บทที่ 8 ขูดรีด
“ดูท่าทางฉลาดขึ้น เหอวาวาอย่าโง่ไปหน่อยเลยมีใครบ้างที่ไม่พูดถึงเรื่องเงิน บ้านหลังนี้สกุลกู้ยึดมาก็จริงแต่ก็ต้องเสียเงินไปจำนวนไม่น้อย แล้วมันเรื่องอะไรที่จะต้องมายกให้จินเหอง่ายๆ ที่มาวันนี้ก็เพียงแค่ต้องทวงความยุติธรรมให้สกุลกู้ของเราบ้าง หรือเรื่องนี้มันไม่เป็นเรื่องที่ถูกต้อง”
“ความถูกต้องมันย่อมเป็นความถูกต้อง แต่ตอนนี้พวกเราเพิ่งจะย้ายเข้ามาได้เพียงไม่กี่วัน แต่กลับจะต้องมาพูดคุยกันเรื่องเงินแล้วหรือคะ แม่ใหญ่เป็นคนไล่พวกเราให้ออกมาจากตระกูลกู้เอง แล้วยังจะตามมาพูดเรื่องค่าเช่าทันทีมันไม่ออกจะโหดร้ายไปหน่อยหรือคะ”
นายท่านกู้ได้ยกบ้านพร้อมที่ดินตรงนี้ให้กับจินเหอ ตอบแทนที่พ่อของเขาได้ปกป้องตนเองไว้ด้วยชีวิต ให้การศึกษาและเงินจำนวนหนึ่งให้มาตั้งตัวเมื่อต้องออกจากบ้านกู้มา
หลินอวี่รู้ดีถึงความต้องการนี้ของสามี ทว่าด้วยความโลภ หลินอวี่จึงโกหกตั้งแต่เริ่ม แล้วพูดในสิ่งที่ตรงกันข้าม หวังเพื่อตามมาหาผลประโยชน์จากครอบครัวเล็กครอบครัวนี้ให้ได้มากที่สุด
“จะพูดยังไงก็ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นวันนี้พวกเราต้องมาตกลงกัน จินเหอก็เป็นลูกคนหนึ่งของบ้านกู้ ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ลูกบุญธรรมยังไงซะก็ต้องนำรายได้รวมลงไปในรายได้หลักของตระกูลกู้ เธอเองก็เป็นลูกสะใภ้ก็ควรจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดามาก”
“แม่ใหญ่พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะคะ แม่ใหญ่ไล่พวกเราออกมาจากตระกูลกู้แล้ว สองครอบครัวก็ไม่ถือว่าเกี่ยวข้องกันอีก ถ้าหากมีรายได้สามีของฉันยังต้องส่งเงินกลับไปให้บ้านใหญ่อีกหรือคะ
สามีของฉันช่างน่าสงสาร เพราะนอกจากเขาจะไม่เคยคิดทำร้ายใคร ยังคงถูกคนอื่นเอาเปรียบเรื่อยมา เอาแบบนี้ก็แล้วกันในเมื่อไม่ว่าจะพูดยังไงแม่ใหญ่ก็ยังจะต้องการขูดรีดขูดเนื้อจากครอบครัวของเราให้ได้
เอาไว้เมื่อไหร่เรามีการค้าที่คนทั่วทั้งโลกรู้จักถึงตอนนั้นพวกเราจะนำเงินทุกหยวนคืนให้คุณแม่เองค่ะ สำหรับบ้านหลังนี้ ค่อยมาเก็บค่าเช่าเมื่อพวกเราพอตั้งตัวได้ก็แล้วกันนะคะ” เหอวาวาเมื่อสงบสติอารมณ์ได้แล้ว สติปัญญาก็แจ่มชัดขึ้น
“เหลวไหลที่สุด ทำไมฉันถึงจะต้องรอไปถึงขนาดนั้น ถ้าตอนนี้พอจะมีบ้างก็ควรจะจ่ายๆ มาซะ อย่าให้ฉันจะต้องเอาคนจากบ้านใหญ่มาทวงนะ” หลินอวี่ตบมือลงไปบนโต๊ะเสียงดังเมื่อถูกเด็กรุ่นลูกยอกย้อน
“แต่ผมก็ยังไม่เคยได้ยินว่าคุณพ่อจะพูดแบบนั้นสักครั้ง อีกอย่างบ้านหลังนี้คุณพ่อก็มอบมันให้กับผมแล้ว เอกสารก็เป็นชื่อของผมนะครับ” จินเหอเอ่ยและเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าไม่พอใจ ในมือเขามีถาดน้ำชาที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งมาด้วย
เขาเดินเข้ามาวางถาดน้ำชาลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงข้างภรรยา เอ่ยคัดค้านคำพูดของหลินอวี่ตามที่ได้ยินพ่อบุญธรรมเคยบอกไว้
แม้เขาจะเป็นเพียงลูกบุญธรรมแต่ถึงอย่างไรก็ได้ชื่อว่าลูก พ่อบุญธรรมก็ได้พูดออกมาจากปากเอง ว่าเมื่อไหร่ที่เขาตั้งตัวได้ถึงตอนนั้นก็ค่อยนำทุกสิ่งทุกอย่างที่พอจะตอบแทนได้ส่งกลับบ้านใหญ่ ไม่ใช่ด้วยการพูดจาเพียงฝ่ายเดียวอย่างเช่นที่แม่ใหญ่กำลังทำอยู่
