บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 เกือบตายอีกครั้ง

“คุณแม่ คุณแม่ครับ”

ได้ยินเสียงเด็กชายร้องเรียกจากทางข้างหน้าประตูห้อง วาวาพลิกตัวนอนตะแคง เพราะแม้จะมีเรี่ยวแรงอยู่บ้างแต่กลับไม่ได้สดชื่นแข็งแรงเหมือนเมื่อวาน มันช่างเป็นเรื่องน่าประหลาด เพราะครั้งที่รู้สึกตัวขึ้นมาครั้งแรกในยุคนี้ยังจำได้ว่าพอจะเดินเหินได้บ้าง 

“ลี่หยวนหรือลี่หยาง” เธอถามกลับไปเพราะว่าจำไม่ได้จริงๆ

ฝาแฝดคนน้องต้องประหลาดใจที่คุณแม่แยกพวกเขาทั้งคู่ไม่ออก ทั้งที่จริงๆ แล้วสมควรเป็นคุณพ่อที่แยกไม่ออกมากกว่า

“ลี่หยวน ผมหยวนหยวนเองครับแม่”

“มีอะไรหรือเข้ามาใกล้ๆ สิ ทำไมต้องทำท่าทางลับๆ ล่อๆ ด้วย”

เด็กชายทำท่าทางมีพิรุธ เขารีบเดินเข้ามาภายในห้องก่อนจะนำหมั่นโถวมายัดใส่ในผ้าห่มของคนเป็นแม่ เหอวาวาสงสัยมากว่าเพราะสาเหตุใดลูกชายของเธอจึงทำเช่นนี้

“นี่มันอะไรกัน หมั่นโถวพวกนี้ยังร้อนๆ อยู่เลย ลูกไปเอามาจากไหน”

“คุณแม่รีบกินก่อนเถอะครับ เดี๋ยวคุณพ่อยกโจ๊กมาแล้วคุณแม่จะไม่มีโอกาสได้กิน” ลี่หยวน แฝดน้องคะยั้นคะยอให้แม่ของตนรีบกินหมั่นโถวที่เขาออกไปซื้อมาจากหน้าปากซอยถัดไปสองคูหาตึก

“หมายความว่ายังไง เดี๋ยวคุณพ่อก็ทำอาหารมาให้แม่ ถ้าได้กินโจ๊กเข้าไปแล้วก็น่าจะดีขึ้น ลูกไม่น่ารีบร้อนไปหาของกินมาให้แม่ก่อนเลย” เหอวาวายังสงสัยในพฤติกรรมของลูกชาย จึงได้แสดงความเห็นออกไป

เด็กชายได้ยินเสียงผู้เป็นพ่อเดินเข้ามาใกล้ จึงเตรียมผละตัวจากไป

“คุณแม่รีบกินหมั่นโถวก่อนเถอะครับ เชื่อผม”

ทว่าก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้องยังไม่วายหันมาบอกให้ผู้เป็นแม่รีบกินหมั่นโถวที่เขาแอบเอามาให้ แต่ไม่ทันเสียแล้วกู้จินเหอเดินเข้ามาสวนกับลูกชายที่วิ่งออกไป ในมือของเขายกถาดอาหารซึ่งมีชามโจ๊กเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ติดมือมาด้วย

“โจ๊กมาแล้ว กินตอนที่ยังร้อนๆ จะดีที่สุด เดี๋ยวผมป้อน”

กู้จินเหอนำถาดที่มีชามโจ๊กวางไว้ที่โต๊ะเล็กข้างเตียง ตัวเขาอ้อมไปยกเก้าอี้มาวางไว้ตรงข้างภรรยาก่อนพยุงร่างของเหอวาวาขึ้นนั่งพิงพนักหัวเตียง แล้วกลับมานั่งบนเก้าอี้ แล้วจึงยกชามโจ๊กขึ้นมาถือไว้

ชายหนุ่มบรรจงเป่าลงไปบนช้อนที่ตักโจ๊กหมูสับด้วยความใส่ใจ วาวายังมีสีหน้าเอียงอาย แต่ก็ไม่อยากขัดใจสามี เธอยังคงมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาอย่างลุ่มหลง พร้อมกับนึกขอบคุณเกี๊ยวฟ้าประทานที่ทำให้เธอได้มีชีวิตสมบูรณ์แบบ

เพราะไม่ได้กินอะไรมาตลอดทั้งคืน ท้องน้อยๆ จึงรู้สึกอยากอาหารขึ้นทันที ทว่าเพียงเธออ้าปากรับโจ๊กที่สามีบรรจงเป่าให้ด้วยความใส่ใจ ลิ้นขั้นเทพที่ดีเลิศของเหอวาวาถึงกับส่งเสียงเตือนออกมาราวกับว่าโลกกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

โจ๊กสีขาวนวล มีหมูสับนิดหน่อย กระเทียมเจียวโปะหน้าเล็กน้อย ขึ้นฉ่ายกับผักชีที่ปนมาในโจ๊ก เหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้รสชาติที่วาวาสัมผัสได้ดีขึ้นแม้แต่น้อย รสสัมผัสที่ได้รับนั้นย่ำแย่เกินกว่าจะบรรยายออกมาได้

