บทที่ 4 เกิดใหม่เหมือนได้ขึ้นสวรรค์
“คุณแม่อยากดื่มน้ำไหมครับ ผมจะไปเอามาให้” กู้ลี่หยวน แฝดน้องเอ่ยถามแม่เสียงใส พลางเสนอตัวไปเอาน้ำมาให้
คนถูกเรียกว่าแม่รู้สึกเขินอายอยู่บ้างเพราะเดิมทีก็เป็นคนโสด แฟนก็ไม่เคยมี แม้แต่จูบหรือจูงมือผู้ชายเธอก็ยังไม่เคยด้วยซ้ำ เมื่อต้องตื่นมาอีกครั้งก็กลับกลายว่าเป็นคุณแม่ลูกสาม ทั้งเด็กๆ เหล่านี้ก็น่ารักเหลือเกิน ไม่ดื้อไม่ซนแถมยังรู้จักกตัญญูอีกด้วย
“ไม่เป็นไรจ๊ะ พวกลูกไปเล่นกันเถอะ ไว้เดี๋ยวแม่ดีขึ้นแล้วจะเดินออกไปช่วยพ่อทำงานนะ” วาวาเอ่ยบอกเหล่าเด็กน้อยเสียงหวาน อาจจะเคอะเขินอยู่บ้างกับความที่ต้องกลายเป็นคุณแม่ไปแล้ว ทว่าเธอก็ปรับตัวและทำมันได้ดี
“คุณแม่รู้สึกไม่ดีต้องรีบเรียกพวกเรานะคะ” กู้ลี่จิน ลูกสาวคนเล็ก อายุแค่สามขวบกว่าแต่ช่างรู้ความ นอกจากจะไม่งอแง ยังเป็นเด็กดีตามไปเล่นกับพี่ๆ อย่างไม่ต้องให้ใครเป็นห่วง
วาวาพยักหน้ารับคำ ลี่หยางและลี่หยวน จึงค่อยพาน้องเล็กลี่จินไปเล่นตามเดิม เมื่อภายในห้องไม่มีใครอยู่แล้ว หญิงสาวทำได้เพียงแค่นอนมองเพดาน ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมองหมุนไปมา ยังแอบลุกขึ้นแล้วรีบไปส่องกระจก
เมื่อเห็นว่าตัวเองรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปจากเดิมมาก จากคนผอมเก้งก้าง หน้าอกแบนราบ หุ่นยังกับไม้กระดาน กลายเป็นหญิงสาวเต็มตัวที่มีความสวยแบบดาราบางคนยังต้องอาย
เธอหันมองกระจกเงาอีกครั้ง แล้วหมุนกายไปรอบๆ ร่างนี้นอกจากจะมีใบหน้าที่สวยโดดเด่นแล้ว ยังมีหน้าอกคับซีที่ดันเสื้อแขนกระบอกออกมา อีกทั้งสะโพกกลมผายน่ามอง เอวคอด ผิวเนียนนุ่มดังผ้าไหม ทำให้วาวารู้สึกว่าตัวเองเป็นหญิงสาวที่สุดแสนจะโชคดี
สมแล้วที่มีคนพูดว่า จะเป็นคนสวยต้องตายแล้วไปเกิดใหม่ มันจริงสุดๆ
ถ้าเธอมีรูปร่างเช่นนี้ในโลกก่อน เชื่อว่าต่อให้เธอเป็นคนที่ยากจนที่สุดในชั้นเรียน ก็คงไม่มีใครรังเกียจ ทั้งจะมีหนุ่มๆ เข้ามาจีบมากมายเสียด้วยซ้ำ ทว่าเมื่อคิดไปถึงจินเหอซึ่งเขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมากๆ เหอวาวาก็ถึงกับแอบยืนยิ้มเขินเพราะไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองมีสามีหน้าตาดีฟ้าประทานขนาดนั้น
เหอวาวายืนยิ้มหน้ากระจกอยู่คนเดียว ในหัวคิดไปต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในชาติก่อน เรื่องในชาตินี้ รูปร่างของตนเอง รวมถึงความหล่อเหลาของกู้จินเหอ สุดท้ายความคิดก็ชะงักลงเมื่อคิดมาถึงว่า เธอมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง
“เกี๊ยวนั่นเป็นเกี๊ยวธรรมดาจริงๆ หรือเปล่า ไม่สิ! มันไม่มีทางเป็นเกี๊ยวธรรมดาแน่ๆ ลุงคนนั้นก็ต้องเป็นเซียน เป็นเทพแน่นอน ถึงได้บอกให้เราอธิษฐานก่อนที่จะกินเกี๊ยวเข้าไป ว่าแต่เราไม่ได้ฝันไปใช่มะ” เหอวาวาเปรยกับตนเองพลางหยิกลงไปหลังมือแล้วก็ต้องร้องออกมาเสียงดัง