อีกอย่างเอกสารการเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ก็เป็นชื่อของเขา ต้องขอบคุณพ่อบุญธรรมที่ทำไว้ให้ก่อนที่ท่านจะจากไป ท่านบอกว่าตอบแทนที่พ่อของเขาปกป้องท่านด้วยชีวิต
ปกติจินเหอจะเป็นผู้ชายไม่พูดมาก แต่ที่เห็นเขาพูดเยอะก็เป็นเพราะว่าอยู่กับครอบครัว ชายหนุ่มยังคงไม่ยอมให้แม่ใหญ่โขกสับภรรยาของตน ตลอดเวลาที่ผ่านมาวาวาก็ต้องอดทนกับครอบครัวของเขาตั้งแต่แต่งเข้าไปใหม่ๆ จนตอนนี้ขนาดเขาพาลูกเมียออกมาอยู่ข้างนอกตามคำสั่งของแม่บุญธรรมแล้ว คงยังไม่หนำใจ แม่ใหญ่ถึงยังตามมารังควาน รังแกและขูดรีดกับครอบครัวของเขาอยู่อีก
“ตอนอยู่ในบ้านกับอยู่นอกบ้าน ดูท่าทางจะเก่งกาจผิดกันลิบลับ เธอควรจะสำนึกที่สกุลกู้ให้เธอยืมแซ่มาใช้ ไม่อย่างนั้นลำพังเด็กกำพร้าก็คงจะไม่มีบ้านให้ซุกหัวนอน ไม่มีอาหารการกินและเสื้อผ้าดีๆ ให้สวมใส่ ตอนนี้แค่เพียงฉันพูดถึงเรื่องที่จะต้องจ่ายคืนผลกำไรมันผิดตรงไหนกัน” หลินอวี่เอ่ยทวงบุญคุณเสียงแข็ง
“มันไม่ผิดหรอกค่ะ แต่ตอนนี้พวกเรายังไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายคืนเพื่อตอบแทนบุญคุณสกุลกู้ก็เท่านั้น อีกอย่างแม่ใหญ่คงมาเก็บค่าเช่าไม่ได้ เพราะพ่อสามีได้มอบบ้านหลังนี้ให้สามีของฉันแล้ว ฉันยังไม่เคยเห็นเจ้าของบ้านคนไหนต้องมาจ่ายค่าเช่าให้คนนอกเลยค่ะ” วาวาพูดขึ้นเสียงแข็งบ่งบอกถึงอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นขึ้น หลังจากที่ได้ฟังความเห็นแก่ตัวของหลินอวี่และความจริงจากปากสามีเรื่องของบ้านหลังนี้
“จากนี้ต่อไป ขอเพียงแค่ทั้งสองบ้านไม่ยุ่งเกี่ยวกัน เมื่อไหร่ที่ผมสามารถที่จะทดแทนพระคุณของบ้านกู้ได้ ก็จะรีบนำเงินไปส่งคืนทันที สำหรับค่าเช่าผมคงจ่ายให้แม่ใหญ่ไม่ได้เพราะอย่างที่วาวาว่าไว้ ที่สำคัญคุณพ่อก็บอกว่ายกให้ผม แล้วแม่ใหญ่จะมาเหมารวมเก็บค่าเช่าได้ยังไง ผมว่าเป็นเพียงคำพูดของแม่ใหญ่ฝ่ายเดียวหรือเปล่าครับ”
จินเหอเห็นภรรยาเริ่มรู้สึกโกรธ เขาจึงเป็นฝ่ายพูดเอง
หลินอวี่เมื่อเห็นว่าท่าทางจะไม่ได้ตามที่ตั้งใจไว้ ก็รีบออกตัว ลุกขึ้นเดินไปทั่วทั้งบ้านด้วยหุ่นอุ้ยอ้ายไม่ต่างจากแม่หมูในเล้า ทั้งภายในตึกอากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว แม้จะมีลมพัดผ่านบางเบาจากบานหน้าต่างที่เปิดออกทุกบาน หญิงวัยกลางคนสวมชุดกี่เพ้าทันสมัยสีน้ำเงินเข้ม สวมกระโปรงยาวคลุมข้อเท้า พอมาเจออากาศร้อนแบบนี้ ทำให้เหงื่อไหลชุ่มเต็มหลัง ข้างขมับก็มีเหงื่อผุดประปรายด้วย
เหอวาวาเห็นท่าทางแบบนี้ของแม่สามีก็แอบขำในใจ จากที่กำลังเครียดถึงเรื่องที่กำลังคุยกันก็พอทำให้เธอสบายใจขึ้นมาหน่อย
หมูสวมกี่เพ้า ฮ่าฮ่าฮ่า
“ฉันไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง ที่มาวันนี้ก็เพื่อจะบอกว่าไม่ว่ายังไงสกุลกู้ก็ยังยืนยันจะเอาเงินที่ลงทุนไปคืนให้ครบ รู้หรือเปล่า กว่าสกุลกู้จะเลี้ยงจินเหอให้เติบใหญ่ ให้การศึกษา ให้ที่อยู่อาศัย จนเขาโตพอจะแต่งงานมีครอบครัวเป็นของตนเอง เงินมากมาย บุญคุณท่วมหัวขนาดนี้จะไม่ให้พูดได้ยังไง” หลินอวี่ หยุดเดินตรงหน้าต่างก่อนจะหันมาเอ่ยทวงบุญคุณอีกครั้ง