วาวาไม่จำเป็นต้องเห็นโจ๊กที่กลืนเข้าไปก็บอกได้ว่าเม็ดข้าวที่ไม่ได้บดจนละเอียด หมูยังมีกลิ่นคาว ชัดเจนว่าไม่ได้เอาหมูสับไปผัดน้ำมันก่อน แถมน่าจะใส่ลงไปทั้งอย่างนั้น ที่สำคัญคือกลิ่นซีอิ๊วโดดจนฉุน แต่ที่ทำให้เธอแทบจะกลืนไม่ลงก็คือรสเค็มสุดโต่งที่นำหน้ารสชาติทุกอย่าง

“เป็นยังไงบ้าง อร่อยไหม ผมลงมือทำเองเชียวนะ ตลอดมามีแต่คุณที่เป็นคนทำกับข้าว ผมเกรงใจมาตลอดเพราะไม่ว่าคุณจะทำงานหนักขนาดไหน คุณก็จะไม่ยอมให้ผมเข้าครัวเองเลย ครั้งนี้ผมได้โอกาสตอบแทนภรรยาบ้างแล้ว”

กู้จินเหอเอ่ยถามภรรยาเสียงใส ใบหน้าคาดหวังกับคำตอบของเหอวาวาไม่น้อย

คนป่วยแทบจะคายทิ้งเสียเดี๋ยวนั้น แต่เมื่อเหลือบเห็นใบหน้าคาดหวังของสามีที่ตั้งใจทำอาหารมาให้อย่างสุดฝีมือ ที่เธอทำได้มีเพียงกล้ำกลืนฝืนกินมันลงไปพร้อมแจกรอยยิ้มที่ปั้นแต่งด้วยความพยายามสูงสุดให้เขาแล้วก็พูดว่า

“ก็...ดีค่ะ”

เหอวาวาต้องฝืนกลืนโจ๊กคำแล้วคำเล่าเข้าไปทั้งน้ำตาตกใน ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าคำเตือนของลูกชายหมายความว่าอย่างไร ทางด้านจินเหอเข้าใจว่าภรรยาทำท่าคล้ายจะร้องไห้เพราะซาบซึ้งในน้ำใจของเขา ชายหนุ่มก็ยิ่งพยายามป้อนโจ๊กให้ผู้เป็นภรรยากินให้มากที่สุด

โดยที่ไม่รู้เลยว่าที่จริงแล้วเหอวาวาอาจจะหัวใจวายตายได้ก็เพราะกินโจ๊กฝีมือของสามี

เพราะอย่างนี้ใช่ไหม เหอวาวาคนเก่าถึงไม่เคยให้สามีทำอาหารให้กินเลยแม้แต่ครั้งเดียว ฟังจากที่กู้จินเหอเล่า ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนก็ยังทำด้วยตนเอง

เมื่อกู้จินเหอป้อนภรรยาจนพอใจเขาจึงนำชามโจ๊กไปเก็บ วาวาซึ่งฝืนทนกับรสชาติอันแสนทรมาน รีบเปิดผ้าห่มล้วงเอาหมั่นโถวที่ลูกชายคนรองเอามาให้ บิกินล้างปากอย่างเอร็ดอร่อย คิดว่าเกือบจะต้องตายอีกรอบเพราะกินโจ๊กฝีมือของสามี ถือว่าเป็นมื้อเสี่ยงตายยิ่งกว่ากินเกี๊ยวเทวดาแล้วข้ามมายุคนี้เสียอีก 

“คุณแม่ครับ ปลอดภัยดีหรือเปล่า” สองแฝดชายและน้องเล็กลี่จินยืนชะเง้ออยู่หน้าประตู เอ่ยถามเสียงเบา เนื่องจากเกรงว่าพ่อจะได้ยินบทสนทนาของพวกเขากับแม่เข้า

เมื่อได้ยินเสียงเรียกวาวารีบโบกมือเพื่อเป็นสัญญาณว่ายังปลอดภัยดี เมื่อลี่หยางและลี่หยวนเห็นผู้เป็นแม่โบกมือให้ก็รู้สึกเบาใจ พวกเขารีบเดินเข้ามาข้างในห้องนอน ลูกสาวคนเล็กรีบนำเอาส้มวางลงที่โต๊ะเล็กตรงหัวนอน พร้อมกับกำชับแม่

“คุณแม่รู้แล้วใช่ไหมครับ ความหมายของผม” ลี่หยวนกระซิบกระซาบเอ่ยถาม

“แม่เข้าใจแล้ว ต่อไปยิ่งต้องระวังตัว ฝีมือทำกับข้าวของพ่อ...อันตรายเหลือเกิน”

ทั้งแม่และลูกพยักหน้ารับรู้กัน ไม่คิดมาก่อนเลยว่าผู้ชายหน้าตาดีอย่างกู้จินเหอกลับมีฝีมือทำอาหารไม่เอาไหนที่สุด วาวาคิดในใจว่าที่แท้แล้วไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบที่สุดในโลก แม้แต่ตัวเธอเองก็เช่นกันในตอนที่เป็นนักศึกษาจากชาติก่อน ถึงแม้เธอจะเรียนเก่งแต่ก็ไม่สามารถที่จะมีคนรักรูปร่างหน้าตาดีอย่างจินเหอได้ แต่เมื่อมาเกิดใหม่ที่ยุคนี้พอได้สามีที่รักและเอาใจใส่ทั้งยังเป็นคนดีกลับกลายเป็นไร้ฝีมือทำอาหารไปเสียได้ 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel