่มีน้ำตาสักหยด นางไม่ร้องไห้อย่างที่ทุกคนคาดเอาไว้เพราะตามที่เขาไปสืบมา ไซคีคือสตรีที่อ่อนโยนและอ่อนไหวมากทีเดียวเพราะนักบุญหญิงเลี้ยงนางมาอย่างทะนุถนอม นางคือสตรีที่มีความเป็นกุลสตรีสูงมาก
เขาก็เลยคิดว่านางจะอ่อนแอและ..ร้องไห้ออกมาอย่างน่ารำคาญ แต่ทว่านี่นางกล้าเถียงท่านพ่อที่เขายังไม่กล้าเถียง
ทำได้ยังไงกันนะ..กล้ามองหน้าท่านพ่อแล้วเถียงออกไปแบบนั้นได้ยังไงกัน?
ท่านดยุคระเบิดหัวเราะออกมาอีกครั้งและครั้งนี้เขาหัวเราะออกมาจนต้องยกมือขึ้นมากุมท้อง ไซคีขมวดคิ้วกับอาการของท่านดยุคที่แสดงออกมาให้เธอเห็น
"ข้าคิดว่าข้าเรียกเจ้าว่าลูกสะใภ้ไปแล้วนะไซคี.."
ท่านดยุคกล่าวออกมาพร้อมกับรถม้าที่จอดเทียบด้านหน้าคฤหาสน์เมนเคล
"ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์เมนเคลลูกสะใภ้ หวังอย่ายิ่งว่าความอวดดีของเจ้าจะมีมากกว่าความกล้าบ้าบิ่นที่กล้ายื่นข้อเสนอให้ข้า เพราะว่าที่นี่ไม่ใช่คาร์โล.."
ไซคียังคงนิ่งอึ้งอยู่ เธอยื่นมือไปจับมือของท่านดยุคเพื่อเดินลงจากรถม้า
"ท่านดยุคคะ..เรื่องการใช้เวท.."
"ไม่เป็นไรหากว่าเจ้าใช้มันตอนที่ไม่มีใครเห็นน่ะนะ ทางที่ดีก็ระมัดระวังหน่อยก็ดี เพราะดาบของอัศวินที่นี่ไม่มีตาหรอกนะ"
เธอเม้มปากแน่นเพราะยังไม่อาจทำความเข้าใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าได้ หมายความว่ายังไงกันนะ เธอจะได้แต่งงานกับอามีนอย่างนั้นหรือ แล้วท่าทีของท่านดยุคในคราแรกมันคืออะไร คือท่านต้องการทดสอบหรือว่าอะไรกันแน่
"แล้วเรื่องอีกสามปีต่อจากนี้.."
ดยุคเมนเคลปรายตามองอามีนก่อนจะสลับมามองหน้าของไซคี
"เรื่องความรักข้าไม่คิดบังคับใคร หากว่าเจ้ามิได้รักเขาเช่นนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องทนอยู่ด้วยกันนี่"
ริมฝีปากของไซคีหยักยิ้มขึ้นมา เธอเดินตามท่านดยุคเข้าไปด้านในด้วยหัวใจที่เบิกบานโดยที่มิได้สนใจชายที่เดินตามหลักมาเลยว่าเขามีสีหน้าเช่นไร
หลังจากที่ท่านดยุคแนะนำพ่อบ้านให้ไซคีรู้จัก พ่อบ้านก็จัดการพานางไปยังห้องพัก
"...นาง กำลังเล่นละครอยู่รึเปล่าครับ"
อามีนถามพร้อมกับนั่งลง เขาถอดหมวกและเกราะออกเรียบร้อย ก่อนจะเสยผมสีดำสนิทไปไว้ด้านหลังอย่างลวกๆ
"แววตาเช่นนั้นนางมิได้เสแสร้งหรอกอามีน ไม่บ่อยที่จะมีสตรีที่ทำให้พ่อรู้สึกว่านางช่าง..แน่วแน่และงดงาม ไซคีอาจจะได้เป็นดัชเชสแห่งเมนเคล แน่นอนหากว่าลูกรักนางน่ะนะ แต่ทว่ามีบางอย่างที่พอยังไม่ค่อยพอใจ นั่นคือความแข็งกร้าวที่ไม่คิดโอนอ่อนของนาง ยอมหักไม่ยอมงอเช่นนี้จะอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน..."