2.เย็นชา
เธอเดินลงมาจากชั้นบนก่อนเวลาเล็กน้อย ที่หางตาของไซคีเหลือบไปเห็นรถม้าขอพระราชวังมาจอดเทียบประตูของคฤหาสน์คาร์โลที่ด้านหลัง ในใจเกิดเป็นความสงสัยขึ้นมา เธอยกกระโปรงที่ยาวรุ่มร่ามขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะเดินไปยังด้านหลังของคฤหาสน์ ท่านแม่กำลังยกยิ้ม ใบหน้าที่งดงามของท่านกำลังเอ่อล้นไปด้วยความปลื้มปีติยินดี
บุรุษที่อยู่บนรถม้ามิได้เปิดประตูลงมาด้วยซ้ำ ทั้งสองพูดคุยกันผ่านม่านหน้าต่างที่แง้มเอาไว้เล็กน้อย เสียงพูดคุยนั้นเต็มไปด้วยความรักและความเสน่ห์หาในแบบที่เธอเองก็ยังต้องตกใจ ชั่ววินาทีหนึ่งไซคีคิดในใจ หรือว่าบุรุษที่อยู่บนรถม้านั่นจะเป็นพ่อของเธอ แต่ทว่าเมื่อได้ฟังเสียงดีๆ เสียงนั้นมันช่างคุ้นเคยเหลือเกิน
มันคือเสียงขององค์จักรพรรดิ
ในเมื่อเป็นองค์จักรพรรดิ เช่นนั้นแล้วทั้งสองมาพูดคุยกันตรงนี้ทำไมกัน?
"เรียบร้อยดีเพคะ เรื่องของไซคีจะมิมีสิ่งใดมาทำให้ฝ่าบาทเป็นกังวลอีก นางจะหายไปจากดัชชีของคาร์โลตลอดกาล ทุกคนจะจดจำนางในฐานะของดัชเชสแห่งเมนเคลมิใช่บุตรสาวของนักบุญหญิงอีกแล้ว"
"หากเป็นดั่งที่เจ้ากล่าวมานั้นก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีเวโรนิก้า หวังอย่างยิ่งว่าในอนาคตของเรา เจ้าจะไม่พลาดท้องขึ้นมาอีก.."
ไซคียกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเองเอาไว้ พร้อมกับรีบเดินออกไปจากที่ตรงนั้นในทันที เพราะว่าเธอคือลูกสาวนอกสมรสขององค์จักรพรรดิและนักบุญหญิง เป็นเด็กที่เกิดมาจากความผิดพลาดของท่านแม่และการส่งตัวเธอไปที่แกรนด์ดัชชีของเมนเคลมันคือการกำจัดเธอทางอ้อม เพราะเมนเคลนั้นเกลียดชังนักบุญหญิงและเธอคือลูกสาวของท่านแม่ที่เป็นนักบุญหญิงที่พวกเขาเกลียด จะหย่าก็มิได้เพราะว่าองค์จักรพรรดิไม่ทรงอนุญาต
เธอคือคนที่ไม่สมควรจะเกิดมา พวกเขาจึงหาทางกำจัดไซคีเพื่อมิให้ใครล่วงรู้ถึงชาติกำเนิดอันผิดศีลธรรมของท่านแม่และองค์จักรพรรดิ
น่าสงสารเกินไปแล้วไซคี สตรีผู้นี้ถูกเลี้ยงมาด้วยความทะนุถนอมราวกับไข่ในหิน ไซคีจึงมองโลกในแง่ดีเสมอ ว่าท่านแม่ของนางดีที่สุด ก่อนตายนางยังเฝ้าภาวนาต่อหน้ารูปปั้นของพระเจ้าว่านางอยากจะพบเจอท่านแม่อีกครั้ง เป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี.. แต่ทว่าในความจริงแล้ว สาเหตุของความทุกข์ทนของไซคีมันเกิดมาจากท่านแม่ของเธอเอง
"คุณหนูคะ ได้เวลาเดินทาง..."
แววตานั่นคืออะไรกัน? คุณหนูของเธอเคยมีแววตาที่มุ่งมั่นเช่นนั้นด้วยอย่างนั้นหรือ? เคทมองหน้าคุณหนูของเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
"ท่านดยุคมาแล้วอย่างนั้นหรือ?"
"ค่ะ ท่านดยุคและท่านชายเดินทางมาพร้อมกัน แต่ทว่าทั้งสองท่านไม่ยินยอมเดินทางเข้ามาในคฤหาสน์คาร์โล พวกเขายืนยันว่าจะรอคอยอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์เท่านั้น.."
ไซคียกมือขึ้นมาห้ามปรามการกล่าวประโยคต่อไปขอเคท เพราะว่าเธอพอจะเดาว่าเคทน่าจะตำหนิการกระทำของตระกูลเมนเคลว่าไม่ให้เกียรติเธอ
ท่านแม่เดินเข้ามาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มก่อนจะโผกอดเธอเอาไว้
"ไซคีลูกรัก แม่คิดไม่ออกจริงๆว่าลูกจะอยู่กับพวกคนป่าเถื่อนเช่นนั้นอย่างไร นี่คือเครื่องมือเวทมนตร์ แน่นอนว่าเราสามารถสื่อสารกันได้ผ่านทางเจ้านี่ หากว่าลูกคิดถึงแม่ก็แค่ส่งสัญญาณมาเท่านั้น.."
ต้องแสร้งบีบน้ำตาไหมนะ แต่ทว่าตอนนี้เธอร้องไห้ไม่ออกเนี่ยสิ..