“โอ้ย ไม่ได้ฝันแน่ๆ ความฝันไม่มีทางที่จะเจ็บ”
เมื่อตระหนักรู้ถึงความจริง หญิงสาวรีบคุกเข่าลงพร้อมกับวางมือลงกับพื้นแหงนหน้าขึ้นฟ้า
“ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณท่านเซียน หนูเกิดมาชาตินี้สวยสมบูรณ์แบบ มีสามีหล่อเหลาเอาใจเก่ง มีลูกชายลูกสาวที่น่ารัก นิสัยดี หนูไม่กลัวตายอีกแล้ว หนูจะตั้งใจทำมาหากิน แล้วจะต้องร่ำรวยกลายเป็นเศรษฐีตามที่อธิษฐานไว้แน่ๆ ค่ะ” พูดจบวาวาก็ก้มลงโขกศีรษะกับพื้นไปสามรอบ
“วาวาคุณทำอะไรของคุณ ลงไปคุกเข่าอยู่ตรงนั้นทำไมกัน หรือหกล้มอีกแล้วเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” กู้จินเหอกะเข้ามาดูภรรยาให้แน่ใจว่าไม่เป็นอะไร พอมาถึงเห็นวาวาทำท่าทางประหลาดก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย
วาวาเห็นสามีในมือถือถาดน้ำชารีบเดินเข้ามาทางตน เธอจึงรีบลุกขึ้นยืนด้วยอาการเขินอายเล็กน้อย แอบรู้สึกสะดุ้งเมื่อกู้จินเหอแตะเนื้อต้องตัว ช่วยประคองให้เธอเดินไปนั่งตรงที่โต๊ะกลมเล็กในห้องนอน
“เป็นอะไรหรือเปล่า” กู้จินเหอเห็นภรรยาสะดุ้งที่ตนเองเข้าไปช่วยประคองก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“แค่ตกใจค่ะ ไม่ได้มีอะไร ว่าแต่ตอนนี้ฉันเจ็บตรงนี้เหลือเกินค่ะ” วาวาแสร้งเจ็บเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของชายหนุ่มตรงหน้า ทั้งที่เธอนั้นไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรแม้แต่น้อย เพียงแค่รู้สึกอ่อนเพลียเท่านั้น
“ตรงไหนกันขอผมดูหน่อย ตรงนี้ใช่ไหมมาผมจะนวดให้”
เมื่อเห็นสามีหนุ่มทั้งเป่าและนวดที่ข้อมือของตน วาวาก็หน้าแดงเป็นมะเขือเทศสุกไปแล้ว ทำไงได้ คนโสด มันไม่เคยนี่นา ในชีวิตก่อนเธอเคยแอบคิดและมองคู่รักคนอื่นๆ ที่เดินสวนไปมา ทุกคนดูมีชีวิตรักสมบูรณ์แบบสดชื่นหอมหวาน ผิดกับตัวเธอซึ่งเป็นนักศึกษาจนๆ ไม่มีใครสนใจ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว
ยิ่งได้รับการดูแลเอาใจใส่แบบนี้ วาวาก็ทำตัวไม่ถูก สายตาก็มองกู้จินเหอนวดข้อมือให้ ทว่าสมองไม่รักดีก็ดันคิดไปไกลกว่านั้น
ไกลแค่ไหนนะเหรอ ก็ไกลถึงช่วงค่ำคืนเลยที่เดียว ร่างนี้มีสามีและลูกอีกสาม ดังนั้นมันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเวลาของสามีภรรยาในตอนกลางคืน ทว่าเหอวาวาคนเก่า เป็นสาวโสด แล้วถ้าถึงเวลานั้น เธอจะทำยังไง ยิ่งคิดภายในจินตนาการยิ่งบรรเจิด หน้าที่แดงอยู่แล้วก็ยิ่งแดงเข้าไปอีก จนกู้จินเหอต้องถามภรรยาให้แน่ใจอีกครั้งว่าเป็นอะไรหรือเปล่า
หญิงสาวที่อายเนื่องจากความคิดพิเรนทร์ของตนเองก็ได้แต่อึกอักตอบ
“ไม่มีอะไรคะ อากาศคงร้อน”
จะให้เธอตอบว่ากำลังคิดถึงค่ำคืนที่จะมาถึงก็คง...น่าอายเกินไปแล้ว