"ขอบคุณนะคะท่านแม่ ลูกจะต้องไปแล้วได้แต่หวังว่าท่านแม่จะรักษาตัวดีๆ รอวันที่ลูกจะได้กลับมาดูแลท่านแม่อีกครั้ง"
ท่านแม่ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก แต่ทว่าเธอก็มิได้สนใจ ไซคีก้มหน้าลงพร้อมกับส่งยิ้มให้ท่านแม่ที่ทำท่าทางจะยืนไม่อยู่ราวกับจะเป็นลมล้มพับลงไป
ในมือของเธอกำเครื่องมือเวทของท่านแม่เอาไว้แน่น ไซคีเดินออกมาจากคฤหาสน์คาร์โลโดยที่ใบหน้าอันแสนงดงามไม่มีแม้แต่น้ำตาสักหยด เธอเดินออกไปยังหน้าประตูคฤหาสน์ที่มีขบวนรถม้ารออยู่ แน่นอนว่านี่คือครั้งแรกที่เธอจะได้เห็นหน้าของว่าที่สามี และมันเป็น..ครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกันเพราะทันทีที่กลับไปถึงเมนเคล อามีนจะเดินทางไปออกรบทันที ที่คฤหาสน์เมนเคลจะเหลือแค่เธอเท่านั้น อย่างน้อยหากว่าวันนี้เธอสามารถโน้มน้าวให้เขาสนใจและยินยอมเข้าหอกับเธอได้ หลายๆอย่างจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเพราะว่าเธอจะได้รับความเคารพจากทุกคนในคฤหาสน์เมนเคลมากขึ้น
ไซคีช้อนสายตามองชายผู้สวมเกราะเหล็กที่นั่งอยู่บนอาชาสีดำทมิฬ กลยุทธ์สาวงามอาจจะใช้ได้ผลกับชายที่วันๆอยู่แต่ในสงคราม...
มันควรจะเป็นเช่นนั้นถ้าตอนนี้เขามิได้สวมเกราะเหล็กที่ปกคลุมไปยันศีรษะ เขาไม่ปรายตามองมาที่เธอด้วยซ้ำในขณะที่เธอมองไม่เห็นใบหน้าของเขาเพราะเกราะเหล็กที่เขาสวมอยู่
"ยินดีต้อนรับลูกสะใภ้ เจ้าคงจะไม่ว่าอะไรที่เราจะออกเดินทางเลย"
"ค่ะท่านดยุค ข้าพร้อมแล้ว"
เธอกล่าวออกมาโดยไม่ลืมหันหน้าไปมองบุรุษเจ้าของอาชาสีดำอีกครั้ง เขาก็ยังไม่หันมามองเธออยู่ดี ไซคีถอนหายใจเบาๆ เธอยกกระโปรงขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะเดินขึ้นรถม้า ยังโชคดีที่พวกเขาเมตตาให้เธอนั่งรถม้า มิเช่นนั้นเธอจะต้องขี่ม้าที่ตัวเองกลัวมากๆอย่างแน่นอน เพราะว่าครั้งหนึ่งเธอเคยตกจากหลังม้า แขนหักร่วมสามเดือนที่จะต้องนอนโรงพยาบาล เธอจึงตั้งใจว่าจะไม่ทำการอะไรที่เป็นการยุ่งเกี่ยวกับม้าอีกเด็ดขาด
ตอนที่เธอยังอยู่ในชาติก่อนมันเป็นเรื่องง่ายๆที่จะหลีกเลี่ยงม้าแต่ทว่าชาตินี้ที่จะต้องเดินทางด้วยม้า การหลีกเลี่ยงม้านั้นถือเป็นเรื่องที่ยากเย็นซะเหลือเกิน ไซคีได้แต่ภาวนาว่าเธอคงจะไม่ต้องถูกทรมานโดยการบังคับให้ร่วมงานแข่งขันขี่ม้าหรอกใช่ไหม?
ท่านดยุคเดินขึ้นมานั่งในรถม้าร่วมกันกับเธอ ไซคีส่งยิ้มให้กับชายที่ไม่มีวี่แววว่าจะแก่เลย เขาดูเท่สมกับเป็นชายชาตินักรบ ท่านดยุคเมนเคลยังคงความหล่อเหลาเอาไว้อย่างน่าสนใจมากทีเดียว
"ต่อจากนี้เราคือคนในครอบครัว แน่นอนว่าถึงแม้ความสัมพันธ์ของข้าและแม่เจ้าจะไม่ดี แต่ทว่าข้าไม่คิดจะรังเกียจลูกสะใภ้หรอกนะ ข้ากำลังหาวิธีการในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและเพื่อความสบายใจเจ้าควรจะเข้ารับการสาบานตนว่าจะภักดีต่อตระกูลเมนเคลทันทีที่เดินทางถึงคฤหาสน์.."
ความเกลียดชังของท่านดยุคและท่านแม่คงจะฝังลึกหยั่งรากลงไปในชั้นกระดูกเลยสินะ
"หากว่านั่นคือความต้องการของท่านดยุคข้าก็ยินดี.."
"ข้าจะยินดีมากๆหากเจ้าไม่ใช่พลังเวทหรือว่าพลังอะไรที่อยู่ในตัวของเจ้าเลย ตลอดระยะเวลาที่อยู่เมนเคลหรือชั่วชีวิตของเจ้านับจากนี้เป็นต้นไป"
ไซคีรู้สึกได้เลยว่าใบหน้าของเธอมันชาไปหมด แต่ทว่าเธอก็ยังส่งยิ้มให้ท่านดยุคมันคงจะเป็นรอยยิ้มที่แย่ที่สุดเลยก็ว่าได้เพราะการห้ามใช้พลังเวทสำหรับเธอนั้น ถือได้ว่ามันคือคำกล่าวห้ามที่ร้ายแรงมากทีเดียว